ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 74

ซู่เป่าก้มหน้าหยิบกิ่งไม้เขี่ยพื้น “ไปสถานที่อันไกลโพ้น และกลับมาไม่ได้อีก”

“……”

ก็คือถ้าน้ำเต้าวิญญาณบรรจุไม่เต็มก็อาจตายได้

เขาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยถาม “ผีแบบน้าขี้เหร่กับน้าอ้วน...ยังมีอีกไหม”

ถ้าหากมีก็รีบ ๆ จับ

ที่เขาถามไม่ใช่เพราะซู่เป่าบอกว่าถ้าบรรจุไม่เต็มน้ำเต้าอาจจะตายได้ เพียงแต่ว่า...

ที่เขาคำนวณ x กับ y ไปเมื่อกี้ ท้ายที่สุดจะได้ผลลัพธ์ตามที่เขาคำนวณหรือเปล่านะ

อืม ก็เป็นซะแบบนี้

ทันใดนั้น จี้ฉางก็ลอยเข้ามาใกล้ซูเหอเวิ่น กระซิบเบา ๆ “บอกมา ทำไมเจ้าถึงมองเห็นข้าได้”

ซูเหอเวิ่นสะดุ้งโหยงกำลังจะพูดอยู่ดี ๆ กลับมีชายชุดขาวปรากฏตัวตรงหน้าเขา ก่อนที่จะค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด

เขาถึงกับงง มองซ้ายมองขวา ถามเสียงต่ำ “ซู่เป่า ท่านอาจารย์ของเธอไปแล้วเหรอ”

ซู่เป่ามองไปด้านข้าง “ไม่นะ ท่านอาจารย์ก็ยังอยู่ข้าง ๆ พี่!”

ซูเหอเวิ่นเย็นวาบที่ต้นคอทันที รู้สึกราวกับว่ามีคนเอามือมาวางที่ไหล่ของเขา ขนเขาพึ่งจะยุบลงตอนนี้กลับตั้งขึ้นเหมือนเดิมแล้ว

เขาไม่กล้าหันหน้าไป!

นี่ขนาดมองไม่เห็น ยังน่ากลัวยิ่งกว่าตอนมองเห็นซะอีก!

ยิ่งได้ยินซู่เป่าถามขึ้นอีก “พี่ อาจารย์ถามพี่ว่าเมื่อก่อนพี่เคยเห็นสิ่งของที่ไม่ควรเห็นใช่ไหม”

ซูเหอเวิ่นตัวแข็งทื่อ “ไม่เคย!”

จี้ฉางลูบคาง ขมวดคิ้ว

“นี่ก็แปลก ทำไมเมื่อกี้ยังมองเห็น ตอนนี้กลับมองไม่เห็นแล้ว แปลกจริง ๆ”

เขาเป็นผีมาหลายร้อยปี ยังไม่เคยเจอคนแบบซูเหอเวิ่นเลยจริง ๆ

นอกจากจะมีตัวช่วยเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เอาน้ำตาวัวมาทาที่เปลือกตา หรือมีนักพรตลงอักขระเบิกเนตรให้

แต่เมื่อกี้ซูเหอเวิ่นกลับมองเห็นเลยทันที

หรือเพราะว่ามีตาเห็นผีโดยกำเนิด ไม่อย่างนั้นก็ต้องมองไม่เห็นสิถึงจะถูก

“แปลกจริง แปลกจริง ๆ” จี้ฉางเปิดตำราดู

เวลาเจอปัญหาอย่าไปลุกลี้ลุกลน เขาค่อย ๆ เปิดตำราหาคำตอบ

เวลาเดียวกันก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกป่า

ไม่นานซูอีเฉินกับครูอีกสองสามคน และผู้อำนวยการก็ปรากฏตัวที่ด้านหน้าเธอ

ตามมาด้านหลังยังมีซูเหอเหวิน ซืออี้หรัน ถังจื่อหาง และพ่อของเขาถังเถียนเถียน ตามด้วยแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์…

พวกเขาเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ที่ยังนอนหมดสติอยู่บนพื้น และเห็นซู่เป่ากับซูเหอเวิ่นนั่งยอง ๆ อยู่ใกล้กัน

ทว่า...กำลังนั่งคิดเลขกันอยู่!

ทุกคนมองไปบนพื้นดินที่มีตัวอักษร xy ด้วยความงุนงง

“ซู่เป่า!” ซูอีเฉินรีบเดินไปหยุดตรงหน้าซู่เป่า สายตาสำรวจตรวจเช็คร่างกาย “ไม่เป็นไรใช่ไหม”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”

ครูหวังครูสอนอังกฤษพูดไล่หลังมา “ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับฉัน ดูสิ เธอหนีมาหลบอยู่ที่นี่ โทษคนอื่นได้เหรอ”

เดิมทีหลังจากเลิกเรียนนักเรียนก็จะไปตั้งแถวกันที่ประตูโรงเรียน แต่ครูที่ปรึกษากลับไม่เห็นซูเหอเวิ่น ซู่เป่า และเสวี่ยเอ๋อร์

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์รีบอุ้มเสวี่ยเอ๋อร์ขึ้นมา “เสวี่ยเอ๋อร์!”

เสวี่ยเอ๋อร์เนื้อตัวเปื้อนดินเต็มไปหมด ผมเผ้ายุ่งเหยิง เธอเกือบจะจำไม่ได้ว่าเป็นลูกตัวเอง

พอเสวี่ยเอ๋อร์ได้สติขึ้นมา ทันใดนั้นก็ร้องไห้เสียงดังลั่น

“เจ็บ ๆ ๆ! เจ็บมาก!”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์เห็นบนหน้าเธอเต็มไปด้วยแผล ที่มือ ที่น่องก็มีแต่แผลเต็มไปหมด...

จมูกบวมเป่งจนเริ่มเขียว ฟันหน้าก็หลุด ขอบตาดำคล้ำ อัปลักษณ์ยิ่งกว่าหมูเสียอีก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” แม่เสวี่ยเอ๋อร์อยากจะบันดาลโทสะใส่เธอ แต่พอเห็นซูอีเฉินกลับได้แต่กลืนคำพูดที่อยากจะพูดลงไป

ก็นี่คนตระกูลซู...

เธอเปลี่ยนคำพูด แล้วถามขึ้น “เสวี่ยเอ๋อร์ของพวกเราทำอะไรผิดงั้นเหรอ”

เพียงแต่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม...

เธอไม่ได้ทำอะไรผิด! เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในป่าซะแล้ว

แถมยังถูกทำร้ายจนบาดเจ็บขนาดนี้

แม่ของเขาทำไมไม่เหมือนอย่างลุงของซู่เป่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ปกป้องเธอก่อน

เสวี่ยเอ๋อร์คิด ก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

ซูอีเฉินมองไปยังซูเหอเวิ่นก่อนจะถาม “เกิดอะไรขึ้น”

ซู่เป่ามุดหน้าลงเหมือนกับเด็กที่ก่อเรื่องไว้ กำลังจะตอบ

ซูเหอเวิ่นกลับตอบหน้าตาย “ผมทำเอง”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ตกตะลึง “ทำไม...”

สองมือซูเหอเวิ่นล้วงกระเป๋า ตะคอกใส่ “เธอมาหาเรื่องน้องสาวผม ฟ้องครูว่าน้องสาวผมแอบส่งกระดาษตอนเรียน”

“พอเลิกเรียนก็ลากผมมาที่นี่แล้วสารภาพรักกับผม”

“เป็นเด็กเป็นเล็ก อายุไม่เท่าไหร่ กลับเหมือนปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์พันปี ยังจะกล้ามาบอกว่าชอบผม ถ้าไม่จัดการแล้วจะเก็บไว้ทำไม”

“……” ทุกคนนิ่งสงัด

ซูเหอเวิ่นพูดเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วออกมา เพื่อปกปิดร่องรอยหลักฐาน หลีกเลี่ยงคนสงสัย

รับความผิดทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเขาเอง...

แม่เสวี่ยเอ๋อร์รีบต่อว่า “ถึงอย่างนั้น ก็ไม่เห็นจะต้องทำร้ายกันขนาดนี้เลย...”

เสวี่ยเอ๋อร์ชอบเขา มีคนมาชอบไม่ใช่เรื่องดีเหรอ!

ทำไมเขาต้องทำร้ายคนอื่นด้วย

ซูเหอเวิ่นตะคอกกลับไป “นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

ครูหวังที่ยืนกอดอกอยู่นอกวงก็ขมวดคิ้ว “เสวี่ยเอ๋อร์ฟ้องว่าเธอแอบส่งกระดาษตอนเรียนมันผิดเหรอ เธอนี่ไม่มีเหตุผลเลย ตัวเองทำผิดแต่มาทำร้ายคนอื่น”

ซูเหอเวิ่นยิ้มอย่างเยือกเย็น “ก็ไม่ผิด แค่ฟ้องครูแน่นอนว่าไม่ผิด แต่ว่าผมก็จะทำ จะทำไมล่ะ”

ครูหวังอึ้งจนพูดไม่ออก

บนหน้าถังจื่อหางเต็มไปด้วยความรู้สึกนับถือ สุดยอดจริง ๆ หลังจากนี้ยกซูเหอเวิ่นให้เป็นลูกพี่เขาไปเลย!

เดิมที เขาเองก็เป็นคนเขียนกระดาษให้ซู่เป่าถามว่าตอนเลิกเรียนจะขอลูบนกกับเต่าบ้างได้ไหม

ผลลัพธ์ก็คือถูกเสวี่ยเอ๋อร์ยกมือฟ้องครู ถูกลงโทษให้ยืนตั้งสี่สิบห้านาที

ถังจื่อหางคนใจน้อยก็เลยรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน

ซูอีเฉินพูดเบา ๆ “ทำร้ายร่างกายคนอื่นก็ไม่ถูกต้องจริง ๆ เรื่องนี้เดี๋ยวพวกเรารับผิดชอบเอง”

เขามองไปตามเสียงของชวีเสี่ยงที่ดังขึ้นด้านข้าง

“ขอโทษต่อที่สาธารณะ บอกไปว่าคุณหนูตระกูลหลาน ลากคุณชายน้อยตระกูลซูของพวกเรามาในป่าแล้วสารภาพรัก คุณชายน้อยตระกูลซูโมโหเลยทำร้างร่างกายเธอ ตระกูลซูของพวกเราต้องขอโทษด้วย จะชดใช้ค่ารักษาและค่าทำขวัญสิบล้าน”

ทำร้ายร่างกายชดใช้เงินให้ตั้งสิบล้านถือว่าเยอะมาก

ทว่าสำหรับตระกูลซูแล้ว เอาเงินสิบล้านโยนลงไปในน้ำก็เป็นเพียงเสียงจ๋อมเพื่อเล่นสนุกเท่านั้น

แม่เสวี่ยเอ๋อร์พูดต่อทันที “ไม่ต้อง ไม่ต้อง...”

ถ้าหากประกาศต่อสาธารณะแบบนี้ เสวี่ยเอ๋อร์ของเธอคงขายขี้หน้าแย่!

แม่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกหดหู่ใจ นี่มันเรียกว่าอะไรกันแน่

มีการขอโทษอย่างนี้ด้วยเหรอ…

พวกเขาดันจะขอโทษต่อสาธารณะ และยังชดใช้ค่าเสียหาย เธอไม่สามารถหาข้อติอะไรได้เลย

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มแห้ง “เด็ก ๆ ทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

เสวี่ยเอ๋อร์ร้องลั่น “หม่ามี้ หนูไม่...”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ปรามเสียงต่ำ “หุบปาก อย่าพูด!”

เสวี่ยเอ๋อร์เบะปาก น้ำตาหยดติ๋ง ๆ

ซูอีเฉินเอ่ยเสียงเบา “อย่างนั้นก็ดี”

พูดเสร็จรีบอุ้มซู่เป่าขึ้น แล้วพาซูเหอเวิ่นและซูเหอเหวินเดินออกไป

ครูหวังก็ด่าว่าไอ้พวกลูกหลานคนรวย

คะแนนของซูเหอเวิ่นดีมาก แต่นั่นก็แค่วิชาวิทยาศาสตร์ ส่วนภาษาอังกฤษกลับสอบได้แค่ 90 คะแนน

90 คะแนนในสายตาครูหวังเป็นนักเรียนที่ไม่ได้เรื่อง

ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เธอจึงไม่ชอบเขา

ซูอีเฉินที่เพิ่งจะเดินออกไปหยุดชะงัก หันหน้าตาเย็นชามองไปยังครูหวัง

“ครูหวังพูดแบบนี้ ผอ.หลี่ ท่านมีแผนจะลงโทษอย่างไร”

ก้นบึ้งในจิตใจครูหวังรู้สึกสับสน

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า

เรื่องแค่นี้ก็ถือว่าเธอผิดงั้นเหรอ!

เธอแค่ไม่ได้คอยประจบสอพลอพวกมีอิทธิพล พอพูดเรื่องจริงขึ้นมาก็ผิดงั้นเหรอ

เอาความโทสะมาลงที่เธอได้อย่างไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน