ครูเสี่ยวโอวพูดไปหลายเรื่อง แต่เหมือนเด็กคนนี้ยังไม่รู้ว่าปัญหาคืออะไร...
เธอจึงเปลี่ยนหัวข้องเรื่องพูดทันทีว่า “พูดตรงๆนะ เธออยากรู้ไหมว่าครูกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ? ครูเห็นด้วยกับการที่หนูถูกพวกเขาตบตี ! น่าจะตีให้หนักกว่านี้อีก ถ้าตีจนฟันหน้าของหนูหลุดร่วงลงมาก็ยิ่งดีเลย”
เหลียงเจิ้นอ้าว “??”
ครูเสี่ยวโอว “ถ้าใครตั้งฉายาที่ไม่น่าฟังให้ครู และทำให้ครูต้องโมโห ครูก็จะถอดชุดฟอร์มทำงานออก ถถปลายแขนเสื้อขึ้นและชกไปที่หน้าของเขาอย่างจัง!”
“ฉะนั้นหนูแค่ยังไม่ได้เจอกับคนที่ร้ายกาจจริงๆ หนูรอดูต่อไปก็แล้วกัน!”
เหลียงเจิ้นอ้าว “…?”
เขารู้สึกว่าแปลกมาก นี่คือครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดแบบนี้
คนอื่นมักชอบพูดว่าช่างมันเถอะ เด็กทะเลาะตบตีกันเป็นเรื่องปกติ
คุณแม่บอกว่า การตั้งฉายาให้คนอื่นถือเป็นเรื่องเล็กน้อย การชกต่อยคนอื่นถึงจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่!...
เขายังมีน้องชายอีกหนึ่งคนอยู่ที่บ้าน ทุกครั้งที่เขาตบตีกับน้องชาย คุณแม่ก็มักจะถามเสมอว่าใครเป็นคนลงมือก่อน
ใครลงมือก่อนใครก็จะถูกตำหนิ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาตั้งฉายาให้น้องชายว่าตัวกวนประสาท จนทำให้น้องชายร้องไห้ น้องร้องไห้ไปพร้อมกับทุบตีเขาไปด้วย
หลังจากที่แม่ซักถามจนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็พูดว่า พี่ชายตั้งฉายาให้หนูเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่หนูก็ไม่สมควรลงมือทำร้ายเขาใช่ไหม? ถ้าใครลงมือก่อนก็จะกลายเป็นคนที่ผิด!
หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจได้ว่า ยังสามารถใช้วิธีนี้ได้
ขอแค่ไม่เป็นฝ่ายลงมือก่อน ก็จะไม่เป็นความผิดของตัวเอง
ขณะเดียวกันเขาก็เรียนรู้ได้ว่า จะใช้คำพูดยั่วโมโหคนอื่น โจมตีคนอื่น เพื่อให้คนอื่นเป็นฝ่ายลงมือก่อนได้อย่างไร!
ข้อดีของการทำแบบนี้คือ เขาจะเป็นฝ่ายที่ได้รับความเห็นอกเห็นใจมากกว่า
นอกจากสาเหตุที่กล่าวมาในช่วงต้น ที่ทำให้เหลียงเจิ้นอ้าวไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ก็เพราะว่าแม่มักจะเรียกน้องชายว่าเจ้าขี้แย ตัวก่อกวน และยังตำหนิเขาว่าเป็นคนเชื่องช้า ตัวถ่วงเวลา และคนหัวดื้อ
ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นว่าการตั้งฉายาให้คนอื่นเป็นเรื่องไม่สมควร แต่จะทำให้คนอื่นสนใจเขามากยิ่งขึ้น
ตอนที่เพิ่งเปิดเรียนทุกคนยังไม่รู้จักกัน ไม่มีใครสนใจเขาเลย แต่เมื่อหลังจากที่เขาตั้งฉายาให้คนอื่น ก็เริ่มมีคนรู้จักเขามากขึ้น อีกทั้งยังมีเรื่องทะเลาะตบตีกับเขาอีก
ที่แท้ ก่อนหน้านี้ที่ครูชิวมักจะสอนนักเรียนว่าให้เป็นคนใจกว้างขวาง ไม่คิดเล็กคิดน้อย เหลียงเจิ้นอ้าวจึงไม่เคยได้รับการลงโทษอย่างจริงจัง จึงค่อยๆเข้าใจว่า “การตั้งฉายา” คือวิธีการสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่ง
……
แพทย์ประจำโรงเรียนดึงตัวครูเสี่ยวโอวไปอีกด้านหนึ่งอย่างเงียบๆ
“เอ่อ ครูเสี่ยวโอว คุณพูดแบบนี้กับเด็กดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ?”
มีครูที่ไหนจะบอกกับนักเรียนว่า ครูเห็นด้วยกับการที่หนูถูกตบตี ! ถ้าตีจนฟันหน้าของหนูหลุดร่วงลงมาได้ก็ยิ่งดีเลย
ครูเสี่ยวโอวรู้สึกโมโห “พูดแบบนี้แล้วไง?”
ยุคแปดศูนย์ต้องอดกลั้นความโกรธ ยุคเก้าศูนย์ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ยุคศูนย์ศูนย์ของพวกเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว ยุคศูนย์ศูนย์ต้องปฏิวัติระบบ
ยุดแปดศูนย์เก้าศูนย์สอนหนังสือแบบไหนเธอไม่รู้ แต่เธอรู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกมา เรื่องที่กลัวว่าจะกระทบหัวใจอันบอบบางของเด็ก กลัวว่าจะทำร้ายความรู้สึกของเด็ก ชักนำเด็กไปในทางที่ผิด แต่ทำไมไม่เคยคิดถึงหัวใจอันบอบบางของเธอดูบ้างล่ะ?
ถึงจะโตแล้วแต่หัวใจของเธอก็ยังเป็นเด็ก!
เธอยังเป็นแค่ ‘เด็ก’ แต่ก็ต้องมาสอนหนังสือให้เด็กเด็กกลุ่มนี้ และยังต้องรับมือกับกลุ่มผู้ปกครองที่น่าปวดหัว ทำไมถึงไม่มีคนสนใจหัวใจอันบอบบางของเธอบ้าง?? ไม่กลัวว่าจะทำร้ายความรู้สึกของเธอบ้าง?
เชอะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
รอทุกวันเลยค่ะ คุณไอซ์...
จะอัพเมื่อไหร่คับ รออ่านอยู่นะคับ@^_^@...
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนเขียนสุดยอดไปเลย👍 ปูเสื่อรอตอนต่อไปนะค่ะ🙇♀️...
รออ่านทุกวันคับ...
อ่านทุกวันสนุกมาก วันนี้หยุดอัพ เหมือนตอนเช้าขาดอะไรไปสักอย่าง ปกติ8โมงเช้าต้องเจอน้องซู่เป่า55555 นอตอนต่อไปค่ะ...
สนุก รออ่านทุกวันเลยค่ะ...
จะมีการลงตอนต่อไปอีกไหมคะ คิดถึงซู่เป่าปกติมารอ8โมง 2 วันไม่มา ไม่แน่ใจว่ายุติการลงหรือวันหยุด...
ไม่มีต่อแล้วเหรอคะ จะหาอ่านต่อได้ที่ไหนคะ...
อยากอ่านหนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...