“ไม่มีคำพูดใดอยากจะสั่งเสียแล้วใช่หรือไม่?” ราวกับเซียวเฉวียนมิได้ยินสิ่งใด เขาพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะจับจ้องไปทางเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพที่อยู่ตรงนั้น "ข้าขุนนางในราชสำนักขั้นห้า รองหัวหน้ากองราชองครักษ์เซียวเฉวียน! พวกเจ้ากระทำการกลั่นแกล้งราษฎรในที่สาธารณะ! ทั้งยังทำร้ายบุรุษข่มเหงสตรีเช่นนี้!”
เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพถึงกับตัวสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง! ห้า ขั้นห้า? เหตุใดเป็นขุนนางขั้นห้าแล้วเล่า?
นัยน์ตาของเซียวเฉวียนพลันทอประกายเย็นวาบ "กฎของต้าเว่ยกำหนดเอาไว้ว่า ... "
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของเซียวเฉวียนนั้น เอ้าเหยียและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกชาไปทั่วตัว ราวกับพวกเขาคาดคะเนได้ว่า เซียวเฉวียนจะเอ่ยอันใดออกมา!
“ภายในเมืองหลวงและพระราชวังนั้น นอกจากทหารองครักษ์ ทหารยาม ท่านเจ้าเมือง ท่านแม่ทัพแล้ว ผู้อื่นมิสามารถนำอาวุธเข้ามาภายในเหลาอาหารได้ ไม่ว่าจักเป็นร้านรวง บ้านเรือนผู้คนและสถานที่สาธารณะมากมาย!”
เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพถึงกับถลึงตาโตเต็มไปด้วยความตกใจในทันที! ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดเซียวเฉวียนถึงมาบอกพวกเขาเช่นนี้ เพราะว่าในยามนี้เขาเป็นขุนนางขั้นห้าแล้ว!
ขุนนางขั้นห้ามิจำเป็นต้องรายงานแก่ผู้คนชั้นสูงแต่อย่างใด ทว่ามีสิทธิ์ตัดสินลงโทษได้ในทันที!
ใช่แล้ว เมืองหลวงมีกฎเกณฑ์เช่นนี้! ห้ามนำดาบและกระบี่เข้าเหลาอาหาร! ทว่า กฎหมายนี้นับว่าไร้ประโยชน์ยิ่งนัก! เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา หาได้มีเจ้าหน้าที่คนใดมาจัดการพวกเขาไม่!
“พวกเจ้าก่ออาชญากรรมฐานละเมิดกฎ!”
เซียวเฉวียนพูดออกมาคำหนึ่ง ร่างกายของเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพพลันสั่นสะท้านไปในทันที! เอ้าเหยียเอามือปิดหูที่มีเลือดไหลออกมา พลางกล่าวว่า "เจ้า...เจ้ากล้าหรือ! วันนี้เป็นวันแรกของปีใหม่! วันปีใหม่เช่นนี้! เจ้า..."
“ข้า เซียวเฉวียนขอออกคำสั่งตามกฎบ้านกฎเมือง! ตัดสินโทษประหารพวกเขาเสีย!”
เซียวเฉวียนที่เอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา ทว่า กลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขากลับแผ่กระจายเสียจน ผู้ที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรยังต้องรู้สึกหนาวสั่น:
“ไป๋ฉี่! เหมิงเอ้า! เจ้าหนึ่งถึงเจ้าสิบ!” เซียวเฉวียนออกคำสั่ง “จัดการสังหารเหล่าโจรอันธพาลเหล่านี้ให้สิ้นซากเสีย! จักได้เป็นการส่งสารไปเตือนผู้อื่นด้วย!”
"ขอรับ! ! !"
ทั่วร่างของเหล่าผู้อารักขาพลันผุดเดือดเลือดร้อนขึ้นมาในทันที!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าที่มีพันธสัญญากับเซียวเฉวียนนั้น ทั่วร่างกลับเต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจบรรยายได้แผ่กระจายออกมา!
ความแข็งแกร่งอันทรงพลังที่นายท่านมอบให้!
"ไป!"
"ฟึบ!"
เหล่าผู้อารักขาทั้งทั้งสิบสองคนนั้น ภายใต้คำสั่งของเซียวเฉวียน กลิ่นอายรังสีฆ่าฟันของพวกเขาจึงเพิ่มขึ้นสูงในทันที!
"จัดการ!" เอ้าเหยียคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่มีเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพคนใดเป็นผู้ไร้ฝีมือ ไม่ว่าผู้อารักขาของเซียวเฉวียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน! ทว่า คนฝั่งพวกเขามีเยอะกว่ามาก!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็หยิบอาวุธเข้าห้ำหั่นกันในทันที!
เซียวเฉวียนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารข้างประตูเหลาอาหารนั้น พลันหยิบถั่วลิสงขึ้นมา
ภายในหอปี๋เซิ่งนั้น จึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในทันที!
เสียงร้องโหยหวนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดยังคงดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ !
เสียงคร่ำครวญเหล่านั้นล้วนแต่มาจากเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพทั้งหมด!
กลุ่มผู้อารักขานั้น หาได้เคยร่ำไห้โอดครวญเพราะความเจ็บปวดไม่!
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเป็นเพราะความเหนือชั้น ไม่ว่าเหล่าผู้อารักขาจะได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้มากเพียงใด พวกเขาก็สามารถฟื้นฟูและรักษาตนเองได้อย่างรวดเร็ว!
เมื่อประกอบกับความแข็งแกร่งของเจ้านายตนเองแล้วนั้น บาดแผลของพวกเขาสามารถฟื้นฟูจนหายไปได้อย่างรวดเร็ว จนน่าประหลาดใจ!
คมดาบที่แหลมคมของเอ้าเหยียนั้น พลันฟันไปที่หัวไหล่ของเจ้าเก้าในทันที เพียงพริบตาเดียว เลือดจึงพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผลในทันใด ก่อนที่เลือดจะไหลหยดย้อยออกมานั้น มันก็กลับฟื้นฟูเข้าที่เช่นเดิม!
เอ้าเหยียถลึงตาโตมองการฟื้นฟูบาดแผลตรงหน้าในทันที!
"เจ้า แม้งเอ๊ย! “เอ้าเหยียยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก!
นี่มันพวกปีศาจอะไรกัน!
กลุ่มภูตผีปีศาจเหล่านี้!
มีคำอธิบายคำเดียวเท่านั้น!
นั่นก็คือ เจ้านายของพวกผู้อารักขาเหล่านี้แข็งแกร่ง!
แข็งแรงมาก!
อาสือที่ล้มลงไปกับพื้นนั้น ภาพตรงหน้าของเขาเสมือนกับเต็มไปด้วยภาพมายามากมาย!
กลุ่มพวกไป๋ฉี่ลงมือรวดเร็วเกินไปแล้ว!
รวดเร็วเสียจน เขาเห็นแต่เพียงสีสันของเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกเขาเท่านั้น!
"มา นั่งลง" เซียวเฉวียนช่วยพยุงอาสือลุกขึ้นมา ก่อนที่อาสือจะเริ่มร่ำไห้ออกมาในทันทีเมื่อเห็นเขา "พี่ชาย! ขาของท่านหายดีแล้วใช่หรือไม่? ฮือฮือฮือ! ข้ามีความสุขมาก ๆ เลย! ฮือฮือฮือ!"
อาสือร้องไห้พร้อมกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“หากเจ้าไม่รู้วรยุทธ์ แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้พุ่งตัวออกไปเช่นนั้นเล่า?”
“ข้าไม่อาจทนเห็นมั่วสี่ถูกรังแกได้!” อาสือปาดน้ำตาออกมา ในยามที่เซียวเฉวียนไม่อยู่ที่นี่นั้น พวกเขาถูกพวกโจรอันธพาลเข้ามารังแกทุกวัน จนพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะตดออกมาเสียด้วยซ้ำ “ไม่กี่วันมานี้ พี่ไปอยู่ไหนมากัน?"
“ข้าถูกท่านอาจารย์ส่งไปฝึก”
“อ่า? แม้แต่ในยามวันส่งท้ายปีเก่าเช่นนี้ก็ยังต้องฝึกฝนด้วยหรือ? ข้าได้ยินมาจากตระกูลฉินกล่าวว่า ท่านมิได้ไปแม้แต่งานเลี้ยงในพระราชวังเสียด้วยซ้ำ!”
แม้แต่ในยามที่เหล่าผู้อารักขาและเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพกำลังห้ำหั่นและฆ่าฟันนั้น พวกเขาทั้งสองกลับเอ่ยพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพตกตายไปคนหนึ่งนั้น เซียวเฉวียนก็คีบถั่วลิสงลงบนโต๊ะ
หนึ่งเม็ด
สองเม็ด
สามเม็ด
หอปี๋เซิ่งเปรียบเสมือนกับนรกบนดินก็ไม่ปาน ทั้งโต๊ะ เก้าอี้และพื้นต่างก็เต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือดสีแดงทั้งหมด แม้แต่อาสือผู้ที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นแห่งความสุขที่แล่นเข้ามาภายในหัวใจของเขา!
คนเหล่านี้ต่างก็พากันมารังแกหอปี๋เซิ่งเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว พวกเขาสมควรที่จะโดนเช่นนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...