สรุปเนื้อหา บทที่ 1947 มุ่งหน้าสู่ตลาด – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1947 มุ่งหน้าสู่ตลาด ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เมื่อเห็นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ต้องจัดเตรียมอาหารมื้อเย็นของวันนี้แล้ว
เมื่อกลางวันเซี่ยวเฟิงออกไปทำอึกทึก ต้องสร้างความสะดุดตาอย่างมากมายแน่นอน
แถวนี้คือที่ขึ้นอยู่กับเมืองมู่อวิ๋น อยู่ติดกับเมืองหู
ข่าวที่เซี่ยวเฟิงมาก่อความวุ่นวายในตลาด อีกไม่กี่วันก็คงจะกระจายถึงเมืองหู
แทนที่จะปล่อยให้ชาวบ้านเพียงพูดคุยเรื่องนี้ ปล่อยให้ชาวบ้านในเมืองหูก็ได้สัมผัสกับตาสักหน่อย ได้เห็นฉากที่น่าตื่นเต้นของเซี่ยวเฟิงปรากฏตัวด้วย
ไม้นี้เรียกว่า รุกซ้ายตีขวา หรือเรียกอีกอย่างว่าแสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อน
จะทำให้เซียวเฉวียนปรากฏตัวเฉพาะในเมืองมู่อวิ๋นไม่ได้ ซึ่งจะให้พวกของยายเหยียนล็อคเป้าเฉพาะในเมืองมู่อวิ๋น
ให้ชาวบ้านในเมืองหูได้สัมผัสเห็นความยิ่งใหญ่ของเซี่ยวเฟิงบ้าง ไม่เพียงแค่นั้น ให้ชาวบ้านในทุกพื้นที่ของต้าเว่ยก็ได้สัมผัสเห็นด้วยก็ดี
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เซียวเฉวียนจะเบี่ยงเบนความสนใจของพวกยายเหยียน จึงต้องใช้แผนแย่ๆ นี้
เขาก็รู้ว่าทำอย่างนี้ไป จะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
เดินหมากพลาดไปที ก็จะพลาดไปทั้งกระดาน โอ้ ไม่นะ เดินพลาดไปแล้ว ก็ต้องหาทางไปกอบกู้ความผิดพลาดก่อนหน้านี้
เซียวเฉวียนให้เฃี่ยวเฟิงออกไปซื้อของ ขาดความรอบคอบเสียจริงๆ
จึงจำต้องมาใช้มาตรการรบกวนประชาชนเยี่ยงนี้
เพื่อชดเชยจิตใจที่ถูกกระทบกระทั่งของชาวบ้าน เซียวเฉวียนต้องแจกจ่ายเงินทองให้ไปบ้าง
ยังดีที่เขามีพกเงินเล็กๆ น้อยๆ ติดตัวอยู่บ้าง
เขาเอาเงินให้เซี่ยวเฟิงและสั่งว่า "ทุกสถานที่ที่เจ้าไปและหยิบของกินมาบ้างแล้ว เจ้าก็โปรยเงินไว้บนพื้นบ้าง"
ทำเช่นนั้น อาจไม่รับประกันว่าชาวบ้านที่ตกอกตกใจทุกคนจะได้เงิน ขึ้นอยู่กับใครมือไวก็ให้เขาเก็บเอาไป
ถึงตระกูลเซียวเฉวียนมีกิจการใหญ่โต แต่ก็ต้องใช้เงินไปในหลายทาง เขาจะทำให้บ้านเสื่อมเสียไม่ได้ ให้เงินเขาไปพอหอมปากหอมคอก็ดีแล้ว
เมื่อได้ยินปั๊บ เซี่ยวเฟิงก็พยักหน้า แสดงท่าทางว่าเขาเข้าใจความหมายของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปได้”
พูดแค่ขาดคำ เซี่ยวเฟิงก็ส่งเสียงเฟี้ยวที จากไปยังไว
เซี่ยวเฟิงสามารถช่วยเซียวเฉวียนแบ่งเบาความกังวลใจได้ จิตใจนั้นเบิกบานนัก
เซี่ยวเฟิงออกไปทำภารกิจอีกครั้ง กิเลนก็อดอิจฉาตาร้อนไม่ได้
มันโผล่หัวเข้าไปในปากถ้ำ และคำรามใส่เซียวเฉวียนไปทีหนึ่ง จะบอกกับเซียวเฉวียนว่า "เจ้านาย ข้าก็อยากออกไปทำภารกิจเหมือนกัน"
แต่ไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนจะเข้าใจความหมายของมันหรือเปล่า
เซียวเฉวียนไม่เข้าใจ แต่เซียนชิวน้อยฟังเข้าใจคำพูดของกิเลนได้ และเธอก็สมัครใจเป็นล่ามให้กิเลน "พ่อ กิเลนบอกว่ามันก็อยากเป็นเหมือนเซี่ยวเฟิง อยากช่วยท่านแก้ปัญหา"
โอ้ กิเลนก็คิดอยากหาอะไรทำแล้วหรือ ?
ดูเหมือนว่าสวีซูผิง ครูฝึกสัตว์คนนั้นจะฝึกฝนกิเลนมาไม่เลวทีเดียว
เซียวเฉวียนรู้สึกใจชื้นอย่างยิ่งและพูดเบา ๆ ว่า "กิเลน เจ้าก็อยู่คอยเฝ้าปากถ้ำ แค่นี้ก็ช่วยเหลือข้าอย่างมากโขแล้ว"
ไม่ใช่หรือ คอยเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ตัวเซียวเฉวียน ดูลาดเลาแทนเซียวเฉวียน นั่นเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่าออกไปข้างนอกเสียอีก
กล่าวได้ว่า งานของกิเลนนี้ก็ค่อนข้างสำคัญทีเดียว
เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนพูดมาเช่นนี้ กิเลนก็ลองคิดดู รู้สึกก็อย่างที่ว่ามา จึงยอมเฝ้าอยู่ที่ปากถ้ำด้วยความสมัครใจอย่างสงบนิ่ง
เซี่ยวเฟิงออกไปข้างนอก ถ้ากิเลนออกไปอีก ที่นี่ก็จะเหลือแค่เซียนชิวน้อยคนเดียว เซียวชิวน้อยสู้ยายเหยียนไม่ได้ หากยายเหยียนตามมาถึง เซียวเฉวียนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ใช่แล้ว หน้าที่เฝ้าปากทางเข้าถ้ำนี้สำคัญมาก
ในทางตรงกันข้าม กิเลนรู้สึกว่าเซียวเฉวียนให้ความสำคัญกับกำลังของมันยิ่งกว่า มิฉะนั้น เซียวเฉวียนคงไม่ปล่อยให้มันอยู่ในศูนย์บัญชาการนี้หรอก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ กิเลนก็รู้สึกมีอารมณ์ดีขึ้นเยอะ มีความสุขอยู่ในใจมาก
หลังแหกตากิเลนเสร็จ เซียวเฉวียนก็สั่ง "เซียนชิวน้อย เจ้าไปซื้อของกินให้พ่อหน่อยสิ"
เซียนชิวน้อยตอบรับอย่างเต็มใจ “จา พ่อ”
เซียวเฉวียนกล่าวว่า "ต้องระวังตัวด้วยนะ"
ก้นหน้าผาเป็นสถานที่หายากที่แยกจากโลกภายนอก ยายเหยียนจะละทิ้งไปได้ยังไง ?
เมื่อตระเตรียมการเพียงพอแล้ว ยายเหยียนก็มุ่งยังสถานที่ที่อาจ้านกล่าวถึง
ถนนชางเซิ่ง เมืองมู่อวิ๋น
ถนนสายนี้ก็คือที่ที่เซี่ยวเฟิงมาก่อความวุ่นวายในกลางวัน
และเซียนชิวน้อยก็บังเอิญมาที่นี่เช่นกัน
ตลาดได้คืนสภาพคึกคักตามปกติ มองไม่ออกว่ามีร่องรอยของความตื่นเต้นใดๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้
ชาวบ้านต่างก็มีสีหน้ายินดี ไปมาหาสู่กัน ทักทายกันอย่างมีมารยาทเรียบร้อย
แต่ว่า คนที่นั่งอยู่ในร้านน้ำชาร้านเหล้ายังมีสีหน้าหยอกล้อคุยกันว่า "เฮ่ย ท่านว่าเสือตัวใหญ่นั้นจะโผล่มาอีกทีไหม ?"
"พวกเราต้องระวังนะโวย"
มันไม่ได้ทำร้ายใครตอนที่ปรากฏตัว แต่ถ้ามันมาอีก ก็คงพูดยากนะ
เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ชาวบ้านของรอบๆ ถนนชางเซิ่งอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายสิบปี ไม่เคยเห็นมีเสือมาปรากฏเลย และเสือตัวนี้ยังมีเงินติดตัวด้วย
มันยังรู้ว่าหยิบเอาซาลาเปาจากเจ้าของร้านซาลาเปา จะต้องโยนเงินให้เจ้าของร้าน
คิดดูแล้ว เสือตัวนี้ต้องมีเจ้าของแน่ๆ
มันคงทำตามที่เจ้าของมันสั่งไว้
ไม่รู้ว่าใครกล้าขนาดนี้ เลี้ยงเสือไว้ใช้งานเอง แถมฝึกเสือได้ดีขนาดนี้
ทุกคนล้วนนับถือชื่นชมเจ้าของของเซี่ยวเฟิง
ผู้คนส่วนใหญ่ในบริเวณถนนชางเซิ่งนี้ไม่รู้ว่าเซี่ยวเฟิงที่อยู่กับเซียวเฉวียนนั้นดูสง่างามขนาดนี้ ยิ่งไม่รู้ว่าเสือตัวใหญ่ที่พวกเขาพูดถึงนั้นเป็นของเซียวเฉวียน
หากพวกเขารู้ พวกเขาตอนนี้คงจะนึกออกทันควันได้อย่างแน่นอนว่า เสือตัวใหญ่นั้นก็คือเซี่ยวเฟิงที่อยู่ในมือของเซียวเฉวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...