สรุปเนื้อหา บทที่ 1950 ลูกจ้างที่กระตือรือร้น – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1950 ลูกจ้างที่กระตือรือร้น ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เสี่ยวเซียนชิววางอาหารลง หายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “อื้ม เห็นไม้คำยันอันหนึ่ง ผู้หญิงที่หัวงอกขาวไปทั้งหัว”
เขายังตะโกนเรียกเสี่ยวเซียนชิว แต่เสี่ยวเซียนชิวทำเป็นไม่ได้ยินเดินออกไปแล้ว
ได้ยินดังนั้น เซียวเฉวียนก็ขมวดคิ้ว ถ้าอย่างนั้น ก็น่าจะเป็นเซี่ยวเฟิงที่ออกไป พอดีและเจอกับคนของย่าเหยียนเข้า
มันบังเอิญจริงๆ!
เซียวเฉวียนพูด “หลังจากนั้นละ?”
สิ่งที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดก็คือ เสี่ยวเซียนชิวได้ทะเลาะต่อสู้กับพวกของย่าเหยียนหรือไม่ หรือว่านางได้ถูกพวกนั่นจับจ้องหรือไม่
เสี่ยวเซียนชิวค่อยๆเงยหน้าขึ้น และพูดว่า “หลังจากนั้น ข้าก็ไปที่ห้องครัวนำอาหารมา จะรีบไปรีบกลับมา ไม่รีรอให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว”
เห็นสายตาของเซียวเฉวียนมีความกังวลอยู่ภายใน เสี่ยวเซียนชิวก็พูดต่อว่า “ท่านพ่อสบายใจได้ พวกเขาจำข้าเสี่ยวเซียนชิวไม่ได้ และเสี่ยวเซียนชิวก็ไม่ได้ไปขัดแย้งอะไรกับพวกเขา”
ก่อนที่จะออกมา เซียวเฉวียนก็สั่งกำชับอยู่นาน ถ้านางได้พบกับย่าเหยียนหรือคนอื่นๆจะต้องหลีกหนีไปให้ห่างไกล และนางมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องดูแลเซียวเฉวียน นางไม่สามารถเป็นอะไรไปได้ มิฉะนั้น ใครจะคอยปกป้องดูแลเซียวเฉวียนละ?
เมื่อได้พบอาเล่อ เสี่ยวเซียนชิวก็รีบหลบทันที
จะว่าไปแล้ว ผู้จัดการโรงเตี๊ยมแห่งนั้นที่ถนนชางเฉิงเป็นคนดีจริงๆ เสี่ยวเซียนชิวพูดว่า“ท่านพ่อถ้าวันหลังไปที่นั้นอีก จะต้องขอบคุณเขาอย่างมาก”
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา เสี่ยวเซียนชิวก็ไม่สามารถผ่านมาได้อย่างราบรื่นอย่างนี้
เซียวเฉวียนยิ้มและพูดว่า “แน่นอน”
มีความแค้นก็ต้องชำระ มีบุญคุณก็ต้องทดแทน เป็นหลักการของเซียวเฉวียนอยู่แล้ว
เสี่ยวเซียนชิวพูดว่า “งั้นท่านพ่อกินอาหารก่อนเถอะ อาหารเย็นหมดแล้วจะไม่อร่อย”
เซียวเฉวียนพยักหน้า และพูดว่า “มากินด้วยกันสิ”
พ่อลูกสองคนกินข้าวด้วยกัน
กลิ่นหอมของอาหารทำให้กิเลนที่เฝ้าอยู่ที่หน้าถ้ำอดไม่ได้ที่จะสูดดมกลิ่นอาหาร มันยื่นหัวยื่นหน้าเข้าไปด้านใน ในใจก็คิดภาวนาว่า “นายท่าน อย่าลืมข้าด้วย ข้าก็ยังไม่ได้กินอาหารเย็นเลย”
เจ้านายของมันไม่เข้าใจความคิดในใจของมัน แต่ว่านายน้อยสามารถรับรู้ได้
เสี่ยวเซียนชิวชี้ไปที่เนื้อจานหนึ่ง และพูดว่า “ท่านพ่อ อันนี้เอาให้กิเลนเถอะ”
“อื้ม” เซียวเฉวียนกินไปพูดไปด้วย
เมื่อได้รับอนุญาติจากเซียวเฉวียน เสี่ยวเซียวชิวก็ยกจานขึ้น และโยนออกไป พูดว่า “กิเลน รับนะ”
เนื้อเอาให้เจ้าแล้ว จะรับได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว
กิเลนได้ยินดังนั้น ดีใจร้องตะโกนเสียงดัง เป็นการแสดงออกว่าตัวเองได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว
จานลอยออกไป กิเลนอ้าปากคาบไว้ รับได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรงอะไรมาก
หลังจากนั้นกิเลนก็กินอาหารด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
ภายในถ้ำ เสี่ยวเซียนชิวกินไปด้วยและถามไปด้วยว่า “ท่านพ่อ พวกเราจะใช้โอกาสนี้ออกไปจากที่นี่ไหม?”
การออกไปนั้นง่ายดาย แต่จะหาที่หลบซ่อนที่เหมาะสมได้นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย
ตอนนี้ย่าเหยียนและคนของนางออกตามหาร่องรอยของเซียวเฉวียนไปทั่ว ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะไปหลบซ่อนที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยอย่างมาก
แทนที่จะหลบซ่อนที่นั่นที ที่นี่ที ให้เซียวเฉวียนอยู่ที่นี่ต่อไปจะดีกว่า
เพียงแค่เสี่ยวเซียนชิวไม่ถูกสะกดรอยตาม ย่าเหยียนและคนของนางก็ไม่สามารถตามมาถึงที่นี่ได้
ในเมื่อที่นี่เป็นพื้นที่ที่ถูกเลือกของสัตว์สงครามสองตัวเท่านั้น
สัตว์สงครามเลือกที่จะซ่อนตัว ก็เหมือนกับสัตว์อื่นทั่วไปที่เลือกที่ซ่อนตัว ทั้งมีความลึกลับและเป็นส่วนตัวกว่าที่คนเลือกอย่างมาก
หลบซ่อนอยู่ที่นี่ มันค่อนข้างที่จะปลอดภัยมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยวเฟิงได้ทำตามที่เซียวเฉวียนสั่งไปรออยู่ที่หูโจวก่อนแล้ว “ก่อกวน” ประชาชน เรื่องนี้เมื่อได้รับการเปิดเผย ผลที่ได้รับคือทำให้ปประชาชนเกิดความสับสน
แต่ก่อนอื่น เสี่ยวเซียนชิวไม่สามารถไปที่ถนนชางเฉิงได้อีกแล้ว
ย่าเหยียนมาปรากฏตัวอยู่ที่นั่น ก็แสดงว่าที่นั่นมีคนของนางคอยเฝ้าอยู่แล้ว
เซียวเฉวียนพูดว่า “ไม่จำเป็นแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ต่อไป”
ลูกจ้างรู้สึกสงสัยมองย่าเหยียนและพูดว่า “ไม่รู้ ท่านก็เห็นพวกข้ายุ่งกันขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปสนใจในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านั้นละ”
หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ลูกจ้างก็พูดว่า “เด็กผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับท่าน?”
ย่าเหยียนพูดโกหกว่า “นางเป็นหลานสาวของข้า โกรธโมโหหนีออกจากบ้าน”
“ไม่รบกวนแล้ว”
ถึงแม้ว่าย่าเหยียนจะมีชีวิตอยู่มานานถึงขนาดนี้แล้ว แต่เมื่อพูดโกหกกับคนธรรมดาทั่วไป นางไม่ค่อยถนัดเท่าไร
เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกจ้างคนนั้นซักถามต่อ ย่าเหยียนรีบหนีไปโดยเร็ว
ที่จริงแล้ว นางคิดมากไปเอง ลูกจ้างก็ไม่ได้มีเวลาที่จะคุยเล่นกับนาง เพียงแค่พูดตอบไปก็เท่านั้น “เด็กๆสมัยนี้ เข้าใจยากจริงๆ อะไรนิดอะไรหน่อยก็หนีออกจากบ้าน ”
หลังจากถอนหายใจหนึ่งที ลูกจ้างก็ยกอาหารเดินออกไป “มาแล้ว!อาหารมาแล้ว”
หลังจากที่ย่าเหยียนออกไปจากห้องครัวแล้ว ก็กลับไปที่โต๊ะนั่งลงข้างๆอาจั้น
อาหารที่อาจั้นสั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟ เป็นเวลาพอดีที่ลูกจ้างคนนั้นนำอาหารมาเสิร์ฟพวกเขา ก็คือลูกจ้างคนนั้นที่ย่าเหยียนรั้งเขาไว้เพื่อจะพูดคุยด้วยเมื่อครู่นี้
ลูกจ้างเหลือบมองย่าเหยียนด้วยสีหน้าสงสาร “ท่านผู้เฒ่า ท่านอย่ากังวลใจไป ถ้าเด็กหญิงคนนั้นคิดได้ ก็จะกลับมาเอง”
เด็กผู้หญิงคิดได้อะไรกัน กลับบ้านอะไรกัน?
ย่าเหยียนออกไปครู่เดียว ออกไปทำอะไร?
เด็กผู้หญิงอะไรมาจากไหน?
อาจั้นมีสีหน้าสงสัยเหลือบมองย่าเหยียน
มุมปากของย่าเหยียนกระตุกขึ้น นางกระแอมเพื่อกลบเกลื่อนความละอายใจของตัวเอง พยักหน้าและพูดว่า “อื้ม ขอบใจที่เป็นห่วง”
ลูกจ้างจัดวางอาหารให้พวกเขาไปด้วย และพูดไปด้วยว่า “ถ้าครั้งหน้าข้าได้เจอนางอีก ข้าจะช่วยพูดสั่งสอนนางให้ท่านเอง”
ย่าเหยียนรีบพยักหน้า และพูดว่า “น้องชายเจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ”
เมื่อถูกคนชื่นชม ลูกจ้างยิ้มเล็กน้อย และเดินออกไปรีบทำงานต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...