มันเร็วเกินไปไหม?
เถ้าแก่คิดว่าตัวเองตาฝาดไป อดไม่ได้ที่จะขยี้ตาและจ้องมองไปอีกครั้ง สุดท้ายรอบข้างก็ไม่พบใครเลย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสี่ยวเซียนชิวได้หายไปแล้ว
ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
งั้นเถ้าแก่ก็วางใจแล้ว
หลังจากที่เสี่ยวเซียนชิวออกจากโรงเตี้ยมแล้ว เธอก็คิดว่าจะไปห้องครัวผ่านทางหลังคา
แต่พอมาคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว ถ้าเธอเดินบนหลังคา อาจจะดึงดูดความสนใจของอาจั้นและมันก็เป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก เธอจึงเดินในทางที่ปกติและอ้อมไปที่ประตูหลังของโรงเตี้ยม
แต่เธอพึ่งไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ก็ได้มีผู้หญิงผมหงอกเต็มหัวถือไม้เท้าเดินผ่านเธอไป
เพียงแค่แปปเดียว เสี่ยวเซียนชิวก็มั่นใจได้ทันทีเลยว่าผู้หญิงคนนี้คือ ย่าเหยียนที่เซียวเฉวียนหมายถึง
โชคดีที่ย่าเหยียนไม่ทันสังเกตเห็นเสี่ยวเซียนชิว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
เมื่อเสี่ยวเซียนชิวคิดว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายและกำลังถอยกลับอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีคนมีเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “สาวน้อย”
เสียงไม่ดังมาก แต่เสี่ยวเซียนชิวก็ยังได้ยิน
เสียงนี้เป็นเสียงที่น่ากลัวจริงๆ !
บนถนนนี้มีคนพลุกพล่าน และเสียงเรียกเมื่อกี้ก็ไม่ได้ระบุชื่อ ใครมันจะไปรู้ว่าเธอชื่อ เสี่ยวเซียนชิว
เสี่ยวเซียวชิวก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน เธอเดินไปข้างหน้าตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ย่าเหยียนยืนอยู่ข้างหลังเสี่ยวเซียน เธอจึงยังไม่กล้าที่จะไปที่ห้องครัวแต่แกล้งทำเป็นเดินไปข้างหน้า
เมื่อเห็นเสี่ยวเซียนชิวเดินไปข้างหน้า ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของย่าเหยียน ย่าเหยียนก็มองไปที่เธอด้วยความสงสัย
ช่วงที่เสี่ยวเซียนชิวเดินผ่านนั้น เธอก็รู้สึกว่า เสี่ยวเซียนชิวนั้นมีลมหายใจที่คุ้นเคย
เป็นลมหายใจของชาวคุนหลุน ย่าเหยียนจำได้ดี
ย่าเหยียนจึงได้คิดว่า เสี่ยวเซียนชิวเป็นชาวคุนหลุน
และดูจากการเดินที่มีน้ำหนักเบาของเธอ น่าจะมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง
คนแบบนี้ เรื่องหูไม่น่าจะมีปัญหานะ
ทันใดนั้นย่าเหยียนก็เรียกเสี่ยวเซียนชิว เธอจะต้องได้ยินแน่และน่าจะหันกลับมามองที่ย่าเหยียน
แม้ว่าจะไม่ได้หันกลับมา เสี่ยวเซียนชิวก็ควรจะหยุดชะงักบ้าง
แต่เสี่ยวเซียนชิวไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับมาเลย ย่าเหยียนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจะเป็นภาพลวงตาที่ตัวเองได้สร้างขึ้นหรือเปล่า
เสี่ยวเซียนชิวอาจไม่ใช่ชาวคุนหลุน
ช่วงนี้น่าจะเครียดเกินเหตุ เจอใครก็คิดว่าคนนั้นไม่ใช่คนธะรรมดา
ย่าเหยียนหยุดคิดเรื่องนี้ คิดในใจว่า ต้องรีบหาเซียวเฉวียนให้เจอ ทำความเข้าใจกับเขาแล้วก็พักผ่อนให้ดี ๆ
ไม่อย่างนั้นก็จะระแวงทั้งวัน ย่าเหยียนก็กังวลว่าตัวเองจะมีปัญหาเกี่ยวกับประสาท
พูดจบ เธอก็หันกลับมาและเดินไปต่อ
ในขณะที่เดิน ย่าเหนียนก็ได้เรียกหาอาจั้นด้วย "อาจั้น!"
แต่เดิมที่อาจั้นได้รออาหารอยู่ ก็ได้ยินเสียงย่าเหยียนดังเข้ามาในหัวทันที
เกินความคาดหมายของเขามาก ย่าเหยียนก็มาที่ถนนชางเฉิงนี้ด้วย แถมยังอยู่ใกล้กับโรงเตี้ยมนี้ด้วย
อาจั้นก็ได้ตอบรับ “เจ้าสำนักเหยียน มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้!"”
ย่าเหยียนกล่าวว่า"สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?"
อาจั้นกล่าว “ข้าพึ่งกลับมาถึงที่นี่ พึ่งเข้ามากินข้าวที่โรงเตี้ยม จากนั้นค่อยไปหาอาเผิงเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์”
นี่อะไร อาหารร้อน ๆ ก็ยังไม่ได้กินเลย ย่าเหยียนก็มาตามหาซะแล้ว
ได้ยินแบบนั้น ย่าเหยียนก็ได้ถามขึ้น “สั่งอาหารแล้วหรือยัง?”
อาจั้นก็สับสนเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายที่ย่าเหยียนจะสื่อ ไม่รู้ว่าเธอจะกินด้วยหรือจะตำหนิเขาที่ไม่ได้ทำงานให้เรียบร้อย แล้วยังคิดจะมากินข้าวอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...