"ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง...เขาไปแล้ว เรากลับกันเถอะ" คนรับใช้คนหนึ่งออกมาพูดอย่างระวังว่า "คนผู้นี้มีตาหามีแววไม่ อย่าไปถือสามันเลย"
เซียวเฉวียนรับเงินของเซียนกวีแล้ว พิสูจน์ได้ว่าเขาได้ถูกชักจูงโดยเซียนกวีแล้ว ตามกฏิกา เซียนกระบี่จะมายุ่งอีกไม่ได้
"เซียนกวีลงมือไวชะมัด" เซียนกระบี่ยิ้มเยาะ "บุคคลคนนี้ ฉันก็ต้องการ"
ไม่มีอะไรอื่น เซียวเฉวียนไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเหมือนเขา มีพลังและเลือดร้อนอยู่ในกระดูก เขาชอบ!
เซียวเฉวียนควรอยู่ร่วมกับเขาเพื่อพัฒนาฝีมือดาบของต้าเว่ย บทกวีจะเขียนได้ดีแค่ไหน จะดีเท่าใช้ดาบหรือ?
ผู้คลั่งไคล้บทกวีของต้าเว่ยไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เขาล้มเหลวในการชักจูงก้งเซิง
เพราะหลังจากที่เซียวเฉวียนได้เงินมาแล้ว เขาไม่เคยได้กลับไปเยือนจวนอ๋องเลย!
เซียวเฉวียนรับเงินมาหกหมื่นตำลึง แล้วก็จบกันเพียงเท่านี้?
ตกลงไว้ว่าจะถือเอาเซียนกวีเป็นเพื่อนรู้ใจกันล่ะ?
เซียนกวีตั้งท่าไว้รออยู่แล้ว รอเซียวเฉวียนมาขอพบ รอได้แต่ลมกระโชกที่เย็นยะเยือก
เซียวเฉวียนใจจดใจจ่อจะเดินทางไปยังสถานที่รวมตัวของไพร่คุนหลุน สถานที่นี้ตั้งอยู่ในมุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ห่างไกลที่สุดของเมืองหลวง มีชื่อเรียกว่าอ้านย้วน (ความหมายว่าแหล่งน้ำลึกที่มืดมิด)
ชื่อนี้ตั้งขึ้นโดยผู้รู้หนังสือ ชื่อนั้นมืดมิด นึกสภาพก็รู้ได้ว่าไพร่คุนหลุนนั้นเป็นที่รังเกียจแค่ไหน ฟังแล้วก็รู้ว่ามันเป็นสถานที่มืดสนิทมองไม่เห็นแสงอาทิตย์และท้องฟ้า
สถานะของไพร่ในยุคโบราณนั้นต่ำต้อยมาก แม้แต่ชื่อสถานที่อยู่อาศัยยังถูกผู้รู้หนังสือเอาตักอักษรที่แย่ที่สุดมาตั้งชื่อให้
แม้ว่าชื่ออ้านย้วนจะดูเศร้าหมอง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดาๆ หากเซียวเฉวียวและไป่ฉีเดินด้วยเท้าไปที่อ้านย้วน ต้องเดินทางเป็นเวลาสองวัน เมืองหลวงของต้าเว่ยกว้างใหญ่พอสมควร ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะหาซื้อม้าระหว่างทาง
หลายวันมานี้ เซียวเฉวียนใช้จ่ายเงินเหมือนเทน้ำ
ครึ่งหนึ่งของทองคำหนึ่งพันตำลึงที่จักรพรรดิทรงประทานให้นำไปชำระค่าเล่าเรียน ที่เหลือห้าร้อยตำลึงถูกใช้เพื่อจัดงานเลี้ยงในตึกหมิงเยว่
นี่คือทองคำล้วนๆ เซียวเฉวียนใช้เงินโดยไม่กระพริบตา ราวกับว่าทองคำเป็นเหมือนดั่งดินทราย
ถึงจะมีบ่อนพนันอยู่ในครอบครอง แต่ครั้งก่อนมีคนจำนวนมากทุบจวี้เป่าฟาง โต๊ะเก้าอี้และเครื่องใช้ต่างๆ พังไปหมด จวี้เป่าฟางยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมปรับปรุง ยังไม่ได้เปิดทำการ
ไม่เปิดทำการหมายความว่าไม่มีเงินหมุนเวียนเข้ามา ค่าจ้างของคนงานยังต้องจ่าย ทุกวันไม่มีรายรับ แต่รายจ่ายมีเป็นฟ่อนๆ
บ่อนพนันไม่เปิด เซียวเฉวียนไม่เดือดร้อนไม่ว่า อี้กุยให้เงินมาสองแสนห้าหมื่นตำลึง เขาก็ไม่ได้ขนไปไว้ที่บ้าน แต่ยังเก็บอยู่ในบ่อนพนัน
เซียวเฉวียนบอกว่า ตั้งแต่วินาทีที่ได้บ่อนมา เงินที่มีในปัจจุบันและเงินในอนาคตของบ่อนจะเป็นของไป่ฉีและอาสือ
พวกเขาสองคนจะใช้ ก็นำไปใช้ได้อย่างสบาย
ร่ำรวยข้ามคืน !
อาสือดีใจแทบคลั่ง! สิ่งแรกที่เขาทำคือทำตามคำสั่งของเซียวเฉวียน เยี่ยมชมร้านอาหารรสเลิศทุกแห่งในเมืองหลวง! กินดื่มเที่ยวให้สนุก สำราญใจให้เต็มที่
มีเพียงไป่ฉีเท่านั้น ที่ไม่ได้หยิบใช้เงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว
ไป่ฉีรู้ดีว่าเขาเดิมพันถูก นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ด้วยสถานะของเขา ถึงเดิมพันถูกเขาก็จะไม่ได้เงิน บ่อนพนันนี้ได้มาก็เพราะคุณชายอี้ยอมรับเจ้านายเป็นลุงปู่ ถึงยกบ่อนพนันนี้ให้มาอย่างง่ายดาย
ทั้งบ่อนและเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไป่ฉีและอาสือเลย แต่เจ้านายยกทั้งหมดให้เป็นของพวกเขา สำหรับค่าใช้จ่ายรายวัน เจ้านายไม่ได้มายุ่งกับบ่อนพนันแม้แต่นิด ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอามาจากเงินหกหมื่นตำลึงที่เขาได้มาจากขายบทกวี
ทุกคนกล่าวหาว่าเจ้านายซึ่งเป็นลุงเขยของตระกูลฉิน เต็มไปด้วยความยากจนคร่ำครี ไป่ฉีคิดว่าหลังจากเซียวเฉวียนร่ำรวยในชั่วข้ามคืน เขาจะหาความสุขใส่ตัวอย่างเต็มที่ แต่ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่เขาไม่หาความสุขใส่ตัว เขายังมองว่าทรัพย์สินเงินทองนั้นเป็นแค่ดั่งมูลสัตว์
เจ้านายพูดอย่างใจป้ำ เงินทองใช้หมดแล้วเดี๋ยวมันก็กลับมาใหม่ ควรนำไปใช้และนำไปจ่ายบ้าง
ยัง เขายังใช้เงินตั้งหกร้อยตำลึงซื้อม้าทั้งหมดในคอกม้าอีก และสั่งให้คนคุ้มกันพวกเขาไปตลอดทางด้วย
วันนี้ได้ลูกค้ารายใหญ่มามีเงินเข้ามากมาย คนขายม้าร่างใหญ่ดีใจมาก แต่พอเขาได้ยินว่าจะให้นำม้าไปส่งที่อ้านย้วน เขาก็ปฏิเสธอย่างขันแข็ง
สถานที่นั่นเป็นที่ต้องห้ามสำหรับพ่อค้า พวกเขาคิดว่าอเวจีอันมืดมิดเป็นที่อับโชคมาก ถ้าโชคร้ายติดเสื้อผ้า จะกำจัดมันไม่ออก คุณก็จะโชคร้าย พวกพ่อค้าจึงไม่อยากไปที่นั่น
ไป่ฉีรู้สึกงงงวย "เจ้านาย ทำไมซื้อม้ามากมายขนาดนี้?"
”นี่เป็นครั้งแรกที่ไปบ้านคุณ ไม่ต้องเอาของขวัญไปด้วยเหรอ?”
ม้า ชาวบ้านทั่วไปไม่มีปัญญาซื้อม้าได้ มีแต่พวกลูกหลานผู้มีตระกูลเท่านั้นที่สามารถใช้ม้าได้ ของขวัญส่วนนี้หนักหนาเกินไป
แต่ผู้ขายไม่เต็มใจที่จะนำไปส่งให้ ไป่ฉีที่ดีใจตอนแรกรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ระหว่างเขากับเจ้านายมีช่องว่างของสถานะ แม้ว่าเขาได้มาเป็นผู้อารักขา แต่คนเหล่านี้ก็ยังดูถูกไพร่คุนหลุน
”นายท่าน สถานที่ตรงนั้นไปไม่ได้จริงๆ! พวกเราค้าขาย นอกจากหาเงิน ก็ตองหาสิ่งมงคลด้วย ขอเพียงให้มีความสงบสุข”
เดิมทีเซียวเฉวียนอารมณ์ดีและไม่ต่อรองราคากับเขา เขาขอเงินหกร้อยตำลึงและเขาก็ตกลงให้เลย
แต่แล้วเขาไม่ยอมส่ง? ม้าเหล่านี้จะจดจำคน ไม่ใช่คนรู้จัก จะไม่ยอมให้ขี่ง่ายๆ ไม่งั้นเซียวเฉวียนคงไม่คิดจะใช้เขาหรอก
ม้าราคาประมาณยี่สิบห้าถึงห้าสิบตำลึง เท่ากับ 50,000 ถึง 100,000 หยวนในยุคปัจจุบัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...