อาจื่ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วออกมา เมื่อพูดไปขนาดนี้แล้ว ฉินซูโหรวไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยงั้นหรือ? นางไม่เข้าใจหรืออย่างไรกัน?
สิ่งที่เขาจะสื่อนั้นก็ชัดเจนมาก ว่าเพลิงดาบชุ่ยเมี่ย อาวุธวิเศษนั้นอยู่ในร่างของอาจื่อ มันอยู่ในร่างของอาจื่อ!
ถ้าฉินซูโหรวและเซียวเฉวียนยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็จำเป็นต้องพึ่งอาจื่อ!
สถานการณ์คับขันเช่นนี้!
ยังจะไปไหนได้อีกงั้นหรือ!
ไม่ไปแล้ว !
ถ้าคราวนี้ไปจริง ๆ อาจื่อก็ต้องจบเห่แน่!
ในสถานการณ์เร่งด่วนนี้ อาจื่อก็ได้เอียงหัวเพื่อเลี่ยงดาบที่แหลมคมนั้น มือเท้ากอดต้นไม้แน่เหมือนเถาวัลย์ที่รัดต้นไม้ ด้วยท่าทางที่หมดหนทาง : “ข้าไม่ไป ฉินซูโหรว ถ้าพวกท่านยังอยากมีชีวิตอยู่ก็รีบปล่อยข้าซะ!"
อยู่ที่นี่ต่อไป ไม่แน่ว่าอาจื่ออาจมีหนทางรอดอยู่บ้าง แต่ถ้าจากไป เขาต้องจบเห่แล้วแน่!
เป้าหมายของอาจื่อในตอนนี้ก็คือ ติดตามเซียวเฉวียนไป ได้เป็นสนมของเขา เพลิดเพลินไปกับชีวิตที่มั่งคั่ง มีตำแหน่งที่สูงศักดิ์ ชีวิตที่สวยงามของนางกำลังจะเริ่มต้นจะให้ทิ้งมันไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?
อาจื่อไม่เข้าใจฉินซูโหรว อาจื่อคิดว่าที่นางด่าด้วยถ้อยคำแรง ๆ ออกมาก็เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น ฉินซูโหรวทำอะไรไม่ได้ และเหตุผลที่ทำให้นางคิดแบบนี้ก็เป็นเพราะ นางประเมินความเกลียดชังที่ฉินซูโหรวมีต่อนางต่ำเกินไป
ใช่ ฉินซูโหรวไม่ฆ่าอาจื่อง่าย ๆ แน่ มันง่ายเกินไป!
ชื่อเสียงของฉินซูโหรวถูกตัวปลอมนี้ทำลายจนหมดสิ้น การแต่งงานก็ถูกทำลายลง และแม้แต่ตระกูลฉินก็ต้องพบกับหายนะ หากไม่ใช่เพราะอาจื่อได้พาเหลียงไหวโหรวเข้ามา ตระกูลฉินก็คงไม่ถูกเว่ยเชียนชิวใช้ประโยชน์ได้ง่ายขนาดนี้ ถึงกับต้องมาพบกับเรื่องแบบนี้?
ความเกลียดชังที่ฉินซูโหรวมีต่ออาจื่อนั้นมีมากกว่าที่ฉินซูโหรวมีต่อหมิงเจ๋อเสียอีก!
อาจื่อเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาและยังเป็นลูกน้องของหมิงเจ๋อด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถปฏิเสธการที่หมิงเจ๋อเข้าไปแทรกแซงในจวนฉินแทนฉินซูโหรวได้ แต่หลังจากที่อาจื่อได้เข้ามาในจวนฉิน ดูจากการที่ตระกูลฉินปฏิบัติต่อนาง นางก็ไม่ควรยั่วยวนจวนฉินและทำเรื่องไม่ดี!
มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เช่น จิ่นเซ่อ ก็เป็นตัวตนปลอม จิ่นเซ่อก็เหมือนอาจื่อ ที่ต้องทำเรื่องที่อันตราย!
ถ้าจะให้พูดจริง ๆ อาจื่อก็เป็นแค่คนไร้จิตสำนึกคนหนึ่ง!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ย่อมต้องถูกลงโทษ! วันนี้ฉินซูโหรวก็ต้องจัดการ!
ในเมื่ออาจื่อตายเพราะไม่ยอมจากไป แบบนี้ฉินซูโหรวก็จะได้ทำตามหัวใจตัวเองเสียที!
ดวงตาของฉินซูโหรวประกายด้วยความแค้น แล้วควงดาบขึ้นมาแทงไปที่ขาของอาจื่อ......
"โอ๊ยยยยยยยย!
เสียงอาจื่อร้องครวญครางเหมือนหมาป่าดังก้องไปทั่วทั้งภูเขาหมิงเซียน หรือแม้แต่เชิงเขาก็ไม่เว้น โย่วควนและมู่เวยที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ได้ยินเสียงนี้ เสียงนี้ทำให้ทั้งสองรู้สึกชาไปทั้งตัว และได้พูดขึ้นพร้อมกันว่า : “ใครกันร้องครวญครางได้น่ากลัวถึงขนาดนี้?”
ฟังไปฟังมา มันก็ไม่เหมือนเสียงของผู้คนที่ภูเขาหมิงเซียน มู่เวยได้แต่คิดในใจ หรือว่าจะมีผู้บุกรุกที่เผลอไปเหยียบเข้ากับกับดักที่อาจารย์มู่จิ่นทำไว้?
เสียงกรีดร้องนี้ ทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างยิ่ง
และเป็นเพราะเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันนี้ มู่เวยจึงได้ละเลยความเกลียดชังของตนที่มีต่อโย่วควนและเซียวเฉวียนไปชั่วขณะ และหันไปพูดกับโย่วควนด้วยน้ำเสียงที่สงบ : “ได้ยินแล้วใช่ไหม นั่นคือผลกรรมที่มาบุกรุกภูเขาเซียน”
“ได้ยิน แต่ข้าไม่ได้บุกรุก” โย่วควนพยักหน้า แต่แขนทั้งสองข้างไม่ปล่อยมู่เวยเลย ถึงแม้ว่าในอ้อมกอดเขาจะมีคนสวยแบบนี้อยู่ แต่ในหัวกลับสลัดเรื่องของเซียวเฉวียนออกไปไม่ได้เลย เขาจะปล่อยให้มู่เวยส่งข่าวไปทำให้เซียวเฉวียนสับสนวุ่นวายอีกไม่ได้แล้ว
ตอนที่อาจื่อได้กรีดร้อง เซียวเฉวียนได้รักษาอาการบาดเจ็บให้องค์หญิงแล้ว อาการดีขึ้นแล้ว สีหน้าขององค์หญิงก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น เซียวเฉวียนยังได้ใช้แรงเพื่อทำให้เสื้อผ้าองค์หญิงแห้ง แม้ว่าจะขาดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถือว่ายังใส่ได้อยู่
เซียวเฉวียนหูไว ได้ยินเสียงกรีดร้องของอาจื่อก่อนที่องค์หญิงจะได้ยินเสียงอีก
เซียวเฉวียนรู้ว่าองค์หญิงมีจิตใจดี กลัวว่าเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องนี้จะทำให้นางกลัว เขาเลยได้เอามือทั้งสองปิดหูองค์หญิงไว้ตั้งแต่แรก เพื่อปกป้ององค์หญิง
อาจื่อที่อยู่ตรงมุมมืดนั้นได้เห็นการกระทำที่อ่อนโยนของเซียวเฉวียนนี้ ใบหน้าเปลี่ยนสี ความเกลียดชังนั้นมาแทรกทันที
อาจื่อเกลียดองค์หญิงที่แย่งทุกสิ่ง ๆ ทุกของนางไป เกลียดเซียวเฉวียน เกลียดที่ฉินซูโหรวที่จิตใจโหดเหี้ยม!
แต่ว่า เมื่อมองไปที่ร่างขององค์หญิง ไฟที่ลุกอยู่นั้นก็ยิ่งแผดเผาขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มที่ดุร้ายของอาจื่อ ทั้งสองมือของนางบีบลูกปัดในถุงอย่างแรง จนมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“ฮ่า ๆ !" อาจื่อเปิดกระเป๋าแล้วเทของออกมา มองผงลูกปัดที่ฟุ้งออกมา แล้วลอยไปตามลม อาจื่ออดทนกับความเจ็บปวดทั้งหมดแล้วหัวเราะออกมา “ไปตายซะ! ไปตายซะให้หมด! ข้าต้องการให้พวกเจ้าชดเชยกับทุกสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้!"
แต่วินาทีถัดมา อาจื่อก็หัวเราะและตะโกนออกมาไม่ได้อีกแล้ว
นางจ้องมองเซียวเฉวียนที่หยิบลูกปัดกลมโตออกมาด้วยความตกตะลึง อาจื่อเห็นปุ๊บก็จำได้ทันทีว่านั่นคือ ดวงตาของหมิงเจ๋อ นางส่ายหัวออกมาและพูดว่า : “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร?”
นี่ต่างหากลูกปัดของจริง มันมาอยู่ในมือของเซียวเฉวียนได้อย่างไรกัน?
อาจื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเซียวเฉวียน ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า ตนถูกหลอก สิ่งที่ตนขโมยมานั้นไม่ใช่ลูกปัด!
อาจื่อพูดอย่างเสียสติ : "ทําไม! ทําไมพวกเจ้าต้องโกหกข้า!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...