ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1027

หากหยิบปืนมาไม่ได้เพื่อต่อสู้ เช่นนั้นเอาไว้เพื่อสิ่งใด? เล่นขายของหรือ

เซียวเฉวียนจับจ้องเขาพลางพยักหน้า “เกียรติยศความรุ่งเรืองของต้าเว่ยคงต้องฝากไว้ที่ท่านแล้ว”

มู่จิ่นผงะไป “เพราะอะไรท่านถึงกล่าววาจาเช่นนี้กับข้ากัน”

“เพราะว่า ข้าเดาว่าท่านเป็นคนจีน”

เซียวเฉวียนมั่นใจประมาณห้าส่วน ทว่าน้ำเสียงของเขากลับมั่นใจอย่างเต็มประดา

มู่จิ่นผงะไป เขาขมวดคิ้วแน่นพลางมองเซียวเฉวียนอย่างเอาเป็นเอาตาย

...

...

สำนักหมิงเซียน ใต้ตีนภูเขา มู่เว่ยถูกโย่วควนกุมตัวไว้อยู่ มู่เว่ยเองก็ดิ้นรนจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว น้ำเสียงของนางก็อ่อนยวบเหมือนปุยนุ่นเข้าไปอีก “โย่วควน...ท่านปล่อยข้าขึ้นภูเขาเถอะ ศิษย์พี่ของข้าอยู่บนนั้น ยังไม่ลงมาสักที ข้าละเป็นกังวลขึ้นมาจริงๆ แล้ว”

เซียวเฉวียนเองก็อยู่บนภูเขา โย่วควนเป็นห่วงอย่างมาก

ทว่ามู่เวย แม่สาวน้อยผู้นี้เฉลียวฉลาดไปหน่อย เขาไม่อาจจะปล่อยนางไปเช่นนี้ เขาใช้ฝ่ามือหยาบกร้านลากตัวมู่เวยเอาไว้โดยไม่สนข้อแตกต่างชายหญิง “แม่นาง ข้าขออภัยจริงๆ ในเมื่อบนภูเขามีอันตราย เช่นนั้นท่านกับข้าก็อยู่กันที่นี่เถอะ”

สีหน้าของมู่เว่ยหมออารมณ์สิ้นดี เหตุใดจึงได้มีคนที่ยุยงไม่ขึ้นอย่างโย่วควนผู้นี้ปรากฏตัวออกมาได้ นางพูดจาดีๆ โน้มน้าวจนหมดสิ้นแล้ว โย่วควนยังไม่หวั่นไหวเลยสักนิด

นางพร่ำพูดจาดีๆ โอ้โลมโย่วควน โย่วควนเพียงหน้าแดงฉานแต่กลับไม่รับฟัง

นางคุกคามโย่วควนว่ารอจนกระทั่งจบเรื่องแล้วจะตัดมือเขาเสีย โย่วควนก็ไม่ฟังเช่นกัน

ต่อให้เป็นคนฉลาดเสียยิ่งกว่านี้ พบกับคนที่มีปณิธานดื้อรั้นเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้ ก็คงรู้สึกสิ้นไร้หนทางไปเช่นกัน

มู่เวยเพียงแต่รังเกียจแผนการต่างๆ นานาของตนเอง ดังนั้นจึงขอร้องตรงๆ แทน ผลสุดท้ายไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด ขอร้องไปก็เท่านั้น

ตอนนี้มู่เว่ยยิ่งขอร้องแบบหน้าตายมากขึ้นอีก “โย่วควน...เจ้าคือคนที่ดื้อดึงที่สุดที่ข้าเคยพบ คนเช่นเจ้านี้ ใต้หล้าเกรงว่าจะมีเพียงเจ้าคนเดียว”

“อย่างนั้นหรือ?” โย่วควนยกยิ้มบางเบา “ข้ากลับเคยเห็นคนที่ดื้อดึงเสียยิ่งกว่าข้า”

“ใครอย่างนั้นหรือ?” มู่เว่ยยามนี้ไม่ดิ้นรนแล้ว นางพลันชวนคุยเรื่องอื่นแทน “คงจะไม่ใช่นายท่านของเจ้าหรอกนะ?”

ไม่ผิด โย่วควนพยักหน้า

“อา ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นนายท่านของเจ้า คนเขาก็ว่าแขกย่อมเปลี่ยนตามเจ้าบ้าน สิ่งของมีลักษณะเหมือนนาย ดูจากสภาพของเจ้าเช่นนี้แล้วก็รู้ว่านายท่านของเจ้าเป็นพวกหัวดื้อสักแค่ไหน เหมือนวัวตัวหนึ่งไม่ผิด” มู่จิ่นเอ่ยเสียงเย็น มีความรังเกียจอยู่หลายส่วน

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา

“ใครพูดว่าข้าเหมือนวัวกัน?”

เซียวเฉวียนพูดด้วยเสียงหยอกล้อ

“นายท่าน!”

“ศิษย์พี่!”

มู่เวยกับโย่วควนประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน ต่างพากันพุ่งเข้าไปหาพวกเขา

ทั้งร่างของมู่จิ่นเต็มไปด้วยโคลน แต่เซียวเฉวียนกลับสะอาดสะอ้านไปหมดทั้งตัว มารดาเคยกล่าวไว้ สุภาพชนเสื้อผ้าย่อมเรียบร้อย แม้มารดาจะไม่อยู่แล้วแต่เซียวเฉวียนกลับจดจำประโยคนี้เอาไว้แม่น

“ศิษย์พี่! ท่าน...เหตุใดท่านถึงได้กลายเป็นเช่นนี้กัน! ไป! พวกเราไปล้างหน้าเสีย!”

ยามปรกตินั้นมู่จิ่นเป็นคนทำตัวสะอาดสะอาดจิตใจปลอดโปร่งผู้หนึ่ง ยามนี้กลับสกปรกเสียเช่นนี้ ดูเหมือนสะเทือนใจอย่างหนัก มู่เวยปวดใจอย่างมากอดไม่ได้ที่จะด่า “ไอ้หน้าตายที่ไหน ทำเอาภูเขาหมิงเซียนเป็นเสียแบบนี้!”

มู่จิ่นกับเซียวเฉวียนมองตากันแล้วกระแอมไอเสียงหนึ่ง “ศิษย์น้องหญิง ข้าไม่เป็นอะไร”

กล่าวแล้ว มู่จิ่นก็ถลึงตามองโย่วควนครั้งหนึ่ง เมื่อครู่โย่วควนกุมมือของมู่เว่ย มู่จิ่นเห็นแล้ว

ทว่าโย่วควนกลับไม่ได้สัมผัสความเป็นศัตรูของมู่จิ่น ความสนใจของเขานั้นอยู่ที่เซียวเฉวียน “นายท่าน มีข่าวอะไรหรือไม่?”

“อื้ม มีอยู่”

เมื่อครู่เซียวเฉวียนถามจากปากคำของมู่จิ่นถึงสถานที่เก็บปืน

อีกทั้งเมื่อครู่ ก่อนหน้าที่ฉินซูโหรวจะกลับต้าเว่ยนั้นก็ได้บอกสถานที่โดยคร่าวๆ ของเถาต้นมันฝรั่งให้เซียวเฉวียนแล้ว

จำเป็นต้องพูดสักหน่อย ในฐานะที่เป็นธิดาสายตรงของตระกูลแม่ทัพ ความสามารถของฉินซูโหรวสุดยอดเป็นอย่างมาก วันเวลาที่เซียวเฉวียนค้นหาปืนนั้น ฉินซูโหรวทำตามที่เซียวเฉวียนกำชับ แอบหลีกเร้นตัวเริ่มค้นหาเถาต้นมันฝรั่ง

ตามที่เซียวเฉวียนอธิบายนั้น ฉินซูโหรวพบเถาวัลย์ที่อาจจะเป็นเถาของต้นมันฝรั่งได้จากพ่อค้ารายหนี่งในแถบเหนือของซินเจียง

ดังนั้นแล้ว มู่จิ่นก็เลยเหลือกระบอกหนึ่งไว้เพื่อป้องกันตัว ส่วนอีกกระบอกนั้นย่อมมอบให้มู่เว่ยศิษย์น้องสุดที่รัก

นอกจากปืนสองกระบอกนี้และลูกกระสุนแล้ว มู่จิ่นก็ไม่เหลืออะไรอีก เพราะว่าเขาไม่อาจจะเข้าคลังอาวุธได้

สถานที่ตั้งของคลังอาวุธนั้นอยู่ตรงใจกลางทะเลทราย ในยามนี้มู่จิ่นไม่อาจจะรั้งอยู่ตรงนั้นตลอด ไม่อย่างนั้นเขาจะกระหายน้ำตาย เคราะห์ดีที่คนของสำนักหมิงเซียนหาตัวเขาพบได้ทันเวลา เขาถึงได้รอดมาจากทะเลทรายไร้ขอบเขตได้

มู่จิ่นนั้นเดิมทีเป็นหมอคนหนึ่งของสำนักหมิงเซียน เขามาหาตัวยาในทะเลทราย ผลสุดท้ายดันตายอยู่กลางทาง แล้วถูกมู่จิ่นในยุคปัจจุบันสวมร่างแทน

เมื่อครู่การยืนยันตัวตนของเขากับเซียวเฉวียนนั้น ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

เซียวเฉวียนเพียงเอ่ยถามประโยคหนึ่ง “การต้อนรับอย่างอบอุ่นกระตือรือร้นของเจ้าที่หอเทียนเซียงวันนั้น เรียนมาจากไห่ตี่เหลาสินะ”

มู่จิ่นตกตะลึง

แล้วยังต้องพูดอะไรอีก? พอเอ่ยคำพูดประโยคนี้ มู่จิ่นก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว

ความระแวงของมู่จิ่นที่มีต่อเซียวเฉวียนหายไปหมด

คนบ้านเดียวกันได้พบคนบ้านเดียวกัน น้ำตาไหลหลั่งจากดวงตาคนทั้งสอง

เซียวเฉวียนเห็นว่าในเมื่อเขาเป็นคนจีน ก็ไม่ได้พูดเงื่อนไขอะไรมากมายอีก จัดการขุดเขาขึ้นมาจากบ่อโคลนเสีย

เซียวเฉวียนเอ่ยปากพูดหมดเปลือก รายงานชื่อของตัวเองกับมู่จิ่น จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมาโดยคร่าวๆ รวมไปถึงการกระทำของเว่ยเชียนชิวและนักปราชญ์

มู่จิ่นตะลึงเหม่อลอย

การร้อยเรียงข้อมูลที่ได้รับทำให้มู่จิ่นยังตั้งสติได้ไม่ทัน

เมื่อทราบว่าระหว่างเซียวเฉวียนกับนักปราชญ์มีความแค้นฝังลึกกันอยู่ มู่จิ่นก็ได้แต่ร้องขอเซียวเฉวียนเรื่องหนึ่ง “ปล่อยศิษย์น้องของข้าไป นางเป็นผู้บริสุทธิ์”

มู่จิ่นเป็นผู้ไม่มีวรยุทธ์ หากว่าเขาสู้กับเซียวเฉวียนขึ้นมาก็ย่อมไม่ใช่คู่ต่อกร ความคิดเดียวของเขาขณะที่อยู่สำนักหมิงเซียนนั้นก็คือเพื่อศิษย์น้องหญิงที่น่ารักมีชีวิตชีวาผู้นี้ ไม่ว่าเซียวเฉวียนกับนักปราชญ์จะทะเลาะขัดแย้งอะไร มู่จิ่นก็ไม่หวังให้ศิษย์น้องหญิงโดนลากไปเกี่ยวด้วย

และมู่จิ่นก็จะเลือกยืนอยู่ข้างเดียวกับเซียวเฉวียน

เพราะว่ามีเพียงเซียวเฉวียนที่เป็นคนที่มาจากจีนเหมือนกันกับเขา และเป็นคนเดียวที่มอบความรู้สึกเหมือนกันให้เขาได้...ความรู้สึกของบ้านเดิม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย