“ไม่มีอะไร มีเพื่อนใหม่มาหน่ะ”
เซียวเฉวียนหลับไปและรู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นขึ้นมา
ดังคํากล่าวที่ผู้ที่รู้สถานการณ์คือผู้ที่เฉลียวฉลาด เซียวเฉวียนไม่ได้ต้องการใครก็ได้แต่เขาต้องการกําลังคนที่มีความสามารถ
นักฆ่าเหล่านั้นคุกเข่าบนผืนทะเลทราย เซียวเฉวียนมองไปที่สิ่งที่พวกเขาแบกอยู่บนหลัง พวกเขานั้นดูเชี่ยวชาญแต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นนักฆ่าหรือไม่
“ข้าอยู่ในเมืองหลวงของต้าเว่ยแต่ไม่เคยเห็นพวกเจ้ามาก่อนเลย พวกเจ้าเป็นชาวยุทธ์แท้ในซินเจียงหรือ?”
ผู้นําของนักฆ่ากลุ่มนี้มีชื่อว่าต้าจ้วง เหตุผลที่เรียกชื่อนี้เพราะเว่ยเชียนชิวตั้งชื่อจากจุดเด่นของแต่ละคน เขาเห็นแบบไหนก็เรียกแบบนั้น
อย่างเช่นผู้นําคนนี้สูงและแข็งแรงมาก กล้ามเนื้อหลังของเขาแข็งแกร่งเป็นพิเศษ จึงเรียกว่าต้าจ้วง
ชาวยุทธ์แท้อีกคนในเมืองหลวงที่มีจุดสีแดงบนใบหน้าของเขา เว่ยเชียนชิวจึงเรียกเขาว่าต้าหง
และอีกคน เขาคนนี้เป็นคนชอบกินขาไก่ เว่ยเชียนชิวจึงเรียกเขาว่าโร่วถุ่ย
วิธีการตั้งชื่อนั้นไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมากเลย ยิ่งไปกว่านั้นนามแฝงพวกนี้ไม่ใช่ชื่อตลกๆที่เว่ยเชียนชิวตั้งขึ้นเพื่อเรียกเท่านั้น แต่ชื่อพวกนี้จะต้องใช้จดทะเบียนในรายชื่อกองทัพ
ดังนั้นนอกจากชื่อจริงของชาวยุทธ์แท้แล้ว ทุกคนยังมีนามแฝงที่ไว้ใช้เรียกกัน
“ขอรับราชครู พวกข้าอยู่ในซินเจียงมาโดยตลอด” ต้าจ้วงทําความเคารพด้วยความกลัวเล็กน้อย แต่เมื่อมองการทำความเคารพของพวกเขาแล้วดูแปลกไปหน่อย
อ๋อ เว่ยเชียนชิวทำเกินตัวไปมาก แม้แต่ในซินเจียงก็ยังจัดการให้มีคนของตัวเองอยู่
“ข้าคือภารกิจไล่ล่าครั้งแรกของพวกเจ้าในซินเจียงใช่หรือไม่?”
เซียวเฉวียนจ้องและถามต้าจ้วง หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ขอรับท่าน พวกข้าไม่เคยฆ่าใครมาก่อน!”
เว่ยเชียนชิวจัดให้ชาวยุทธ์แท้กลุ่มนี้มาที่นี่เพื่อสะสมพระปิลันธ์หรือสมบัติหายากเป็นหลัก สุดท้ายก็ไม่มีใครในซินเจียงมารบกวนและยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีใครกล้าต่อต้านเว่ยเชียนชิว
ยกเว้นพ่อค้าแล้ว ชาวซินเจียงและต้าเว่ยจะไม่ติดต่อกัน ดังนั้นผู้คนในซินเจียงจึงไม่มีมีความบาดหมางอะไรกับเว่ยเชียนชิว
ต้าจ้วงและคนอื่นๆถูกส่งมาที่นี่เป็นเวลาหลายปี ภายนอกพวกเขาดูเป็นคนที่ดุร้ายมาก แต่ในความเป็นจริงพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป
ซึ่งต่างจากชาวยุทธ์แท้ในเมืองหลวงที่ใช้ดาบทุกวัน ในซินเจียงทําให้ต้าจ้วงพวกเขาถอยห่างจากการต่อสู้และการสังหาร
เมื่อเซียวเฉวียนได้ยินเสียงน้ำเสียงของต้าจ้วงก็รู้เลยว่าพวกเขานั้นไม่ได้โกหก
เซียวเฉวียนพยักหน้าและเหลือบมองไปที่พวกเขา “พวกเจ้าอยากอยู่กับกับข้างั้นรึ? ลองคิดดูว่าถ้าพวกเจ้ามาอยู่กับข้า มันเท่ากับว่าพวกเจ้าทรยศต่อเว่ยเจียนกั๋ว”
“พวกเขาต้องฆ่าพวกเจ้าแน่” คําพูดของเซียวเฉวียนทําให้ต้าจ้วงนั้นถอนหายใจ
ถึงแม้ว่าต้าจ้วงจะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เขาก็ไม่ได้โง่
ถ้าพวกเขาไม่ทรยศเว่ยเชียนชิวตอนนี้ พวกเขาก็ต้องตายด้วยสายฟ้าของเซียวเฉวียนซึ่งสามารถช็อตพวกเขาจนตายได้เลยทันที
ต่อให้จะทรยศหรือไม่ยังไงก็ต้องตาย ดังนั้นต้าจ้วงจึงเลือกนายท่านคนใหม่
ต้าจ้วงออกจากบ้านเกิดของพวกเขาในซินเจียงและค้นหาสมบัติหายากให้เว่ยเชียนชิว แต่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลของพวกเขาทั้งหมดอยู่ในเงื้อมมือของเว่ยเชียนชิว ต่อให้ยังอยู่กับเว่ยเชียนชิวก็ไม่มีอนาคตอะไร
แม้ว่าเว่ยเชียนชิวจะใจกว้างมากเมื่อรับสมัครคน แต่ใช่ว่าเขาจะใจกว้างกับทุกคน เว่ยเชียนชิวมีน้ำใจต่อขุนนางที่ที่มีประโยชน์และขุนนางที่ชอบมากเป็นพิเศษเท่านั้น สําหรับชาวยุทธ์แท้ที่ไม่มีตำแหน่งส่วนใหญ่จะอาศัยกฎเกณฑ์และการควบคุมที่จับต้องได้
ก็เหมือนกับต้าเว่ยและคนกลุ่มนี้ที่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร เว่ยเชียนชิวจึงส่งพวกเขาไปยังซินเจียงและให้เงินกับพวกเขาเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
เพื่อเงินเพียงเล็กน้อยนี้ก็ต้องออกจากบ้านเกิด และคนในครอบครัวยังต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของเว่ยเชียนชิว ถ้าคิดเรื่องนี้แล้วมันไม่คุ้มค่าและมันคงจะดีกว่าถ้าเปลี่ยนนายท่าน
อย่างน้อยเซียวเฉวียนก็ไม่เผด็จการเท่าเว่ยเชียนชิว
ต้าจ้วงและพวกพ้องกำลังวางแผนเรื่องนี้อยู่ และเซียวเฉวียนเองก็รู้เรื่องนี้แต่มันก็ไม่สําคัญ
นอกจากไป๋ฉี่ เหมิงเอ้าและอาสือ เซียวเฉวียนไม่ได้คาดหวังให้คนอื่นมาภักดีต่อตัวเองเหมือนพี่น้อง ทุกคนเข้ามาเพราะผลประโยชน์ มันเป็นเรื่องปกติที่ต้าจ้วงจะคิดแบบนั้น
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของนายท่าน โย่วควนก็แอบยิ้ม
ในต้าเว่ยไม่มีใครไม่รู้เลยว่าเซียวเฉวียนเป็นคนที่ชอบเรื่องเงินมากที่สุด? ไม่อย่างนั้นเซียวเฉวียนคงจะไม่เปิดหอปี๋เซิ่ง โย่วควนรู้ว่าตอนนี้ในใจของนายท่านเต็มไปความสุขจนจะระเบิดออกมา แต่ใบหน้าของเขายังคงไร้ความรู้สึก
โย่วควนกลั้นขำและพูดกับนักฆ่าว่า “เหมืองทองคําอะไรกัน นายท่านคือราชครู ทำไมต้องสนใจเหมืองทองคำอะไรของเจ้าด้วย?”
ตอนนี้เซียวเฉวียนไม่พูดอะไรเลยเพื่อปกปิดความดีใจของตัวเอง ดังนั้นโย่วควนถึงถามเซียวเฉวียนว่าเกิดอะไรขึ้น
โย่วควนเก่งมากเซียวเฉวียนยืดตัวขึ้นและแอบมองไปที่โย่วควนด้วยความชื่นชมและให้ถามว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่และถามตำแหน่งที่ตั้งของเหมืองทองคำให้ชัดเจน
ยิ่งเซียวเฉวียนต้องการมากเท่าไหร่โย่วควนก็ยิ่งแสดงท่าทีไม่อยากได้มากเท่านั้น เขาเหลือบมองนักฆ่าเหล่านี้ “พวกเจ้าต้องการเอาชีวิตรอดด้วยปากของพวกเจ้า คิดว่าพวกข้าโง่งั้นรึ?”
ต้าจ้วงรีบโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้โกหกราชครูเลยแม้แต่คำเดียว พวกข้า...”
“ขนาดเรื่องใหญ่อย่างเหมืองทองคำ พวกเจ้ายังพูดโกหกออกมาได้?” โย่วควนตะโกนต่อ “มีเหมืองทองคําจริงหรือไม่ ต้าเว่ยและซินเจียงไม่ตีกันเพื่อแย่งมันงั้นหรือ? แล้วยังเป็นพวกเจ้าอีกที่หามันเจอ?”
ต้าจ้วงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “พวกข้าพบมันจริงๆ! มันอยู่ไกลมาก! ไม่มีใครไปที่นั่นนอกจากพวกข้า!”
เซียวเฉวียนและโย่วควนมองตากันและรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“มันอยู่ที่ไหน?” โย่วควนแสร้งทําเป็นไม่เห็นด้วย “มีจริงงั้นรึ?”
เมื่อบอกเรื่องเหมืองทองคำไปแล้วคงจะไม่ถูกเซียวเฉวียนฆ่าหรอก
“ยอมรับ” เซียวเฉวียนยิ้มและพูดว่า “ถ้าเจ้าบอกพวกข้าว่าเหมืองทองคําอยู่ที่ไหน เจ้าจะมีส่วนร่วมอย่างมากต่อต้าเว่ยและข้าจะปกป้องพวกเจ้า”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ราชครู!” ต้าจ้วงดีใจมาก! มีวิธีที่จะรอดชีวิตแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...