ต้าเว่ย
จวนเจี้ยนกั๋วที่ผุพังไม่เป็นชิ้นดี
“รีบๆ โยกย้ายคนจากซินเจียงกลับมา แล้วก็เอาพวกสมบัติเงินทองข้าวของทั้งหลายกลับมาพร้อมกันเลย!”
เว่ยเชียนชิวเห็นจวนเจี้ยนกั๋วที่เคยเรืองรองของตนเองแล้วเปลี่ยนสภาพเป็นเช่นนี้ ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวด แต่เขาก็อดกลั้นต่อความไม่สบายใจนี้แล้วสั่งให้คนรีบซ่อมแซมจวนทั้งหมด
ครั้งที่แล้วที่เกิดไฟไหม้ใหญ่ในเมืองหลวง ยังคงเป็นครั้งที่เซียวเฉวียนลงมือเผา
ทว่าอย่างน้อยยังเหลือโครงทิ้งเอาไว้ให้!
แล้วจวนเจี้ยนกั๋วเหลืออะไรงั้นหรือ?
ฝุ่นควัน มีแต่ควันตลบอบอวลไปหมด!
ครั้งที่แล้วที่จวนเซียวถูกเผา เว่ยเชียนชิวยังค่อนข้างเบิกบานใจ ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะหมุนมาถึงคราวตัวเขาเสียแล้ว!
แม้ว่านี่จะเป็นความผิดของนักปราชญ์ แต่ว่าหากพวกชิงหลงไม่ได้มาจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร!
นี่ต้องเป็นสิ่งที่เซียวเฉวียนทำแน่นอน!
และนี่ต้องเป็นแผนของเซียวเฉวียน!
กระทั่งการปรากฏตัวของนักปราชญ์ บางทีก็อาจอยู่ในความคาดคิดของเซียวเฉวียน!
การกระทำนี้ของเซียวเฉวียน ก็เพื่อแก้แค้นที่จวนเซียวถูกเผาในครั้งก่อน!
น่ารังเกียจนัก!
น่าชั่วร้ายนัก!
ในยุคโบราณ เรือนหลังหนึ่งก็เปรียบดังตัวแทนสถานะของบุคคลผู้หนึ่ง ประตูห้องหับเล็กๆ ของคนยากจน ผู้คนล้วนดูแคลน ส่วนบ้านเรือนที่สูงใหญ่ของตระกูลดี ก็ทำให้คนเหลือบแลมองได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำสิ่งใดล้วนทำให้จิตใจคนครั่นคร้าม
แต่ไหนแต่ไรมา เว่ยเชียนชิวก็ภูมิใจกับจวนเจี้ยนกั๋วของตนเอง
เพราะว่านี่คือเกียรติยศของเขา
และคือสิ่งแสดงความสำเร็จของเขา
ในวันนี้ เพลิงเพียงคบเพลิงเดียวก็ทำเอาสัญลักษณ์ที่แม้ดูเลื่อนลอยไม่เป็นจริงทว่าสลักสำคัญมลายสิ้นไป เว่ยเชียนชิวย่อมโมโหอยู่แล้ว!
จนใจแต่ว่าเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเสวียนอวี๋กับนักปราชญ์ เขาสั่งคนไปควานหาตัวนักปราชญ์ ผู้กระทำผิดทั่วเมืองหลวง กระทั่งแม้แต่นิ้วของนักปราชญ์ก็ยังหาไม่เจอ!
ในเมืองหลวงแคว้นต้าเว่ยนั้น เต็มไปด้วยหูตาของเว่ยเชียนชิว ตอนนี้ เขาดันหาตัวคนชราและเด็กน้อยคนนี้ไม่พบ!
ไฟในใจของเขา ยิ่งเผาผลาญเดือดดาลมากขึ้น
ยิ่งบวกกับข่าวลือที่ว่ากองทัพตระกูลเซียวกลายสภาพเป็นเมฆดำเข้าเมืองหลวง เว่ยเชียนชิวก็รู้สึกว่าเรื่องนี้บีบคั้นเขาขึ้นมาทุกที ทำเอาร้อนรนขึ้นทุกย่างก้าว!
เว่ยเชียนชิวโมโหหนัก คนที่โชคร้ายก็คือลูกน้อง
รายงานที่สายลับส่งกลับมานั้นไม่สมดังใจของเขา เว่ยเชียนชิวพลันลงมือทันที อาศัยเหตุที่เรื่องราวไม่เป็นไปดังใจ จัดการจบชีวิตของผู้รายงานเสีย
แต่ไหนแต่ไรมาเฮยหลังไม่เคยเห็นเว่ยเชียนชิวในสภาพนี้
เว่ยเป้ยเองก็ไม่เคยเห็นบิดาตนเองเป็นแบบนี้เลย
เว่ยเป้ยในยามนี้เข้าเมืองหลวง แต่กลับไม่กล้ากลับจวนเจี้ยนกั๋ว
เขาได้ยินว่าบิดาๆ ปีศาจสังหารคนผู้นี้เริ่มค่อยๆ บ้าคลั่งเข่นฆ่า เขาก็ยิ่งไปหลบอยู่ในจวนเซียว
ครั้งนี้ เขาดึงเมฆดำเข้าเมืองหลวง ประชาชนมากมายล้วนพบเห็น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาชนก็ยิ่งเชื่อข่าวลือมากขึ้นไปอีก พวกเขาเชื่อว่าเมฆดำนี้คือสิ่งที่กองทัพตระกูลเซียวสร้างขึ้น ที่ตามเว่ยเป้ามานั้นก็เพื่อแก้แค้นให้กับเว่ยเชียนชิว!
อีกทั้งเมฆดำหยุดมหาเพลิงในเมืองหลวงไว้ ทุกคนเลยค่อนข้างรู้สึกเป็นมิตรกับเมฆดำนี้
ดังนั้นแล้ว สถานการณ์ของเว่ยเป้ยตอนนี้จึงน่าเป็นห่วง
ในมุมมองของเว่ยเชียนชิวทางนั้น ตัวเขาได้กลายเป็นผู้ทรยศไปแล้ว
ยามนี้เว่ยเชียนชิวต้องการบ้านไม่มีบ้าน ต้องการเกียรติกลับไม่มี สิ่งที่เหลืออยู่ของเขามีแค่กองทัพชาวยุทธ์แท้เท่านั้น
เขาไม่รู้ว่า ตนเองเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ทว่าเขาก็เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว
สิ่งที่ถูกนั้นก็คือ เซียวเฉวียนได้ตายลงในเมืองหลวงแล้วจริงๆ
ตอนแรกที่เซียวเฉวียนทะลุมิติขึ้นมา ก็นับว่าเขาได้ตายลงไปชาติหนึ่งแล้ว
สิ่งที่นักปราชญ์ทำนายพลาดก็คือ ในเวลานี้เซียวเฉวียนไม่ใช่เซียวติ้งตอนแรกคนนั้นแล้ว แต่เป็นคนนอกอีกคนหนึ่ง
ดังนั้นแล้ว ความคิดที่ว่า “สังหารเซียวเฉวียน” จึงไม่อาจจะเป็นจริงได้แน่นอน
เพราะว่าเซียวเฉวียนในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เซียวเฉวียนสักหน่อย
นักปราชญ์เกรงว่าจะคว้าน้ำเหลวเสียแล้ว ใครใช้ให้เขาศึกษาศาสตร์ไม่กระจ่าง แล้วทำนายพลาดกันละ
“รีบเข้า ยังต้องไปอีกครั้งวัน” ดวงอาทิตย์ร้อนแรง มู่จิ่นมองๆ แผนที่ในมือของตนเอง “ยังต้องไปอีกครึ่งวัน ก็จะถึงคลังอาวุธแล้ว”
“เอาละ” เซียวเฉวียนพยักหน้า “รอจนกระทั่งได้เถามันเทศกับคลังอาวุธมาแล้วก็กลับต้าเว่ย ระหว่างทางที่กลับนั้นก็คว้าเอาพวกทองไปด้วยเลยแล้วกัน”
“เจ้าขนเอาไปไหวหรือ” มู่จิ่นเห็นสีหน้าโลภมากของเซียวเฉวียนแล้วก็ยิ้มเอ่ย “พวกเรามีอูฐแค่แปดตัว จะเอาของพวกนี้ขนกลับไปอย่างไร?”
“ใครบอกว่าข้าจะใช้แรงคนขนกลับไปล่ะ?” เซียวเฉวียนยิ้ม
“ถ้างั้นจะใช้อะไร?” มู่เวยขมวดคิ้วแน่น ก่อนเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี การที่เซียวเฉวียนยิ้มเช่นนี้ทำเหมือนศิษย์พี่ของนางโง่เต็มประดา นางเกลียดเซียวเฉวียน
สาวน้อยผู้นี้ ปกป้องศิษย์พี่ตนเองอย่างบ้าคลั่ง
เซียวเฉวียนเอ่ยอย่างชื่นชม “ภาพวาดอรุณรุ่งนั้นสามารถดูดซับสรรพสิ่ง กลืนได้ทั้งสมุทรและทวีปนับร้อน มีมันอยู่ อย่าว่าแต่คลังอาวุธ กับแค่เหมืองทองแห่งเดียว จะให้เก็บเมืองซินเจียงของพวกเจ้าทั้งหมดไปก็ได้”
คำพูดนี้ของเซียวเฉวียนค่อนข้างพูดจาโม้อยู่บ้าง ทว่ามู่เวยยึดถือเอาเป็นจริง สีหน้าของนางซีดขาว “ภาพวาดนี้ของท่าน จุได้กระทั่งแคว้นซินเจียงเลยหรือ?”
เซียวเฉวียนพยักหน้าลงอย่างพอใจ เขาวางท่าทางคล้ายหลอกเด็กสาวตัวน้อย “แต่ว่า นี่คือเทพศาสตราอายุนับพันปีของคุนหลุน สมบัติลับสำหรับทำศึก”
“เก่งกาจปานนี้เลยหรือ ตอนแรกไม่ใช่ว่าแพ้ให้เพลิงชุ้ยเจี้ยนหรือไร เฮอะ ไม่มีอะไรดีขนาดนั้นหรอก”
ประโยคนี้ของมู่เว่ยทำเอาภาพวาดอรุณรุ่งนั้นไม่ดีใจแล้ว มันลอย “ฟึ่บ” ออกมาจากแขนเสื้อของเซียวเฉวียน ก่อนจะเคาะลงไปบนหัวของมู่เวยที่ขี่อูฐอยู่
“ไอ้หยา!” มู่เว่ยพลิกตัวลงจากอูฐก่อนจะล้มลงไปบนพื้นทราย ทำเอานางโมโหจนด่าออกมา “มีเรื่องเช่นนี้ที่ไหนกัน! ภาพวาดของท่านภาพนี้เจ้าอารมณ์เกินไปแล้ว! ยังจะกล้าผลักผู้หญิงอีก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...