ทันใดนั้นแสงสีแดงอันรุนแรงของผนึกจูนเสินก็ปล่อยออกมา และเซียวเฉวียนก็ตะโกนด้วยความโกรธ: "ดี! ดี! ดี! เช่นนี้เลย!"
ถูกต้อง เซียวเฉวียนไม่มีทางถอยแล้ว!
ผนึกจูนเสินติดตามเซียวเฉวียนมาเป็นเวลานาน ดังนั้นมันจึงรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนสำหรับเซียวเฉวียน
ในชั่วเวลาแค่ครู่เดียว แสงสีแดงของผนึกจูนเสินก็สว่างขึ้น และมีสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ลอยอยู่ในอากาศ
“นี่ นี่ นี่... นี่มันอะไรกัน หือ?”
มู่เวยเปิดปากของเธอ และโยว่ควนก็ตกตะลึงทันที นายท่านไม่ใช่บอกว่าผนึกจูนเสินเป็นความลับหรอกหรือ ไม่ใช่บอกว่า ความลับนี้ไม่สามารถบอกใครได้?
ไฉนตอนนี้ถึงปล่อยผนึกจูนเสินออกมาแล้ว?
โยว่ควนอยากจะปิดตาของมู่จิ่นและศิษย์น้องของเขา แต่มันเกิดขึ้นกะทันหันจนสายเกินไปศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองได้เห็นแล้ว
“โย่วควน! นี่คืออะไรรึ! ผนึกใหญ่เยี่ยงนี้! นี่คืออะไรน่ะ?”
“เออ?”
โย่วควนไม่พูดอะไรทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
...
...
ต้าเว่ย
บ้านพักหนึ่งในเมืองหลวง
สถานที่ที่เว่ยเชียนชิวจัดเตรียมให้คนงาม
แม้ว่าเว่ยเชียนชิวจะจริงจังและเข้มงวดกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แต่เขาก็ยังใจดีต่อคนงามอยู่เสมอ เขารู้สึกว่าสถานที่สำหรับคนงามจะต้องงดงามหรูหรา เขาเป็นถึงเจียนกั๋ว มีตำแหน่งที่สูงและร่ำรวยมาก จึงไม่อาจทำให้คนงามต้องลำบากได้
ด้วยเหตุนี้เดิมบ้านพักที่ธรรมดานี้ เมือพบกับเว่ยเชียนชิวผู้รักศักดิ์ศรีจึงกลายเป็นบ้านพักสุดหรู ด้วยการทุ่มทุนเงินทองจำนวนมากจากเว่ยเชียนชิว ก็ได้เปลี่ยนเป็นบ้านพักระดับสูง แค่มองไป บางคนที่ไม่รู้ยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจวนของขุนนาง
อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าเป็นจวน แต่ก็ไม่มีป้ายระบุตัวตนของเจ้าของจวน ซึ่งทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น
ความอยากรู้อยากเห็นนั้นมีอยู่แล้ว ความยิ่งใหญ่ของจวนหลังนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้หลายคนกลัว ไม่มีใครกล้าตรวจสอบ เพราะทุกคนรู้ดีว่าใครก็ตามที่กล้าสร้างจวนอันงดงามในเมืองหลวงเช่นนี้ได้ นอกจากเว่ยเชียนชิว เจียนกั๋วคนปัจจุบันแล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครอีก
และเว่ยเชียนชิวไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะต้องมาพักอยู่ที่นี่...
นอกจากจวนเจียนกั๋วในเมืองหลวงแล้ว เว่ยเชียนชิวยังเป็นบุคคลเพียงคนเดียวในเมืองหลวงที่เหมาะกับสถานะของเขาที่จะอาศัยอยู่ในจวนแห่งนี้
หลังจากที่จวนเจียนกั๋วถูกเผาจนเหลือเพียงที่ดินผืนเดียว เว่ยเชียนชิวก็สั่งการให้คนขับไล่คนงามทั้งหมดที่อาศัยอยู่ที่นี่ออกไปยังที่อื่น และเขาก็ย้ายเข้าไปพักเอง
ในเวลานี้เว่ยเชียนชิวกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งหลักในห้องโถงใหญ่ รอรักษาการอัคร้สนาบดีจางจิ่นอย่างขุ่นมัว เขากำลังรอให้จางจิ่นมาหารือเรื่องที่สำคัญมากกับเขา
แต่เว่ยเชียนชิวรอแล้วรอเล่า แต่จางจิ่นก็ไม่เห็นมาสักกะที คิ้วของเว่ยเชียนชิวแทบจะผูกเป็นเชือก เขาไม่สามารถซ่อนความอดทนในใจได้ เผยให้เห็นบนใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว คนที่ส่งไปรายงานจางจิ่นออกไปเกือบครึ่งค่อนวันแล้ว ทำไมจางจิ่นยังไม่มาถึงล่ะ?
ตกลงคือผู้ใต้บังคับบัญชาอู้งาน หรือจางจิ่นที่ชักช้า?
รอแล้วยังรอเล่า ความไม่อดทนในหัวใจของเว่ยเชียนชิวค่อยๆ กลายเป็นความโกรธ ความโกรธนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ใบหน้าที่ชราของเว่ยเชียนชิวกระตุก เว่ยเชียนชิวไม่เข้าใจจริงๆว่า เหตุใดเขาถึงมาลงเอยแบบนี้ได้? ยังต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันในการหาคนมาพูดคุยปรึกษา
ในอดีต ใครบ้างที่ไม่ไปทันทีเมื่อเว่ยเชียนชิวตาม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...