มีเพียงบริหารโรงเตี๊ยมนี้ให้ดีๆ เท่านั้น เฉากุยจึงจะมีหนทางรอด และถึงจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างดี
จะพูดก็ได้ว่า มีโรงเตี๊ยมอยู่ วันเวลาดีๆ ของเฉากุยก็จะอยู่ด้วย หากโรงเตี๊ยมล่มสลาย วันเวลาดีๆ ของเฉากุยก็คงจะจบสิ้นแล้ว
ในช่วงเวลากลางวันโรงเตี๊ยมี้เป็นสถานที่บริการอาหารให้กับคนผ่านทางที่มาพักเท้า ยามเย็นสลัดร่างกลายเป็นสถานที่ปล่อยตัวเมามายอันหรูหรา มอบความสำราญให้กับบรรดาผู้พักอาศัย
ความระมัดระวังตัวของมนุษย์เราจะลดลงต่ำสุดเมื่ออยู่ในสภาพลุ่มหลงมัวเมา
สตรีในที่นี้อาศัยจุดรั่วไหลจุดนี้ สืบหาข่าวที่สำนักหมิงเซียนต้องการจากบรรดาแขกที่ผ่านทางมา
และนี่คือสาเหตุที่ว่าเหตุใดโย่วควนจึงได้กลิ่นเครื่องสำอางลอยแตะจมูกตรงประตูของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ผู้หญิงที่อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เฉากุยคนเดียว มีไม่ต่ำกว่าสิบคน
สตรีเหล่านี้พักอยู่ที่ชั้นสามของโรงเตี๊ยม
“ไม่ต้อง” เซียวเฉวียนพูดเสียงเบาหนึ่งครั้ง
เมื่อครู่ที่พวกเซียวเฉวียนทั้งสามเข้าโรงเตี๊ยม พวกเขาต่างก็แค่เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนชุดหนึ่งเท่านั้น เสื้อผ้านี้ พวกเขาเอาเข้ามาโดยซ่อนเอาไว้ตรงชายเสื้อโคร่งใหญ่
ในส่วนสัมภาระอื่นๆ นั้น เซียวเฉวียนเองก็ขี้เกียจจะขนลงมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยจังหวะที่ใกล้หมู่บ้านจันทร์เสี้ยว ตั้งปราการป้องกันเอาไว้รอบๆ สัมภาระ จากนั้นก็เอาสัมภาระใส่ไว้ในปราการป้องกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แก้ไขปัญหาเรื่องการขนย้ายสัมภาระและกันไม่ให้มันถูกขโมยได้ด้วย
เฉากุยผงะไป สามคนนี้ช่างประหลาดพิสดารแท้ อูฐของพวกเขาบรรทุกของมากมายพรรค์นั้น หรือว่ามันไม่มีของมีค่าเลยอย่างนั้นหรือ? หรือว่าพวกเขาไม่กลัวถูกคนขโมยไปอย่างนั้นหรือ?
เฉากุยจำได้ว่านักปราชญ์กับย่าเหยียนเคยกำชับนางเอาไว้ ว่าต้องคอยระวังพวกที่ผิดปรกติ บัดนี้พวกเซียวเฉวียนทั้งสามคนกลายเป็นพวกผิดปรกติในสายตาของย่าเหยียนไปแล้ว และถูกเฉากุยจัดไว้เป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องจับตามอง อีกทั้งเฉากุยตัดสินใจแล้วว่านับแต่นี้นางจะเป็นคนจับจ้องพวกเขาสามคนเอง
หลังจากตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว เฉากุยก็พลันร่างกายอ่อนยวบพลางแสร้งทำตัวอ่อนล้มไปยังโย่วควน...
ในบรรดาคนทั้งสามนั้น มีเพียงโย่วควที่เป็นคนที่ดูไปแล้วน่าสนิทชิดใกล้และจริงใจที่สุด ดังนั้นเฉากุยจึงมองเห็นโย่วควนเป็นจุดอ่อนสำหรับสืบข่าวคนทั้งสามคนได้ นางคิดจะใช้ลูกไม้ตลาดเช่นนี้เพื่อยั่วยวนโย่วควน
จะอย่างไรเสีย เฉากุยก็ไม่คาดคิดเลยว่า โย่วควนเป็นผู้มีฝีมือการแสดงสูงส่งที่แท้จริง ร่างกายของนางยังไม่ทันได้เข้าใกล้โย่วควน โย่วควนก็พลันหันกายผุดลุกขึ้นมาอย่างไม่แสดงอาการพิรุธ แถมยังขยับไปอีกสองก้าวด้วย
เฉากุยพุ่งเข้าสู่ความว่างเปล่า นางใช้มือข้างหนึ่งประคองโต๊ะเอาไว้ก่อนจะหยัดกายขึ้นมาอย่างอับอาย “ไอ้หยา ขออภัย เมื่อครู่ศีรษะข้ามึนงง ยืนไม่นิ่ง ทำให้คุณชายขบขันแล้ว”
โย่วควรพลางยิ้มเอ่ยเสียงเบา “ไม่เป็นปัญหา”
เฉากุยไม่ได้สิ้นหวัง นางยังคงคิดจะใช้ลูกไม้แบบเดิม ครั้งนี้นางยังไม่ทันได้ลงมือสิ่งใดกลับเป็นโย่วควนที่เอ่ยกับเซียวเฉวียน “นายท่าน ข้าไปเข้าห้องน้ำก่อน”
เซียวเฉวียนพยักหน้าหลังจากนั้นก็มองเฉากุยเรียบนิ่งครั้งหนึ่ง มุปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มตลกขบขัน เทคนิคเล็กน้อยนี้ของเฉากุย เมื่ออยู่ต่อหน้านักแสดงมือทองอย่างโย่วควนแล้วก็ไม่คุ้มค่าให้พูดถึงเลย
โย่วควนนั้นมีอาชีพเป็นนักแสดง การแสดงแบบไหนที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนล่ะ?
เฉากุยพบโย่วควน ก็เหมือนกับคนตัวเล็กปะทะคนตัวใหญ่
“เฉากุย เจ้ามานี่” เซียวเฉวียนตบที่นั่งที่โย่วควนเว้นว่างเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าให้เฉากุยมานั่ง
แม้ว่าเฉากุยจะไม่กล้าลงมืออะไรกับโย่วควน แต่ว่านางกลับหวาดกลัวเซียวเฉวียนอยู่บ้าง ทว่าความกลัวนั้นส่วนความกลัว เซียวเฉวียนเรียกให้นางนั่ง นางก็สงสัยยิ่งนักว่าเซียวเฉวียนอยากทำสิ่งใด
เฉากุยนั่งลงอย่างไม่แน่ใจและจิตใจไม่สงบ นางยิ้มอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก “ท่านแขกมีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ?”
“เฉากุย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนของสำนักหมิงเซียน ขอเจรจาแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน่อยเป็นไร?” เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยอารามลึกลับ
เฉากุยแสดงอาการตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็มีปฏิกิริยากลับมาในเวลาอันรวดเร็ว นางปิดบังอาการพลางหัวเราะเสียงเบา “ท่านแขกพูดจาล้อเล่นแล้ว เฉากุยเป็นคนหมู่บ้านจันทร์เสี้ยว ไม่ใช่คนของสำนักหมิงเซียนอันใด ตั้งแต่เล็กเฉากุยก็ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านจันทร์เสี้ยวแห่งนี้และไม่เคยจากไปไหนมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินเรื่องสำนักหมิงเซียนอะไรด้วยเจ้าค่ะ”
“หรือว่าท่านแขกจะจำคนผิดแล้ว?” พูดแล้ว เฉากุยก็จัดๆ กระโปรงของานงเล็กน้อย เพื่อที่จะปิดบังความไม่สบายใจและตกตะลึงในใจของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...