ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1068

สรุปบท บทที่ 1068 ปิดบังร่องรอย: ซูเปอร์ลูกเขย

อ่านสรุป บทที่ 1068 ปิดบังร่องรอย จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บทที่ บทที่ 1068 ปิดบังร่องรอย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

มีเพียงบริหารโรงเตี๊ยมนี้ให้ดีๆ เท่านั้น เฉากุยจึงจะมีหนทางรอด และถึงจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างดี

จะพูดก็ได้ว่า มีโรงเตี๊ยมอยู่ วันเวลาดีๆ ของเฉากุยก็จะอยู่ด้วย หากโรงเตี๊ยมล่มสลาย วันเวลาดีๆ ของเฉากุยก็คงจะจบสิ้นแล้ว

ในช่วงเวลากลางวันโรงเตี๊ยมี้เป็นสถานที่บริการอาหารให้กับคนผ่านทางที่มาพักเท้า ยามเย็นสลัดร่างกลายเป็นสถานที่ปล่อยตัวเมามายอันหรูหรา มอบความสำราญให้กับบรรดาผู้พักอาศัย

ความระมัดระวังตัวของมนุษย์เราจะลดลงต่ำสุดเมื่ออยู่ในสภาพลุ่มหลงมัวเมา

สตรีในที่นี้อาศัยจุดรั่วไหลจุดนี้ สืบหาข่าวที่สำนักหมิงเซียนต้องการจากบรรดาแขกที่ผ่านทางมา

และนี่คือสาเหตุที่ว่าเหตุใดโย่วควนจึงได้กลิ่นเครื่องสำอางลอยแตะจมูกตรงประตูของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ผู้หญิงที่อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เฉากุยคนเดียว มีไม่ต่ำกว่าสิบคน

สตรีเหล่านี้พักอยู่ที่ชั้นสามของโรงเตี๊ยม

“ไม่ต้อง” เซียวเฉวียนพูดเสียงเบาหนึ่งครั้ง

เมื่อครู่ที่พวกเซียวเฉวียนทั้งสามเข้าโรงเตี๊ยม พวกเขาต่างก็แค่เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนชุดหนึ่งเท่านั้น เสื้อผ้านี้ พวกเขาเอาเข้ามาโดยซ่อนเอาไว้ตรงชายเสื้อโคร่งใหญ่

ในส่วนสัมภาระอื่นๆ นั้น เซียวเฉวียนเองก็ขี้เกียจจะขนลงมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยจังหวะที่ใกล้หมู่บ้านจันทร์เสี้ยว ตั้งปราการป้องกันเอาไว้รอบๆ สัมภาระ จากนั้นก็เอาสัมภาระใส่ไว้ในปราการป้องกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แก้ไขปัญหาเรื่องการขนย้ายสัมภาระและกันไม่ให้มันถูกขโมยได้ด้วย

เฉากุยผงะไป สามคนนี้ช่างประหลาดพิสดารแท้ อูฐของพวกเขาบรรทุกของมากมายพรรค์นั้น หรือว่ามันไม่มีของมีค่าเลยอย่างนั้นหรือ? หรือว่าพวกเขาไม่กลัวถูกคนขโมยไปอย่างนั้นหรือ?

เฉากุยจำได้ว่านักปราชญ์กับย่าเหยียนเคยกำชับนางเอาไว้ ว่าต้องคอยระวังพวกที่ผิดปรกติ บัดนี้พวกเซียวเฉวียนทั้งสามคนกลายเป็นพวกผิดปรกติในสายตาของย่าเหยียนไปแล้ว และถูกเฉากุยจัดไว้เป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องจับตามอง อีกทั้งเฉากุยตัดสินใจแล้วว่านับแต่นี้นางจะเป็นคนจับจ้องพวกเขาสามคนเอง

หลังจากตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว เฉากุยก็พลันร่างกายอ่อนยวบพลางแสร้งทำตัวอ่อนล้มไปยังโย่วควน...

ในบรรดาคนทั้งสามนั้น มีเพียงโย่วควที่เป็นคนที่ดูไปแล้วน่าสนิทชิดใกล้และจริงใจที่สุด ดังนั้นเฉากุยจึงมองเห็นโย่วควนเป็นจุดอ่อนสำหรับสืบข่าวคนทั้งสามคนได้ นางคิดจะใช้ลูกไม้ตลาดเช่นนี้เพื่อยั่วยวนโย่วควน

จะอย่างไรเสีย เฉากุยก็ไม่คาดคิดเลยว่า โย่วควนเป็นผู้มีฝีมือการแสดงสูงส่งที่แท้จริง ร่างกายของนางยังไม่ทันได้เข้าใกล้โย่วควน โย่วควนก็พลันหันกายผุดลุกขึ้นมาอย่างไม่แสดงอาการพิรุธ แถมยังขยับไปอีกสองก้าวด้วย

เฉากุยพุ่งเข้าสู่ความว่างเปล่า นางใช้มือข้างหนึ่งประคองโต๊ะเอาไว้ก่อนจะหยัดกายขึ้นมาอย่างอับอาย “ไอ้หยา ขออภัย เมื่อครู่ศีรษะข้ามึนงง ยืนไม่นิ่ง ทำให้คุณชายขบขันแล้ว”

โย่วควรพลางยิ้มเอ่ยเสียงเบา “ไม่เป็นปัญหา”

เฉากุยไม่ได้สิ้นหวัง นางยังคงคิดจะใช้ลูกไม้แบบเดิม ครั้งนี้นางยังไม่ทันได้ลงมือสิ่งใดกลับเป็นโย่วควนที่เอ่ยกับเซียวเฉวียน “นายท่าน ข้าไปเข้าห้องน้ำก่อน”

เซียวเฉวียนพยักหน้าหลังจากนั้นก็มองเฉากุยเรียบนิ่งครั้งหนึ่ง มุปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มตลกขบขัน เทคนิคเล็กน้อยนี้ของเฉากุย เมื่ออยู่ต่อหน้านักแสดงมือทองอย่างโย่วควนแล้วก็ไม่คุ้มค่าให้พูดถึงเลย

โย่วควนนั้นมีอาชีพเป็นนักแสดง การแสดงแบบไหนที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนล่ะ?

เฉากุยพบโย่วควน ก็เหมือนกับคนตัวเล็กปะทะคนตัวใหญ่

“เฉากุย เจ้ามานี่” เซียวเฉวียนตบที่นั่งที่โย่วควนเว้นว่างเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าให้เฉากุยมานั่ง

แม้ว่าเฉากุยจะไม่กล้าลงมืออะไรกับโย่วควน แต่ว่านางกลับหวาดกลัวเซียวเฉวียนอยู่บ้าง ทว่าความกลัวนั้นส่วนความกลัว เซียวเฉวียนเรียกให้นางนั่ง นางก็สงสัยยิ่งนักว่าเซียวเฉวียนอยากทำสิ่งใด

เฉากุยนั่งลงอย่างไม่แน่ใจและจิตใจไม่สงบ นางยิ้มอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก “ท่านแขกมีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ?”

“เฉากุย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนของสำนักหมิงเซียน ขอเจรจาแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน่อยเป็นไร?” เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยอารามลึกลับ

เฉากุยแสดงอาการตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็มีปฏิกิริยากลับมาในเวลาอันรวดเร็ว นางปิดบังอาการพลางหัวเราะเสียงเบา “ท่านแขกพูดจาล้อเล่นแล้ว เฉากุยเป็นคนหมู่บ้านจันทร์เสี้ยว ไม่ใช่คนของสำนักหมิงเซียนอันใด ตั้งแต่เล็กเฉากุยก็ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านจันทร์เสี้ยวแห่งนี้และไม่เคยจากไปไหนมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินเรื่องสำนักหมิงเซียนอะไรด้วยเจ้าค่ะ”

“หรือว่าท่านแขกจะจำคนผิดแล้ว?” พูดแล้ว เฉากุยก็จัดๆ กระโปรงของานงเล็กน้อย เพื่อที่จะปิดบังความไม่สบายใจและตกตะลึงในใจของนาง

เมื่อวิเคราะห์จากคำพูดของเซียวเฉวียน เฉากุยก็รู้ว่าเซียวเฉวียนกับสำนักหมิงเซียนมีข้อขัดแย้งกัน แถมข้อขัดแย้งนี้ก็ไม่เล็กด้วยซ้ำ

ศัตรูของสำนักหมิงเซียน ก็ย่อมเป็นศัตรูของเฉากุยด้วยเช่นกัน

ส่วนผู้ที่สามารถเป็นศัตรูกับสำนักหมิงเซียนได้เบื้องหน้าตนผู้นี้ แถมยังนั่งอยู่อย่างไม่สึกหรอ ในสายตาของเฉากุยแล้วคำพูดของศัตรูนี้ย่อมไม่อาจจะดูเบาได้แม้แต่น้อย

มือของเฉากุยที่แสร้งจับกระโปรงนั้นอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นขึ้นมา...

ความโกรธแค้น ความตกตะลึงและยิ่งไปกว่านั้นคือความขลาดกลัวในใจของเขา เพราะว่าศัตรูที่อยู่เบื้องหน้านางนี้แข็งแกร่งมากเกินไป นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเซียวเฉวียนเลยสักนิด ทว่าเซียวเฉวียนกลับรู้จักนางละเอียด

เซียวเฉวียนแย้มยิ้มบาง “อย่าได้กังวลไป ข้อแลกเปลี่ยนของเจ้ากับข้านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“ข้อแรก เจ้าบอกข้าก่อน เจ้าเคยเห็นของสิ่งนี้หรือไม่” เซียวเฉวียนหยิบเอากระดาษที่มีภาพวาดเถามันเทศและใบออกมา จากนั้นเปิดออกต่อหน้าเฉากุย

ครั้งเฉากุยได้เห็นนางก็ผ่อนลมหายใจ นี่มิใช่สิ่งที่กลุ่มพ่อค้าเมื่อครู่นำมาหรอกหรือ กลุ่มพ่อค้ายามนี้ก็กำลังพักผ่อนหย่อนใจอยู่ในโรงเตี๊ยมนี่เอง

แต่ว่าเฉากุยคิดอยากฟังเซียวเฉวียนพูดให้จบ ค่อยตัดสินใจว่าจะบอกเซียวเฉวียนหรือไม่

ไฉนเลยนางจะทราบว่าเซียวเฉวียนอ่านใจคนได้ เซียวเฉวียนอ่านความในใจของนางจนกระจ่างหมดสิ้นแล้ว นางจะพูดหรือไม่พูด ไม่ได้กระทบอะไรกับเซียวเฉวียนเลย

เซียวเฉวียนยังคงเอ่ยต่ออย่างไม่แสดงอาการพิรุธ “อย่างที่สอง เจ้าห้ามเผยร่องรอยของพวกเรา”

“หากว่าข้าไม่ทำตามที่ท่านว่าล่ะ?” เฉากุยถามกลับ

นางเป็นคนของสำนักหมิงเซียน ส่วนเซียวเฉวียนเป็นศัตรูตัวฉกาจของสำนัก หากว่านางปิดบังร่องรอยของเซียวเฉวียนต่อคนในสำนัก เฉากุยก็รู้สึกว่าคงทำไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย