ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1070

สรุปบท บทที่1070 ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่1070 ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่1070 ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ถึงแม้ว่าตามการทำนายของนักปราชญ์ เซียวเฉวียนจะตายในที่ต้าเว่ย แต่นักปราชญ์ก็กังวลมากจนเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

นักปราชญ์เห็นกับตาตัวเขาเองที่เขาเอาเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงมาที่ต้าเว่ยถูกดับลง นอกจากนี้เขาก็หมดสติไปจากเตาธูปที่ระเบิด ช่างน่าละอายและอับอายจริงๆ!

แต่ภูเขาหมิงเซียนก็ถูกทำลายด้วยเพลิงและน้ำ ก่อนหน้านี้นักปราชญ์ได้ยินรายงานจากคนในสำนักว่าในภูเขาหมิงเซียนมีเสียงระเบิดเกิดขึ้น

นักปราชญ์แอบกรีดร้องว่ามีบางอย่างไม่ดี เสียงที่ระเบิดทั้งสองด้านเวลาห่างกันไม่นาน เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงในภูเขาหมิงเซียนเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ถูกผู้ไม่หวังดีดับลงแน่ เสียงการระเบิดน่าจะเกิดจากการระเบิดของเตาหลอมขนาดเล็กที่ใส่เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิง

นักปราชญ์ผู้น่าสงสาร เขาสนใจแต่เพียงเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนที่นำไปในต้าเว่ยเท่านั้น จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ถามเสวียนอวี๋ว่าคนที่แอบเข้าไปในสำนักหมิงเซียน ทำให้นักปราชญ์โกรธมากจนพูดไม่ออก

แต่ว่า นักปราชญ์และสำนักหมิงเซียนของเขาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งยืนยันได้ว่าคำทำนายของนักปราชญ์นั้น สิ่งนี้ยิ่งทำให้นักปราชญ์เชื่อมั่นกว่าเดิมว่าต้องเป็นเซียวเฉวียนแน่นอนที่อยู่เบื้องหลังในการช่วยเหลือคนแห่งเขาคุนหลุน เซียวเฉวียนเป็นตัวซอยทีทำให้เกิดทุกสิ่งทุกอย่างในสำนักหมิงเซียน และเขาคือคนที่ขย่มสำนักหมิงเซียน

ในหัวใจของนักปราชญ์ สำนักหมิงเซียนเป็นตัวแทนของเทียนเต๋า และเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงคือการถ่ายทอดของสำนักหมิงเซียน นี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาถูกสวรรค์เลือกไว้เพื่อมายับยั้งคุนหลุนและต้าเว่ย

นี่เป็นเกียรติยศที่ไม่สามารถขอได้ นักปราชญ์ในฐานะเจ้าสำนักของสำนักหมิงเซียน เป็นเรื่องปกตืที่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่าและยังหยิ่งผยองทุกสิ่งทุกอย่างอีกด้วย

เกียรติยศแบบนี้เป็นของสำนักหมิงเซียน ไม่มีใครสามารถเอามันไปได้และอย่าคิดจะมาเอามันไป และอย่าคิดที่จะมาสร้างความเสียหายให้กับสำนักหมิงเซียน

แต่ตอนนี้ที่สำนักหมิงเซียนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และนักปราชญ์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน นักปราชญ์ที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์นี้อย่างแน่ชัด ก็ได้โยนความผิดไปยังเซียวเฉวียนอย่างไร้ยางอาย และเขาก็ไม่เกรงกลัวว่าเขาจะกว่าหาอย่างไม่ยุติธรรมต่อเซียวเฉวียนเลย

เพียงเพราะนักปราชญ์คำทนายว่าเซียวเฉวียนเป็นคือมนุษย์ต่างดาวจากสวรรค์

เซียวเฉวียนคือความโชคร้ายต่อสำนักหมิงเซียน ความโชคร้ายทุกสิ่งทุกอย่างที่สำนักหมิงเซียน โยนความผิดไปที่เซียวเฉวียนหมดเลย

ดังนั้น นักปราชญ์ใช้ข้ออ้างในการผดุงธรรมแทนสวรรค์ จึงมุ่งเป้าไปที่เซียวเฉวียนทุกหนทุกแห่ง

แต่ผู้นำคนนี้ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของสวรรค์ไม่รู้ตัวเลยว่า แท้จริงแล้วเพราะเขาเรียนไม่เก่งสิ่งที่ควรเรียนรู้ไม่เรียนสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ทำ ผิดฝาผิดตัวนำเขาและแม้กระทั่งสำนักหมิงเซียนทั้งหมดที่ไม่สามารถมีทางหวนกลับมาได้

หากเขาฝึกฝนปฎิบัติธรรมถึงขั้นสูงสุด เขาควรรู้ว่าเซียวเฉวียนคือมนุษย์ต่างดาว และนั่นก็เป็นการจัดเตรียมของพระเจ้าด้วย มนุษย์ต่างดาว มันเป็นหนึ่งในวิถีแห่งสวรรค์ไม่ใช่หรือ?

สิ่งที่น่าเศร้า นักปราชญ์ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ คิวว่าตัวเองฉลาดมาก ทุ่มเทเวลามากมายในการวางแผนที่จะฆ่าเสซียวเฉวียน ทำให้ตัวเองทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า!

หากนักปราชญ์ไม่ได้กดดันบังคับเขามากนัก เซียวเฉวียนก็คงจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในเมืองหลวงของต้าเว่ย เขาก็จะใช้ชีวิตอย่างมีน้ำใจและเมตตาต่อผู้อื่นทำงานตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก

ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากมายแบบนี้?

สิ่งที่น่าหัวเราะก็คือ แม้ว่านักปราชญ์จะมาถึงจุดนี้แล้วแต่เขาก็ยังคงไม่สำนึกตัวเองอีก เขายังคงเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องการฆ่าคนอย่างเซียวเฉวียน!

ฆ่ามัน!

ไม่ว่าจะต้องไล่ล่าเขาไปจนสุดขอบโลกก็ตามก็จะฆ่าเขา!

ในทันใดนั้น สมาชิกทุกคนของสำนักหมิงเซียนได้รับคำสั่งให้สังหารเซียวเฉวียน

ในบรรดาสมาชิกของสำนักหมิงเซียน นอกจากมู่เวยและมู่จิ่น ก็ไม่มีใครเคยเห็นเซียวเฉวียนมาก่อน

แต่มู่เวยและมู่จิ่น อีกคนยังไม่กลับไปที่สำนักหมิงเซียน และอีกคนถูกเซียวเฉวียนลักพาตัวไป

พี่น้องของสำนักหมิงเซียนกับมู่จิ่นไปด้วยกันทั้งกันวันและกลางคืนสนิทกันมาก เมื่อเห็นพวกเขาเกิดเรื่อง มู่จิ่นก็ทนดูไม่ได้

“ไอ๊หยาหยา ไอ้คนทรยศ เจ้าพูดแบบนั้นได้ยังไง?เจ้าคิดว่าคนของสำนักหมิงเซียนมากมายขนาดนี้ไม่สามารถจัดการพวกเจ้าสามคนได้หรือ?”เฉากุยตะคอกอย่างเย็นชา เธอไม่เคยเห็นใครทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองและทะเยอทะยานเช่นของผู้อื่นเช่นนี้มาก่อน คนอย่างมู่จิ่นยังมีหน้ามายอมรับว่าเขาเป็นสมาชิกของสำนักหมิงเซียนด้วย!

มู่จิ่นเป็นคนทรยศเพียงคนเดียวก็พอแล้ว ความแข็งแกร่งของคนในสำนักหมิงเซียนเขาไม่รู้หรือ?แม้ว่าคนของสำนักหมิงเซียนภายนอกเป็นหมด แต่แท้จริงแล้วหลายคนเก่งในด้านศิลปะการต่อสู้ แม้แต่เฉากุย แม้จะมีรูปร่างผอมเพรียวแต่ศิลปะการต่อสู้ของเธอก็เก่งมาก เธอสามารถเอาชนะสามหรือห้าคนได้อย่างง่ายดายภายในพริบตา

เฉากุยเป็นผู้หญิงที่เป็นเจ้าของโรงแรมในสถานที่ที่มีทั้งคนดีและคนชั่วอยู่ด้วยปะปนกัน เธอไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่มีวิชา

“ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อฟังคำโน้มน้าวขนาดนี้?เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหยุดเซียวเฉวียนได้หรือ?นั่นเป็นเพราะเซียวเฉวียนไม่อยากหลบหนี หากคุณยืนกรานที่จะไปตามทางของตัวเอง เจ้าจะทำร้ายตัวเจ้าเองและทุกคน”

น้ำเสียงของมู่จิ่นดูกังวลเล็กน้อย หากเฉากุยยังไม่ส่งสัญญาณให้คนของสำนักหมิงเซียนถอนตัวกลับไปละก็ หากพวกเขามาถึง สถานการณ์ก็จะยิ่งควบคุมไม่ได้มากขึ้น

เพราะตอนนี้เพียงแค่เฉากุยคนเดียว ยังเป็นเรื่องยากสำหรับมู่จิ่นที่โน้มน้าว ตอนนี้มู่จิ่นต้องทำความเข้าใจใหม่กับคนของสำนักหมิงเซียนแล้ว ก่อนหน้านี้มู่จิ่นได้สาบานกับเซียวเฉวียนไว้ว่าว่าศิษย์พี่และศิษย์น้องของเขาจะเชื่อฟังโน้มน้าวของเขาอย่างแน่นอน ตอนนี้ดูเหมือนว่ามู่จิ่นจะสูญเสียความมั่นใจไปอย่างสิ้นเชิง

เขาไม่อยากเห็นคนคุ้นเคยมากมายที่ต้องมาตายต่อหน้าเขา

“หากเจ้ากล้าพูดอักสักคำ ข้าจะตัดลิ้นเจ้า”เฉากุยพูดอย่างน่ารำคาญ

เวลานี้โย่วควนกลับมาจากข้างนอกพอดี

ห้องน้ำในสมัยโบราณถูกสร้างให้ห่างไกลจากตัวบ้าน โย่วควนหาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำ แต่จริงๆแล้วเขาออกไปเดินเล่นอยู่ข้างนอก

เขาเพิ่งกลับมาถึงก็ได้ยินเฉากุยด่าไปที่มู่จิ่นด้วยความโมโห แต่เขาไม่เห็นเซียวเฉวียนเลย โย่วควนรีบเดินอย่างไวไปหามู่จิ่น และถามอย่างกระตือรือร้นว่า:"นายท่านอยู่ที่ไหน?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย