อ่านสรุป บทที่ 1073 รู้ดีอยู่แล้ว จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1073 รู้ดีอยู่แล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
“นี่เรียกว่าอะไร มันแปลกมาก?”
เซียวเฉวียนดึงมือกลับไป เขาค่อยๆหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ ถ้าพูดตามตรงคือชาที่นี่ไม่อร่อยเลย กินน้ำต้มสุกยังจะอร่อยเสียกว่า
“นักปราชญ์สั่งให้พวกเจ้ามาฆ่าข้า แต่ไม่ได้บอกให้พวกเจ้าระวังว่าข้าอ่านใจออกงั้นรึ?” เซียวเฉวียนกล่าวและหันไปมองเสี่ยวชิง และจู่ๆใบหน้าของเสี่ยวชิงในตอนนี้ก็ซีดเซียว เซียวเฉวียนเป็นมนุษย์หรือผีกันแน่? เขามีความสามารถเหนือธรรมชาติอย่างการอ่านใจด้วยงั้นหรือ
นักปราชญ์ไม่เคยบอกพวกเขาว่าเซียวเฉวียนมีความสามารถนี้
พรึ่บพรึ่บพรึ่บ
สีหน้าของเสี่ยวชิงดูหวาดกลัว เมื่อกี้เซียวเฉวียนแค่ผลักเธอเบาๆเธอก็กระเด็นออกมาแล้ว ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ควรมองข้ามเลย ตอนนี้เขาอ้างว่าตัวเองนั้นอ่านใจได้ เพียงแค่สองอย่างนี้เซียวเฉวียนก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าสำนักหมิงเซียนมีกี่คน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมองท่าทางที่ดูนิ่งสงบของเซียวเฉวียนก็ไม่รู้ว่ามีสิ่งที่สามารถทำให้คนตกตะลึงนั้นซ่อนอยู่มากมายเท่าไหร่
เมื่อต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ สำนักหมิงเซียวเกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสได้ลงมือเลย? แม้ว่าจะได้ลงมือก็คงจะเหมือนกับการไม่รู้จักประเมินกำลังตัวเองแล้วรนหาที่ตาย
เสี่ยวชิงไม่สามารถที่จะเฝ้าดูพ่อของตัวเองตายไปได้
“ฮึ นักปราชญ์ช่างไร้ความปราณีเสียจริง สั่งให้พวกเจ้ามาฆ่าข้าแต่ไม่บอกอะไรพวกเจ้าเกี่ยวกับข้าเลย” เซียวเฉวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสงบ ดูเหมือนว่านักปราชญ์จะไม่ใช่เจ้าสำนักที่มีความสามารถ!
ในความคิดของเซียวเฉวียน นักปราชญ์ที่เป็นเจ้าสำนักก็ควรให้ความสําคัญกับชีวิตของผู้คนในสำนักเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะสามารถพัฒนาสำนักได้ในระยะยาวจนสำเร็จ ถ้าในสำนักมีสมาชิกน้อยลง จะพัฒนาไปเพื่ออะไร?
ความสามารถเป็นพื้นฐานของการพัฒนาสำนัก ที่เรียกว่ากันว่าตราบใดที่มีชีวิตอยู่ ย่อมมีความหวัง
มันโง่มากที่นักปราชญ์ระดมคนมาเพื่อเอาชีวิตของเซียวเฉวียน
ตามคําที่เซียวเฉวียนกล่าว นักปราชญ์เองไม่สามารถได้รับประโยชน์ใดๆจากเซียวเฉวียนได้ และไม่ควรส่งคนมาไล่ฆ่าเซียวเฉวียนเร็วขนาดนี้ ถ้าเป็นเซียวเฉวียนคงจะเลือกเตรียมกองกำลังให้พร้อมสำหรับการโจมตี และปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองถ้าเป็นสงครามครั้งใหญ่ก็มีโอกาสชนะไม่ใช่รึ?
แน่นอนว่าเซียวเฉวียนก็เข้าใจอารมณ์ของนักปราชญ์ นักปราชญ์นั้นหยิ่งผยองมากจนคิดว่าตัวเองเป็นตัวแทนของทางสวรรค์และอยู่ยงคงกระพันในโลก แต่ด้วยเงื้อมมือของเซียวเฉวียนนักปราชญ์ก็ได้รับรู้ถึงความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า เท่ากับว่าอํานาจของนักปราชญ์นั้นได้ถูกท้าทาย และผู้ท้าชิงก็คือเซียวเฉวียนผู้ที่ไม่เคยอยู่ในสายตา ซึ่งสิ่งนี้มันทําให้นักปราชญ์รู้สึกขายขี้หน้ามาก!
คนที่เรียกกันว่าการทรมานตัวเองเพื่อรักษาหน้าก็คือคนอย่างนักปราชญ์
ย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้วนักปราชญ์กระตือรือร้นที่จะฆ่าเซียวเฉวียนมาก นักปราชญ์ควรบอกให้ความรู้เรื่องเซียวเฉวียนก่อนที่จะส่งคนไปฆ่าเซียวเฉวียน
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะทุกครั้งในการต่อสู้ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้จักตัวเองและศัตรูก่อน เพื่อที่ทำให้สาวกที่จะส่งมาฆ่าเซียวเฉวียนนั้นได้ตายไปโดยที่รู้อยู่แก่ใจ
อย่างแรกคือในสายตาของนักปราชญ์ชีวิตของสำนักหมิงเซียนไม่สําคัญเท่ากับชีวิตของหมิงเจ๋อที่เป็นคนนอก
ตอนที่นักปราชญ์สนับสนุนให้หมิงเจ๋อฆ่าเซียวเฉวียน เขารู้ว่าเซียวเฉวียนมีความสามารถในการอ่านใจออก สอนหมิงเจ๋อเกี่ยวกับวิธีในการป้องกันการโดนอ่านใจด้วย และยังมอบเพลิงชุ้ยเจี้ยนให้แก่หมิงเจ๋อเพื่อไปจัดการกับวิญญาณของเสี่ยวเซียนชิว
“ดูสิ สำนักหมิงเซียนที่พวกเจ้าสาบานว่าจะภักดี พวกเจ้าดูถูกชีวิตกันมากขนาดนี้ได้ยังไงมันไม่ทำให้พวกเจ้ารู้สึกหนาวเหน็บบ้างงั้นรึ?”
คิ้วและสายตาของเซียวเฉวียนส่องประกายที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “แต่สาวน้อยอย่างเสี่ยวชิงผู้สง่างาม คงจะรู้ว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซียวเฉวียนก็กระซิบเบาๆว่า “ข้าไม่ได้มีเรื่องอะไรกับเสี่ยวชิง เจ้าไปเถอะ”
ดังนั้นเฉากุยจึงหาข้ออ้างแยกตัวกับพ่อค้าและเดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับเสี่ยวชิง
ทันทีที่เฉากุยเข้ามาที่ประตูเสี่ยวชิงก็รีบพูดว่า “ท่านพี่กุย เซียวเฉวียนไม่ได้เป็นคนที่น่าทึ่งอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังสามารถอ่านใจคนอื่นได้อีกด้วย พวกเราไม่สามารถปกปิดความคิดต่อเซียวเฉวียนได้ เขารู้ดีว่าพวกเรากำลังคิดอย่างไรอยู่”
อ่านใจได้งั้นหรือ?
สำหรับเฉากุยไม่มีคำอื่นนอกจากสำนักหมิงเซียนสลักไว้บนหน้าผากของเธอ เธอดูแลโรงเตี๊ยมมาหลายปีโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอเลย แต่เซียวเฉวียนสามารถบอกตัวตนของเฉากุยได้ในทันทีที่เขามาถึง
แล้วไง? สองมือจะไปชนะสี่มือได้ยังไง ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะทรงพลังแค่ไหน เขาจะมีพลังมากกว่าไปคนทั้งสำหนักหมิงเซียนที่ล้อมเขาไว้ได้อย่างไร?
“ไม่ต้องกลัว พวกเรามีโอกาสที่จะชนะสูงมาก” เฉากุยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เซียวเฉวียนจะถูกฆ่าตายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้และการตายครั้งนี้เฉากุยก็จะมีได้รับความชอบอย่างมาก สำนักหมิงเซียนให้ความดีความชอบต่อผู้ที่ทำผลงานดีเสมอ บางทีเฉากุยอาจจะได้ออกไปจากที่นี่ตามที่ใจต้องการก็ได้
การออกจากหมู่บ้านพระจันทร์เป็นเป้าหมายของเฉากุย หมู่บ้านพระจันทร์ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทยากจนที่แห้งแร้งตลอดทั้งปี เฉากุยไม่เต็มใจที่จะทิ้งความสาวของเธอไว้ที่นี่
“ท่านพี่กุย พวกเราไม่สามารถประมาทต่อความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนได้เลยจริงๆ ข้าเพิ่งทดสอบมัน เขาแค่ผลักข้าเบาๆข้าก็กระเด็นออกมาห้าเมตรแล้ว” ทันทีที่เสี่ยวชิงได้ยินคําพูดของเฉากุยเขาก็รู้ว่าเฉากุยตั้งใจที่จะฆ่าเซียวเฉวียน
เสี่ยวชิงยังรู้ด้วยว่าเฉากุยต้องการออกจากหมู่บ้านพระจันทร์ และรู้ว่าเฉากุยกระตือรือร้นที่จะได้ความดีความชอบนี้ แต่เสี่ยวชิงไม่สามารถดูความเห็นแก่ตัวของเฉากุยที่ฝังชีวิตตัวเองและผู้คนในสำนักหมิงเซียนทั้งหมดไว้ที่นี่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นก็รวมถึงพ่อของเสี่ยวชิงด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...