เฉากุยคำนวณตามความเร็วของศิษย์สำนักหมิงเซียนว่า พวกเขาน่าจะมาถึงแล้ว
ศิษย์สำนักหมิงเซียนเดินทางมาไกลขนาดนี้ ออกตัวตามมารยาท เฉากุยก็ต้อนรับพวกเขาก็เป็นเรื่องควรทำ แน่นอนว่าเฉากุยก็มีเจตนาส่วนตัวเช่นกัน ต้องการสร้างความประทับใจให้กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาพูดดีกับนางต่อหน้านักปราชญ์และย่าเหยียน เมื่อพวกเขากลับไป
และด้วยผลงานพบร่องรอยของเซียวเฉวียน เฉากุยก็มั่นใจว่าจะได้รับเลื่อนตำแหน่งอย่างแน่นอน
ดีสิ คนที่โชคดีก็โชคดี แม้จะอยู่ในที่ห่างไกล โชคดีก็จะมาตามกำหนด
คิดถึงตัวเองที่จะได้ออกจากหมู่บ้านพระจันทร์ในไม่ช้า เฉากุยอารมณ์ดี เหตุการณ์เมื่อคืนเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เฉากุยก็ลืมคำพูดของเสี่ยวชิง ละเลยพลังของเซียวเฉวียน ในใจของนาง สงครามครั้งนี้ สำนักหมิงเซียนชนะแล้ว
และในเวลานี้ ภายใต้การคาดหวังของเฉากุยมีคนกลุ่มหนึ่งขี่อูฐจากไกล ๆ มา
ดูจากการแต่งกายของพวกเขา เฉากุยรู้ทันทีว่าเป็นศิษย์สำนักหมิงเซียน นางรีบลุกขึ้น บิดเอว ยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับพวกเขา “เอ่อ ขอบพระคุณทุกท่านที่ไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยล้ามาแต่ไกล ๆ เชิญทุกท่านพักผ่อนสักครู่ที่โรงเตี๊ยม”
ผู้นำคนนั้นกระโดดลงจากอูฐ พยักหน้าให้เฉากุยแล้วหันกลับมาพูดกับคนที่ข้างหลัง “พี่น้องทั้งหลาย เรามาถึงแล้ว”
ทุกคนลงจากอูฐ แล้วนำโดยผู้นำคนนั้น เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างเร่งรีบ
เฉากุยขณะเชิญพวกเขาเข้าไปในโรงเตี๊ยม ขณะเดียวกันก็แอบนับจำนวนคนที่มา นับถึงคนที่สามสิบแล้ว ไม่เห็นคนมาต่อ เฉากุยมองไปข้างหน้าแล้วมองไปข้างหน้าอีกครั้ง ไม่สิ มีคนแค่นี้?
สำนักหมิงเซียนไม่ใช่ประตูใหญ่หรือ?
นอกจากนี้ แม้แต่นักปราชญ์ยังออกคำสั่งฆ่าเซียวเฉวียนจะมาแค่นี้เองหรือ?
แค่นี้……
ถ้าเซียวเฉวียนอย่างที่เสี่ยวชิงพูดนั้น แข็งแกร่งมาก จะตามฆ่าเซียวเฉวียนคงจะยากหน่อย
แต่นั่นก็ไม่ใช่ คำสั่งตามฆ่าที่ออกโดยนักปราชญ์เอง ยังไงก็ไม่น่าจะเหลือแค่นี้หรอก
บางที สามสิบคนนี้เป็นกองหน้า กองกำลังหลักยังอยู่ข้างหลัง
อืม ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ต้องมีกองกำลังหลักอยู่ข้างหลังแน่
เฉากุยปลอบใจตัวเองแบบนี้ ก้าวเท้าเข้าไปที่โรงเตี๊ยมทีละก้าว กลัวจะพลาดการมาถึงของกองกำลังหลัก กลัวจะพลาดโอกาสต้อนรับกองกำลังหลักเป็นคนแรก
แต่ ก้าวของนางช้าลงแล้ว นางเข้าไปในโรงเตี๊ยมแล้วไม่เห็นเงาของกองกำลังหลัก
ในใจเฉากุยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจ
และโรงเตี๊ยมก็ครึกครื้นขึ้นทันที จากการมาถึงของสามสิบคน
“ผู้จัดการร้าน เซียวเฉวียนอยู่ที่ไหน?” ผู้นำคนนั้นตะโกนใส่เฉากุยพวกเขามาอย่างเร่งรีบเพื่อเซียวเฉวียน
ไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนหนีไปหรือยัง
“ท่านทั้งหลายโปรดสงบสติอารมณ์ เซียวเฉวียนยังอยู่ที่โรงเตี๊ยม” พูดมาถึงตรงนี้ เฉากุยจงใจกดเสียงต่ำ เซียวเฉวียนต้องฆ่า แต่นางก็ต้องทำธุรกิจด้วย ไม่สามารถให้ใครรู้ว่า เซียวเฉวียนต้องตายด้วยน้ำมือของนาง มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของโรงเตี๊ยมฉางหมิง
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครอยากพักในโรงเตี๊ยมที่มีอำนาจซับซ้อนเกินไป พักในโรงเตี๊ยมแบบนี้ ไม่รู้เมื่อไหร่จะเจออะไรไม่ดี
เฉากุยรินชาให้หัวหน้าคนนั้น พูดด้วยน้ำเสียงที่ลองเชิงว่า “เรารอให้ทุกคนพร้อมก่อนค่อยลงมือ จะได้มีโอกาสชนะมากขึ้น”
พร้อมแล้วหรือ?
หัวหน้าคนนั้นชะงักไปเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ยังดี แต่พูดถึงเรื่องนี้ หัวหน้าคนนั้นก็โมโหเต็มท้อง “มีแค่พวกนี้เอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...