ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1080

สรุปบท บทที่ 1080 ขัดโองการสวรรค์: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 1080 ขัดโองการสวรรค์ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1080 ขัดโองการสวรรค์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ความหมายอื่นในคำพูดของเฉากุยก็คือ ในเมื่อ小青ขึ้นเรือลำเดียวกับเซียวเฉวียนเจ้าแล้ว เช่นนั้นพอดีเลย พวกเจ้าไปตายด้วยกันทั้งหมดเสีย!

ข้าไม่สนหรอกว่าเซียวเฉวียนเจ้าจะเป็นราชบุตรเขยซินเจียงหรืออะไร ก็ไม่มีทางสำคัญสูงศักดิ์เท่าสำนักหมิงเซียนของเรา สำนักหมิงเซียนนั้นเป็นตัวแทนเจตนารมณ์สวรรค์

ภายใต้ท้องฟ้าแห่งนี้ ไม่มีใครเก่งกาจเหนือกว่าสวรรค์หรอก!

นักปราชญ์พูดว่าเซียวเฉวียนคือสัตว์ประหลาดที่ต้องกำจัดตามมติสวรรค์ เช่นนั้นเซียวเฉวียนไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อ วันนี้คือวันที่เซียวเฉวียนจะต้องตาย!

เฉากุยแอบส่งสายตาให้กับผู้เป็นหัวหน้า แสดงท่าทีว่าคนเบื้องหน้าตนนี้คือเซียวเฉวียน และมอบเซียวเฉวียนให้พวกเขาจัดการแล้ว

ฉากหน้า โรงเตี๊ยมฉางหมิงนั้นก็เป็นแค่โรงเตี๊ยมธรรมดา สถานที่นี้ยังมีพ่อค้าคนอื่นๆ อีก เฉากุยไม่อาจเปิดเผยตัวตนง่ายๆ ได้ และไม่สะดวกสอดมือเข้าร่วม

ผู้เป็นหัวหน้าพยักหน้าเข้าใจเรื่องราว เขามองเฉากุยเดินออกจากโรงเตี๊ยม หลังจากนั้นก็กระโจนตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน พร้อมออกคำสั่ง “ฆ่า!”

“ฆ่า!”

คนของสำนักหมิงเซียนรายอื่นๆ รับคำสั่ง หลังจากนั้นก็พุ่งตัวไปยังเซียวเฉวียนด้วยท่าทางดุดันรุนแรง

น้ำเสียงตะโกนฆ่าฟันอันสะท้านใจคนนั้น ทำเอาเหล่าแขกจำนวนไม่น้อยตื่นจากภวังค์ลุ่มหลง พวกเขาพากันลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอย่างตระหนก คิดอยากออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เช้าตรู่เช่นนี้ ใครมาก่อเรื่องที่โรงเตี๊ยม

เพียงแค่เห็นก็ตระหนกแล้ว ด้านนอกมีคนถือดาบกระบี่สิบกว่าคน บรรยากาศดุดันเหี้ยมหาญมุ่งโจมตีเซียวเฉวียนเพียงคนเดียว

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

ราชบุตรเขยซินเจียงรายนี้มาที่ซินเจียงไม่นาน เหตุใดถึงก่อเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้

ดูจากสภาพการณ์นี้แล้ว เหล่าแขกเองก็คงจะออกไปไม่ได้ ดาบกระบี่ไร้ตา เพื่อกันไม่ให้เกิดการโจมตีผิดพลาด เหล่าผู้พักอาศัยต่างพากันปิดประตูห้องของตนเอง จากนั้นก็ซุกตัวในห้องเพื่อรักษาชีวิต

สำหรับพวกแม่นางเหล่านั้นครั้นฟังชัดเจนว่าด้านนอกไม่ปลอดภัย ทว่าพวกนางก็ยังเสแสร้งทำท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวซ่อนตัวอยู่ในห้องต่อ

สรุปก็พอ หากว่าเฉากุยไม่ส่งเสียงใด พวกนางก็จะเอาแต่ปิดหูนั่นละ

ส่วนมู่จิ่นกับโย่วควนในเวลาเดียวกันก็ถูกเสียงตะโกนฆ่าฟันนี้ปลุกจนตื่น ไม่ต้องคิด พวกเขาก็รู้ว่าปัญหาใหญ่มาแล้ว

มู่จิ่นหยิบเอาปืนออกมาจากบั้นเอว จากนั้นก็มาที่ประตูด้วยความระมัดระวังเป็นที่สุด เขามองผ่านรอยแยกของประตูไปเห็นว่าด้านหน้าไม่มีคน เขาก็รีบเปิดประตูวิ่งไปเคาะประตูห้องของโย่วควนด้วยความรวดเร็ว

ในเวลานี้โย่วควนเองก็ยังอยู่ข้างประตู ครั้นได้เห็นมู่จิ่น โย่วควนก็เปิดประตูในทันใด ก่อนจะยื่นศีรษะเข้ามา พลางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “นายท่านล่ะ?”

มู่จิ่นหันหน้าไปดู เงาร่างของเซียวเฉวียนหายไป เขามุ่งหน้ากระโจนผ่านประตูใหญ่โรงเตี๊ยมไป เมื่อเห็นสภาพนี้แล้ว มู่จิ่นก็รู้ว่าเซียวเฉวียนคงต้องการล่อคนของสำนักหมิงเซียนพวกนี้ไปสู้กันข้างนอกโรงเตี๊ยมแน่นอน

จะสู้กันก็ต้องสู้ในที่กว้างๆ สักหน่อยถึงจะสู้กันได้สนุก!

ไม่สนเซียวเฉวียนแล้ว อาศัยจากฝีมือของเขา คงไม่มีใครได้เปรียบเมื่อต้องสู้กับเขาหรอก

มู่จิ่นจัดการยัดโย่วควนเข้าไปข้างในสำเร็จ เขาก็ปิดประตูดังปัง “วางใจได้ นายท่านของเจ้าเก่งกาจขนาดนี้คงจะไม่มีเรื่องใดๆ หรอก”

“พวกเราปกป้องตัวเองให้ดีก็พอ ไม่ฉุดรั้งเขาไว้ก็เป็นการช่วยเขาแล้ว” มู่จิ่นเกรงว่าทาสนายท่านอย่างโย่วควนผู้นี้จะเกิดผลุนผลันพุ่งออกไปช่วยเซียวเฉวียน หากว่าตกอยู่ในกำมือศัตรูเข้า เซียวเฉวียนยังต้องแบ่งสมาธิมาช่วยโย่วควนอีก เรื่องนี้ไม่ทำให้เซียวเฉวียนเหนื่อยหรือ?

เมื่อได้ยินมู่จิ่นพูดเช่นนี้ โย่วควนก็รู้สึกว่าคำพูดของเขานั้นมีเหตุผล

แต่ว่าแม้จะเอ่ยวาจาเช่นนี้ โย่วควนก็ยังกังวลความปลอดภัยของเซียวเฉวียนอยู่ดี “พวกเรายังคงออกไปดูสักหน่อยเถอะ เจ้ายังมีปืนอยู่หรือไม่? พวกเราคงจะไม่มีปัญหาหรอก”

มู่จิ่นลังเลนิดหน่อย แต่ก็ยังทำตามโย่วควน

ว่ากันตามตรงแล้ว หากว่าโย่วควนนั่งลงตรงที่นี้ มู่จิ่นเองก็คงนั่งไม่ติดที่เช่นกัน

สาเหตุที่มู่จิ่นลังเลว่าจะออกมาดีหรือไม่ก็เป็นเพราะมู่จิ่นคิดว่ายามนี้เขาจะเผชิญหน้ากับพี่น้องพวกนี้ได้อย่างไร

แต่แล้วมู่จิ่นก็เปลี่ยนความคิด กลับกันเฉากุยก็รู้ตัวตนของมู่จิ่นอยู่แล้ว เลห่าพี่น้องข้างนอกไม่ช้าเร็วก็ต้องรู้เช่นกัน

และสุดท้ายแล้ว มู่จิ่นก็ยังต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรจะให้กังวลแล้วละ

ทั้งสองคนก้าวเท้าราวโบยบินมายังหน้าประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยม เซียวเฉวียนนั้นเริ่มสู้กับคนของสำนักหมิงเซียนแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่จิ่นได้เห็นเซียวเฉวียนกำลังจะสู้อย่างเป็นทางการ เซียวเฉวียนที่อยู่ในสภาพพร้อมรบนั้น บรรยากาศเต็มรูปแบบ แขนเสื้อสะบัดลอย หล่อเหลาเป็นที่สุด!

มู่จิ่นมองดูจนหลงใหลได้ปลื้ม ไม่อาจจะเบนสายตา

หากไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตตนเอง มู่จิ่นเองก็ไม่อยากจะทำร้ายพี่น้องร่วมสำนักหรอก

แต่ว่าทั้งสองคนก็ยังทำเหมือนไม่ได้ยินก็ไม่ปาน ไม่เพียงแค่ไม่ถอยแต่กลับเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีก

เมื่ออยู่ต่อหน้าปืนแล้ว การเพิ่มความเร็วนั้นก็คือการเร่งตายไม่ก็เร่งบาดเจ็บก็เท่านั้น

ทว่าสุดท้ายแล้วมู่จิ่นก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาชีวิตคนสองคนนี้ดีหรือไม่ เขาทำได้แค่ยิงปืนไปที่ขาของพวกเขา

“ปัง!”

“ปัง!”

“อ๊ากก!”

“อ๊ากก!”

เสียงปืนดังขึ้นสองครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน คนของสำนักหมิงเซียนทั้งสองคนพลันคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังพรวด

คนของสำนักหมิงเซียนล้วนทราบว่า ทั้งภูเขาหมิงเซียนนั้นมีแค่มู่จิ่นและมู่เวยเท่านั้นที่มีอาวุธแบบนี้

และคนที่มือถือปืนอยู่เบื้องหน้าตนนี้ แม้ว่าจะปิดบังใบหน้า แต่พวกเขาก็ยังจำได้ว่านี่คือมู่จิ่น พวกเขาไม่ได้หยุดตัวเอง แต่กลับพันว่ามู่จิ่นไม่กล้ายิงปืนมาที่พวกเขา

เพราะว่าในช่วงที่อยู่สำนักหมิงเซียนนั้น มู่จิ่นดีต่อพี่น้องร่วมสำนักเป็นอย่างมาก ทั้งอบอุ่นและให้ความสำคัญกับมิตรภาพ

ส่วนพวกเขานั้นก็มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นลึกล้ำกับมู่จิ่น

ทว่าพวกเขาคิดเอาชีวิตของมู่จิ่นแถมยังวาดหวังด้วยว่ามู่จิ่นจะเหลือสายสัมพันธ์ในวันวานและจะไม่ลงมือกับพวกเขาแน่นอน!

ช่างน่าตกใจนัก!

คนปรกติไม่มีทางมีความคิดเช่นพวกเขาแน่นอน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย