ความหมายอื่นในคำพูดของเฉากุยก็คือ ในเมื่อ小青ขึ้นเรือลำเดียวกับเซียวเฉวียนเจ้าแล้ว เช่นนั้นพอดีเลย พวกเจ้าไปตายด้วยกันทั้งหมดเสีย!
ข้าไม่สนหรอกว่าเซียวเฉวียนเจ้าจะเป็นราชบุตรเขยซินเจียงหรืออะไร ก็ไม่มีทางสำคัญสูงศักดิ์เท่าสำนักหมิงเซียนของเรา สำนักหมิงเซียนนั้นเป็นตัวแทนเจตนารมณ์สวรรค์
ภายใต้ท้องฟ้าแห่งนี้ ไม่มีใครเก่งกาจเหนือกว่าสวรรค์หรอก!
นักปราชญ์พูดว่าเซียวเฉวียนคือสัตว์ประหลาดที่ต้องกำจัดตามมติสวรรค์ เช่นนั้นเซียวเฉวียนไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อ วันนี้คือวันที่เซียวเฉวียนจะต้องตาย!
เฉากุยแอบส่งสายตาให้กับผู้เป็นหัวหน้า แสดงท่าทีว่าคนเบื้องหน้าตนนี้คือเซียวเฉวียน และมอบเซียวเฉวียนให้พวกเขาจัดการแล้ว
ฉากหน้า โรงเตี๊ยมฉางหมิงนั้นก็เป็นแค่โรงเตี๊ยมธรรมดา สถานที่นี้ยังมีพ่อค้าคนอื่นๆ อีก เฉากุยไม่อาจเปิดเผยตัวตนง่ายๆ ได้ และไม่สะดวกสอดมือเข้าร่วม
ผู้เป็นหัวหน้าพยักหน้าเข้าใจเรื่องราว เขามองเฉากุยเดินออกจากโรงเตี๊ยม หลังจากนั้นก็กระโจนตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน พร้อมออกคำสั่ง “ฆ่า!”
“ฆ่า!”
คนของสำนักหมิงเซียนรายอื่นๆ รับคำสั่ง หลังจากนั้นก็พุ่งตัวไปยังเซียวเฉวียนด้วยท่าทางดุดันรุนแรง
น้ำเสียงตะโกนฆ่าฟันอันสะท้านใจคนนั้น ทำเอาเหล่าแขกจำนวนไม่น้อยตื่นจากภวังค์ลุ่มหลง พวกเขาพากันลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอย่างตระหนก คิดอยากออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เช้าตรู่เช่นนี้ ใครมาก่อเรื่องที่โรงเตี๊ยม
เพียงแค่เห็นก็ตระหนกแล้ว ด้านนอกมีคนถือดาบกระบี่สิบกว่าคน บรรยากาศดุดันเหี้ยมหาญมุ่งโจมตีเซียวเฉวียนเพียงคนเดียว
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ราชบุตรเขยซินเจียงรายนี้มาที่ซินเจียงไม่นาน เหตุใดถึงก่อเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้
ดูจากสภาพการณ์นี้แล้ว เหล่าแขกเองก็คงจะออกไปไม่ได้ ดาบกระบี่ไร้ตา เพื่อกันไม่ให้เกิดการโจมตีผิดพลาด เหล่าผู้พักอาศัยต่างพากันปิดประตูห้องของตนเอง จากนั้นก็ซุกตัวในห้องเพื่อรักษาชีวิต
สำหรับพวกแม่นางเหล่านั้นครั้นฟังชัดเจนว่าด้านนอกไม่ปลอดภัย ทว่าพวกนางก็ยังเสแสร้งทำท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวซ่อนตัวอยู่ในห้องต่อ
สรุปก็พอ หากว่าเฉากุยไม่ส่งเสียงใด พวกนางก็จะเอาแต่ปิดหูนั่นละ
ส่วนมู่จิ่นกับโย่วควนในเวลาเดียวกันก็ถูกเสียงตะโกนฆ่าฟันนี้ปลุกจนตื่น ไม่ต้องคิด พวกเขาก็รู้ว่าปัญหาใหญ่มาแล้ว
มู่จิ่นหยิบเอาปืนออกมาจากบั้นเอว จากนั้นก็มาที่ประตูด้วยความระมัดระวังเป็นที่สุด เขามองผ่านรอยแยกของประตูไปเห็นว่าด้านหน้าไม่มีคน เขาก็รีบเปิดประตูวิ่งไปเคาะประตูห้องของโย่วควนด้วยความรวดเร็ว
ในเวลานี้โย่วควนเองก็ยังอยู่ข้างประตู ครั้นได้เห็นมู่จิ่น โย่วควนก็เปิดประตูในทันใด ก่อนจะยื่นศีรษะเข้ามา พลางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “นายท่านล่ะ?”
มู่จิ่นหันหน้าไปดู เงาร่างของเซียวเฉวียนหายไป เขามุ่งหน้ากระโจนผ่านประตูใหญ่โรงเตี๊ยมไป เมื่อเห็นสภาพนี้แล้ว มู่จิ่นก็รู้ว่าเซียวเฉวียนคงต้องการล่อคนของสำนักหมิงเซียนพวกนี้ไปสู้กันข้างนอกโรงเตี๊ยมแน่นอน
จะสู้กันก็ต้องสู้ในที่กว้างๆ สักหน่อยถึงจะสู้กันได้สนุก!
ไม่สนเซียวเฉวียนแล้ว อาศัยจากฝีมือของเขา คงไม่มีใครได้เปรียบเมื่อต้องสู้กับเขาหรอก
มู่จิ่นจัดการยัดโย่วควนเข้าไปข้างในสำเร็จ เขาก็ปิดประตูดังปัง “วางใจได้ นายท่านของเจ้าเก่งกาจขนาดนี้คงจะไม่มีเรื่องใดๆ หรอก”
“พวกเราปกป้องตัวเองให้ดีก็พอ ไม่ฉุดรั้งเขาไว้ก็เป็นการช่วยเขาแล้ว” มู่จิ่นเกรงว่าทาสนายท่านอย่างโย่วควนผู้นี้จะเกิดผลุนผลันพุ่งออกไปช่วยเซียวเฉวียน หากว่าตกอยู่ในกำมือศัตรูเข้า เซียวเฉวียนยังต้องแบ่งสมาธิมาช่วยโย่วควนอีก เรื่องนี้ไม่ทำให้เซียวเฉวียนเหนื่อยหรือ?
เมื่อได้ยินมู่จิ่นพูดเช่นนี้ โย่วควนก็รู้สึกว่าคำพูดของเขานั้นมีเหตุผล
แต่ว่าแม้จะเอ่ยวาจาเช่นนี้ โย่วควนก็ยังกังวลความปลอดภัยของเซียวเฉวียนอยู่ดี “พวกเรายังคงออกไปดูสักหน่อยเถอะ เจ้ายังมีปืนอยู่หรือไม่? พวกเราคงจะไม่มีปัญหาหรอก”
มู่จิ่นลังเลนิดหน่อย แต่ก็ยังทำตามโย่วควน
ว่ากันตามตรงแล้ว หากว่าโย่วควนนั่งลงตรงที่นี้ มู่จิ่นเองก็คงนั่งไม่ติดที่เช่นกัน
สาเหตุที่มู่จิ่นลังเลว่าจะออกมาดีหรือไม่ก็เป็นเพราะมู่จิ่นคิดว่ายามนี้เขาจะเผชิญหน้ากับพี่น้องพวกนี้ได้อย่างไร
แต่แล้วมู่จิ่นก็เปลี่ยนความคิด กลับกันเฉากุยก็รู้ตัวตนของมู่จิ่นอยู่แล้ว เลห่าพี่น้องข้างนอกไม่ช้าเร็วก็ต้องรู้เช่นกัน
และสุดท้ายแล้ว มู่จิ่นก็ยังต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรจะให้กังวลแล้วละ
ทั้งสองคนก้าวเท้าราวโบยบินมายังหน้าประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยม เซียวเฉวียนนั้นเริ่มสู้กับคนของสำนักหมิงเซียนแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่จิ่นได้เห็นเซียวเฉวียนกำลังจะสู้อย่างเป็นทางการ เซียวเฉวียนที่อยู่ในสภาพพร้อมรบนั้น บรรยากาศเต็มรูปแบบ แขนเสื้อสะบัดลอย หล่อเหลาเป็นที่สุด!
มู่จิ่นมองดูจนหลงใหลได้ปลื้ม ไม่อาจจะเบนสายตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...