พวกเขาเคยเห็นปืนกลของมู่จิ่นและมู่เวยมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นอาวุธในมือของเซียวเฉวียนมาก่อน
ระดับความประหลาดใจของพวกเขาไม่น้อยไปกว่าคนยุคใหม่ที่เห็นมนุษย์ต่างดาวนอกโลก
ทว่าปฏิกิริยาตอบสนองของคนสำนักหมิงเซียนนั้นไวต้องความรู้สึก แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นกระสุนปืนที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขา คล้ายกับมีดบินในสายตาของพวกเขา ก็พากันหลบเลี่ยง
แต่พวกเขาหลบได้เพียงระลอกแรก กลับหลบไม่พ้นในระลอกที่สอง ปืนกลนั้นกราดยิงอย่างบ้าคลั่ง ระดับความเร็วของกระสุนปืนไวยิ่งกว่ามีดบินเสียอีก มีคนโดนยิงในระหว่างการหลบเลี่ยง
คนโดนยิงสาบแช่งอยู่ในใจด้วยความเจ็บปวด แม่งเอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย ถึงได้โจมตีพวกเขาไม่หยุดเช่นนี้?
ไอ้เศษสวะอย่างเซียวเฉวียนผลิตอาวุธแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?
ความเจ็บปวดจากการโดนยิงรุนแรงกว่าโดนมีดหลายเท่า
พวกเขามองตัวประหลาดอย่างเซียวเฉวียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
ใช่ นักปราชญ์พูดถูกต้อง เซียวเฉวียนแปลกยิ่งนัก ไม่อย่างนั้นเหตุใดพวกเขาถึงไม่มีอาวุธที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้ามนั้น?
เซียวเฉวียน ต้องตาย!
แต่พวกเขาบาดเจ็บแล้ว แม้แต่ยืนก็ยังไม่ไหว อย่าว่าแต่จะฆ่าเซียวเฉวียนเลย
ความหวังเดียวที่จะฆ่าเซียวเฉวียนได้คือคนที่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บ
แต่คนที่ไม่บาดเจ็บเหลือเพียงสามคนเท่านั้น คนพวกนั้นมัวแต่ปกป้องตัวเอง ไม่ว่างมาสนใจพวกเขาหรอก
สามคนนี้มีไวต่อความรู้สึกมาก ในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ พวกเขาได้ค้นพบกฎบางอย่างของปืนกล
พวกเขาพบว่าปืนกลชนิดนี้จะกราดยิงอย่างคงที่ พวกเขาจึงถือโอกาสกระจายตัวอย่างรวดเร็วในขณะที่ปืนกลเบี่ยงไปทางอื่น จากนั้นก็พุ่งเข้าประชิดตัวเซียวเฉวียนอีกก้าวหนึ่ง
แค่คิดว่าเซียวเฉวียนต้องโชคร้าย คนที่บาดเจ็บก็พากันลืมความเจ็บปวดบนร่างกายเป็นปลิดทิ้ง สีหน้าความเจ็บปวดเมื่อครู่ถูกความตื่นเต้นที่จะได้ชนะเข้ามาแทนที่
เวลานี้ สีหน้าของเซียวเฉวียนที่พวกเขาเห็นได้เปลี่ยนไป เซียวเฉวียนยืนตรง มือที่ถือปืนกลอยู่เริ่มคลายลงโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาเดินท่องยุทธภพอยู่เสมอ จึงมักจะคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวของเซียวเฉวียน นี่คือสีหน้าประหลาดใจและตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงศักยภาพของคู่ต่อสู้
เซียวเฉวียนประหลาดใจกับศักยภาพของพวกเขาสามคน เซียวเฉวียนคิดว่าตัวเองสู้พวกเขาไม่ได้
ฮ่า ๆ
โอกาสที่จะได้ชนะกลับมาแล้ว
หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นเสียงดัง “ฆ่าเซียวเฉวียน!”
เสียงตะโกนนี้ดึงดูดให้เซียวเฉวียน สร้างความฮึกเหิม
เซียวเฉวียนเพิ่งเห็นว่าทั้งสามคนใกล้ตัวเขาเข้ามาเรื่อย ๆ เขาจึงต้องออกโรงอีกเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งออกไปทันทีที่คิดได้
เวรเอ๊ย!
เดิมทีปืนกลของเซียวเฉวียนได้เปรียบ ฆ่าคนหมิงเซียนได้ในเสี้ยววินาที
เขาคาดไม่ถึงว่า คนโบราณทั้งสามคนนี้จะรู้จักหารหลบเลี่ยงกระสุนปืน
นี่คือเรื่องที่ไม่คาดฝันของเซียวเฉวียน
ต้องบอกก่อน แม้ว่านักปราชญ์จะไม่เข้าใจถ่องแท้ แต่สำนักหมิงเซียนก็พอมีช่องทาง ไม่อย่างนั้นคงฝึกฝนคนในสำนักให้มารับมือกับปืนกลเหล่านี้ไม่ได้
ทว่าตอนนี้เหลือเพียงสามคนแล้ว เซียวเฉวียนไม่ต้องใช้ปืนกลมารับมือก็ยังได้
หากเป้าหมายอยู่ใกล้เกินไป โอกาสที่จะชนะก็ไม่มากนัก
ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงตะโกนอีกครั้งว่า “ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ เก็บ!”
สิ้นสุดเสียง เซียวเฉวียนก็เขวี้ยงปืนกลขึ้นไปในอากาศ
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิติดตามเซียวเฉวียนมานานแล้ว แขวนชีวิตไว้กับเซียวเฉวียนทุกย่างก้าว มันเปิดออกอย่างน่าเกรงขาม จากนั้นภายใต้การสังเกตของคู่ต่อสู้ แล้วเก็บปืนกลอย่างทะนงตน
ใช่ คนในสำนักที่บาดเจ็บเหล่านั้นมองภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งคุนหลุนเก็บปืนกลไปด้วยสีหน้าตกตะลึง
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
คลายอาวุธได้ เก็บอาวุธก็ได้ แถมยังยืดหยุ่นได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...