เมื่อได้ยินเสียงระเบิด พวกคนที่กำลังจะหลบก็สายไปเสียแล้ว
“ปัง!”
เสียงดังสนั่น หมอกควันลอยฟุ้ง ไฟลุกโชน ฝุ่นสีเหลืองกระจายไปทั่ว
ทรายทะเลก็ระเบิดเป็นหลุมไม่ใหญ่ไม่เล็ก
“อึก!”
“อึก!”
“อึก!”
เสียงร้องครวญดังขึ้น
ร่างคนลอยไปมา
ในชั่วพริบตา พวกคนที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของสำนักหมิงเซียนก็นอนอยู่บนพื้น ตายบ้าง บาดเจ็บบ้าง มึนงงบ้าง
ยังมีบางคนที่สีหน้าเจ็บปวดครางฮึ่มฮั่มพยายามลุกขึ้น
ภาพที่เห็นช่างน่าสะพรึงกลัว
ก่อนหน้านี้ เซียวเฉวียนเคยเห็นฉากแบบนี้ในทีวี แต่ตอนนี้ได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ความรู้สึกนั้นแตกต่างออกไป ช่างน่าสะเทือนใจ
พลังทำลายล้างของระเบิดมือนั้นช่างน่ากลัว พลังทำลายล้างก็รุนแรง
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคนพวกนี้ดื้อรั้น เซียวเฉวียนก็ไม่อยากใช้อาวุธแบบนี้
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะหลบอยู่ไกลๆ และปกป้องตัวเองด้วยบาเรีย แต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่รุนแรงเมื่อระเบิดมือมันระเบิด
ในช่วงเวลานั้น มีความรู้สึกเหมือนโลกพลิกคว่ำ
เมื่อเห็นหมอกควันในทะเลทรายค่อย ๆ จางลง เซียวเฉวียนก็ถอยบาเรียออก มองด้วยสายตาเย็นชาไปยังพวกคนที่แพ้ของสำนักหมิงเซียน
เพราะมู่จิ่น เซียวเฉวียนจึงตั้งใจจะจบเรื่องนี้แค่นี้
งั้นแบบนี้ คงเป็นวิธีเดียวที่จะเตือนสำนักหมิงเซียนและนักปราชญ์ตลอดกาล ว่าเซียวเฉวียนไม่ใช่คนที่พวกเขาจะฆ่าได้ง่าย ๆ
ก็แค่นี้แหละ พวกเขาถึงจะจำบทเรียนอันเจ็บปวดนี้ได้เสมอ
นักฆ่าก็แค่ทำให้หัวขาด แต่สิ่งที่ทำให้คนเจ็บปวดสิ้นหวังยิ่งกว่าคือการตัดใจ สิ่งนี้ยิ่งทำให้นักฆ่าปวดใจกว่าการฆ่าพวกเขาทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจแห่งการฝึกตนก็ไม่อนุญาตให้เซียวเฉวียนฆ่าคนพวกนี้ และคนที่สามารถแทนเซียวเฉวียนลงมือได้คือโย่วควน แต่โย่วควนไม่มีฝีมือ สิ่งนี้ก็อันตรายสำหรับโย่วควนเช่นกัน
และเซียวเฉวียนก็ไม่สามารถโยนระเบิดมือได้อีกแล้ว แบบนี้ก็สิ้นเปลืองทรัพยากรเกินไป
เซียวเฉวียนมีหอก แต่โย่วควนก็ใช้ไม่เป็น สอนแบบเร่งรัดก็คงไม่ทันแล้ว
เซียวเฉวียนผู้มีหูดีได้ยินเสียงกลุ่มคนกำลังรีบเร่งมาทางนี้ ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมาก
ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นมิตรหรือศัตรู และนี่คือซินเจียง เซียวเฉวียนทำร้ายคนของอีกฝ่ายบนดินแดนของพวกเขา เกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่หาเรื่อง
สถานที่นี้ไม่ควรอยู่นาน
เซียวเฉวียนร่างหนึ่งวาบวาบและมุ่งหน้าไปยังโย่วควนและมู่จิ่น พวกเขาต้องรีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อรับต้นมันสำปะหลัง แล้วรีบออกจากหมู่บ้านพระจันทร์ก่อนที่กลุ่มคนจะมาถึง
ประการแรก จะช่วยประหยัดปัญหาได้มากมาย
ประการที่สอง เซียวเฉวียนก็ไม่ควรจะเสียเวลาที่นี่นานเกินไป เขาต้องรีบรับต้นมันสำปะหลังกลับไปที่ต้าเว่ยเพื่อโค่นล้มเว่ยเชียนชิวและกองทัพชาวยุทธ์แท้ และฆ่านักปราชญ์
ด้านนี้ มู่จิ่นและโย่วควนอยู่หลังเนินทราย ทั้งสองคนตกตะลึงกับระเบิดมือที่ระเบิดไปนาน มองดูความหายนะตรงหน้าด้วยความตกตะลึง นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ไปกันเถอะ เรารีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมแล้วเอาหน่อมันสำปะหลังแล้วออกจากหมู่บ้านพระจันทร์กัน “ ทั้งสองคนยังหูอื้ออยู่ ดังนั้นเมื่อเซียวเฉวียนพูดกับพวกเขา พวกเขาก็เห็นแค่ปากของเขาขยับ แต่พวกเขาไม่ได้ยินว่าเซียวเฉวียนพูดอะไร
“อะไรนะ? ท่านพูดอะไรนะ?” มู่จิ่นลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก ตะโกนเสียงดัง กลัวว่าเซียวเฉวียนจะได้ยินไม่ชัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...