ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1088

สรุปบท บทที่ 1088 ประวิงเวลา: ซูเปอร์ลูกเขย

อ่านสรุป บทที่ 1088 ประวิงเวลา จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บทที่ บทที่ 1088 ประวิงเวลา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ดูเหมือนว่าคนของสำนักหมิงเซียนทั้งสองคนนั้นรู้สึกว่ามู่ฉินที่ไม่มีปืนก็ไม่ได้มีอำนาจพอจะกดดันอะไรพวกเขา จึงไม่ได้สนใจมู่จิ่นนัก

ในเวลานี้ มู่จิ่นฉวยโอกาสขยับตัวเงียบๆ ในตอนที่พวกเขามาสนใจ เขาอยากจะไปหาปืนกระบอกนั้น

ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ยังมองเซียวเฉวียนด้วยท่าทีได้ใจ หนึ่งในบรรดานั้นคุกเข่าลง จากนั้นก็ใช้มือหนึ่งจับใต้คางของเซียวเฉวียน แล้วใช้มืออีกข้างตบใบหน้าอีกด้านของเขา “เมื่อครู่ตอนที่เจ้าทำร้ายศิษย์พี่ร่วมสำนักของข้ายังทำอย่างสะใจนักนี่ ตอนนี้เหตุใดถึงมานั่งราวก้อนโคลนเหลวอยู่ที่นี่ยอมให้พวกข้าลูบได้ตามใจกันล่ะ?”

กล่าวจบแล้ว คนผู้นั้นยังชกเซียวเฉวียนอย่างรุนแรงเสียงดัง “ป้าบ” สามครั้ง “เจ้ามันทะนงตัวนักนี่! ทะนงนัก! ทะนงตัวอะไรกัน!”

แต่ละหมัดที่เสยมานั้น ต่อยเสียจนใบหน้ากว่าครึ่งของเซียวเฉวียนเป็นสีแดง เซียวเฉวียนเจ็บจนต้องส่งเสียงฮึ่ม คนของสำนักหมิงเซียนนี่ช่างไร้คุณธรรมในการต่อสู้เสียจริง

ลอบโจมตีเซียวเฉวียนก็ช่างเถอะ ยังจะหมิ่นหยามเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนเองอดทนก็แล้ว เขายังจะทำลายใบหน้าเซียวเฉวียนให้เสียโฉม

ต้นไม้ต้องมีเปลือก คนต้องมีศักดิ์ศรี

แล้วใครไม่รักรูปร่างหน้าตาตนเองบ้าง?

เซียวเฉวียนเองก็ไม่เป็นข้อยกเว้น

ในสายตาของเซียวเฉวียน ใบหน้าคือศักดิ์ศรีของเขาอย่างหนึ่ง ในยามนี้ถูกคนทั้งสองเอาสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมาเช็ดไปเช็ดมาบนพื้น

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนคงจะอดกลั้นเรื่องนี้ไม่ได้หรอก!

เซียวเฉวียนดิ้นรนอยากหลุดพ้นจากสองคนที่กดร่างของเขาอยู่ เขาอยากจะลุกขึ้น ไม่อยากจะนอนให้เจ้าพวกนี้หมิ่นหยามได้ตามใจอย่างน่าอดสูอยู่บนพื้น

ทว่าร่างกายของเซียวเฉวียนนั้นเจ็บปวดมากเกินไป...เจ็บจนทำให้เขากระดิกกระเดี้ยวไม่ได้สักนิด

คนของสำนักหมิงเซียนผู้นั้นคล้ายมองเจตนาของเซียวเฉวียนออก พวกมันหัวเราะอย่างโอหังพลางเอ่ย “ฮ่าๆ ข้าจะบอกนะว่าเจ้าสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปอย่างนั้นละ ไม่มีประโยชน์แล้ว”

“แต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีใครสักคนที่หลุดพ้นจากคำสั่งตายของนักปราชญ์ได้หรอก” ชายผู้นั้นเสริมทับอย่างทะนงตัวอีกประโยคหนึ่ง

เซียวเฉวียนอดทนต่อความเจ็บปวดทั้งร่างได้แต่ก็อดกลอกตาใส่อีกฝ่ายไม่ได้ ตอนนี้นักปราชญ์สั่งให้พวกเขาสองคนแลกชีวิตเพื่อสังหารเซียวเฉวียนอยู่นะ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าพวกแกจะทะนงตัวไปเพื่ออะไร “เมื่อพูดแบบนี้ พวกเจ้าทั้งสองคนเองก็เป็นคนที่นักปราชญ์ต้องสังหารสินะ?”

เซียวเฉวียนรู้ว่าคนทั้งสองไม่คิดอยากตาย แต่เป็นเพราะนักปราชญ์ทั้งขู่และปลอบ จึงทำให้ทั้งสองคนยอมกลืนยาลูกกลอนที่มีผลกระตุ้นพลัง

อย่าเห็นว่าทั้งสองคนยามนี้มีจิตใจฮึกเหิม จริงๆ แล้วก็แค่พลังฮึกเหิมก่อนตายก็เท่านั้น

รอจนกระทั่งผลของลูกกลอนยาผ่านไป พวกเขาก็จะลุถึงขีดจำกัดใหญ่แล้ว

และเพราะเหตุนั้น เซียวเฉวียนรู้ว่าตัวเองกระดิกกระเดี้ยวไม่ได้ เขาจึงมีแค่ความคิดที่จะประวิงเวลาก็เท่านั้น เขาอยากจะยื้อเวลาตายของทั้งสองคนนี้

เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนเอ่ยเช่นนั้น ทั้งสองคนก็อดผงะไปไม่ได้ ทว่าก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น คนผู้นั้นพลันเอ่ยปนเสียงหัวเราะเย็น “เจ้าเข้าใจเช่นนี้ก็นับว่าดีแล้ว”

การที่เซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ ก็คงเป็นเพราะต้องการแยกนักปราชญ์กับพวกเขาออกจากกัน

พวกเขาไม่มีทางติดกับของเซียวเฉวียน แล้วติดแผนการยุยงของเขาแน่

กลับกันแล้วพวกเขาก็เป็นคนที่ใกล้ตายอยู่แล้ว และไม่สนใจคำพูดของเซียวเฉวียนหรอก

แล้วยิ่งพูดไป สำนักหมิงเซียนนั้นเป็นตัวแทนวจนะของพระเจ้า พวกเขามีเกียรติยศอันไร้ขีดจำกัด และนักปราชญ์ก็เป็นผู้นำระดับสูงสุดของพวกเขา เป็นคนที่ทรงเกียรติในหมู่พวกเขา

การได้ตายเพื่อนักปราชญ์ เป็นเกียรติยศสูงสุดประการหนึ่ง

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ภายในใจของเซียวเฉวียนก็อดดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อยไม่ได้ ใต้หล้านี้ คนที่โง่ที่สุดก็คือคนประเภทนี้ ถูกคนเขาหลอกใช้อย่างหมดท่ายังไม่รู้ตัว ยังจะแสดงสีหน้าซาบซึ้งเป็นบุญคุณอีก

ช่างน่าเศร้านัก!

เซียวเฉวียนจงใจทำสีหน้าน่าสงสารอออกมา นี่ก็ทำให้คนรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จริงๆ จนป่านนี้แล้ว ตัวเซียวเฉวียนเองยังยากรักษาชีวิต แล้วยังมีแก่ใจมาสงสารเห็นใจพวกเขาอีกหรือ?

ช่างน่าหัวเราะ!

คนผู้นั้นหัวเราะเสียงเย็นประโยคหนึ่ง “อย่าใช้สายตาทำนองนี้มองพวกเรานะ!”

ดังนั้น คนทั้งสองจึงปล่อยตัวเซียวเฉวียนแต่ว่าก็ยังคงมองเขาอย่างระมัดระวัง

เซียวเฉวียนฉีกยิ้มอย่างย่ำแย่ “อย่าได้ร้อนรนไป บอกกับเจ้าตามจริง ตอนที่ข้าอยู่ต้าเว่ย ว่างๆ ไม่มีเรื่องอะไรก็ชอบค้นคว้าเรื่องตัวยา ข้าอยากจะดูสิว่ายาประเภทนั้นของพวกเจ้ากับยาอายุวัฒนะของข้ามีอะไรที่ไม่เหมือนกันหรือ”

“ไม่แน่ว่ายาอายุวัฒนะของอาจจะช่วยชีวิตของพวกเจ้าได้ก็ได้” เซียวเฉวียนชะงักพลางเอ่ยต่อ

ยาอายุวัฒนะอย่างนั้นหรือ?

ทั้งสองคนได้ฟังแล้วสายตาก็อดเป็นประกายไม่ได้ ยาอายุวัฒนะนั้นเป็นยาที่นักปราชญ์เฝ้าฝันจะได้มาเลยนะ!

“เจ้ามียาอายุวัฒนะอยู่จริงๆ อย่างนั้นหรือ?” คนผู้นั้นสอบถามอย่างสงสัย ว่ากันตามตรง พวกเขาไม่ค่อยจะเชื่อนักว่าเซียวเฉวียนมียาอายุวัฒนะ แต่กลับรู้สึกว่าเซียวเฉวียนจะมีมันอยู่จริงๆ อย่างนั้นหรือ?

หากว่าเป็นจริงนั้น ความฝันเก่าแก่เรื่องยาอายุวัฒนะของนักปราชญ์มิใช่ว่าจะกลายเป็นจริงหรือ!

นักปราชญ์เป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงส่งเหนือใครเช่นนี้ หากว่าสามารถอยู่ได้โดยไม่ตาย เช่นนั้นก็นับเป็นวาสนาครั้งใหญ่ราวสวรรค์ของสำนักหมิงเซียน!

เซียวเฉวียนอดทนต่อความเจ็บปวดราวคว้านหัวใจพลางกระแอมไอเสียงครั้งหนึ่ง “ในเมื่อมี เช่นนั้นข้าก็ตกอยู่ในมือพวกเจ้าแล้ว หรือว่ายังจะพูดโกหกอะไรได้อีกหรือ?”

ในเวลานี้ คนผู้นั้นได้คิดถึงปัญหาที่สำคัญขึ้นมาเรื่องหนึ่ง “นี่ก็ประหลาดนัก พวกเราทำจนเจ้ามีสภาพเช่นนี้ไปแล้ว เจ้าควรอยากสังหารพวกเราแทบไม่ไหวแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดจึงยังใจดีจะมอบยาอายุวัฒนะให้พวกเราอีก”

เซียวเฉวียนให้คะแนนพวกเขา 100 แต้มสำหรับคำถามเรื่องนี้

ทว่าเซียวเฉวียนก็ยังพูดเช่นนี้อยู่ “ข้าก็ไม่รู้ว่ายาอายุวัฒนะสามารถช่วยพวกเจ้าได้หรือไม่ ดังนั้นแล้วจึงต้องดูตัวยาลูกกลอนของพวกเจ้าก่อน ถึงจะสามารถแยกแยะคุณสมบัติของตัวยาออกมาได้ และถึงจะตัดสินออกมาได้ว่ายาลูกกลอนของพวกเจ้ากับยาอายุวัฒนะมีคุณสมบัติขัดกันหรือไม่”

พอทั้งสองคนได้ฟังแล้ว ก็พลันรู้สึกว่ามีเหตุผล คนทั้งสองคนมองตากัน หลังจากนั้นก็พยักหน้า

หนึ่งในคนบรรดานั้นยื่นมือเข้าไปหยิบยาลูกกลอนออกมาจากอก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย