อ่านสรุป บทที่ 1093 คิดเองเออเอง จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1093 คิดเองเออเอง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
คนเหล่านั้นที่เซียวเฉวียนพูดถึง แน่นอนว่าคือชาวสำนักหมิงเซียนยี่สิบแปดคนนั้น
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนได้รับคำสั่ง มันจึงสะบัดตัวและหายไปในทันที
ชาวสำนักหมิงเซียนยี่สิบแปดคนนั้นถูกระเบิดมือระเบิดใส่ มีเพียงสิบคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
สิบคนนี้เอาชีวิตรอดจากควายตายอย่างยากลำบาก และไม่ง่ายเลยที่จะคลานขึ้นมาเพื่อเตรียมไปจากทะเลทรายแห่งนี้ แต่พวกเขาเดินได้เชื่องช้ามาก เดินมาครึ่งวันแต่ยังไปได้ไม่ไกลนัก
พวกเขาประคองกันเดินอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นก็มีเงามืดทอดลงมาข้างหน้าพวกเขา และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสยดสยอง
พวกเขาจำภาพวาดนี้ได้ มันคืออาวุธของเซียวเฉวียน!
เซียวเฉวียนไปแล้วมิใช่หรือ?
เหตุใดอาวุธของเขายังคงอยู่ที่นี่?
ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลพุ่งเข้ามาในความคิดของทั้งสิบคนทันที พวกเขามองหน้ากันด้วยสายตาตื่นตระหนก
ใช่แล้ว พวกเขาทั้งหมดคิดเรื่องเดียวกันโดยไม่ต้องนัดหมาย สุดท้ายแล้วเซียวเฉวียนยังคงไม่ปล่อยพวกเขาไป เซียวเฉวียนต้องการกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก
ไม่!
พวกเขาจะตายด้วยน้ำมือของเซียวเฉวียนไม่ได้!
พวกเขาต้องบำรุงและสะสมกำลังให้เกรียงไกร จ้องหาโอกาสเอาคืนเซียวเฉวียน เพื่อล้างแค้นให้ศิษย์พี่และศิษย์น้องเหล่านั้น!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น พวกเขากัดฟันกรอด ฝืนร่างกายที่เจ็บปวดเพื่อเร่งฝีเท้าในการเอาชีวิตรอดให้ไวขึ้น
ทว่า ต่อให้พวกเขาว่องไวเพียงใด ก็ไม่อาจสลัดภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิทิ้งได้ เงามืดนั้นยังคงตามหลอกหลอนพวกเขาอยู่
พวกเขามองหน้ากันเพื่อส่งสัญญาณให้แยกกันเดิน พวกเขาไม่เชื่อว่า ภาพวาดผืนนี้จะแยกเป็นสองผืนและติดตามพวกเขาไม่เลิก!
แต่พวกเขายังไม่ได้ดำเนินการตามแผน ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็เปิดออก จากนั้นก็เริ่มมีพายุฝนเฉพาะจุด
พายุฝนตกหนักลงมาใส่คนทั้งสิบคนนี้ ฝนก็เปียกโชกพวกเขาทั้งหมดในเวลาเพียงน้อยนิด ทำให้พวกเขาแต่ละคนดูราวกับว่าเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ
หลังจากนั้นไม่นานฝนก็หยุด นอกจากจะเปียกโชกทั่วทั้งตัวแล้ว ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ได้โจมตีพวกเขาเป็นการส่วนตัว
พวกเขาคิดว่าภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิมาเพื่อกลั่นแกล้ง และจงใจทําให้พวกเขาโกรธเท่านั้น
ในสายตาของพวกเขานั้น ไม่ว่าอย่างไรภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็เป็นเพียงภาพวาดเท่านั้น เซียวเฉวียนก็ไม่ได้อยู่ออกคำสั่งที่นี่ หรือว่าภาพวาดนี้ยังสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง?
เป็นไปไม่ได้!
สำนักหมิงเซียนของพวกเขาเป็นตัวแทนวิถีแห่งสวรรค์ และพวกเขาไม่มีอาวุธที่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนขี้ขลาดอย่างเซียวเฉวียน!
ทั้งสิบคนยื่นมือออกไปเช็ดฝนออกจากใบหน้าและเตรียมเดินทางต่อ
“ตูม!”
“เปรี๊ยะ!”
ในขณะนั้นเอง ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิปล่อยสายฟ้าใส่คนทั้งสิบคนไม่หยุด และสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งตรงไปโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว...
หลังจากที่เซียวเฉวียนใช้สายฟ้าในการต่อสู้กับศัตรูที่ถือกระบี่ชีวัน เซียวเฉวียนเคยบอกกับภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิว่า เคล็ดลับนี้ใช้ได้ผลกับผู้ที่เสื้อผ้าเปียกเช่นกัน
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิจำคำพูดของเซียวเฉวียนได้ ดังนั้นตอนที่เซียวเฉวียนสั่งให้ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิฆ่าคนเหล่านี้ ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็มาไล่ตามฆ่าคนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว มันอยากลองใช้สายฟ้าคำรามห้าสายโจมตีผู้ที่ไม่หวังดีต่อเจ้านายของมัน
“ตูม!”
ฟ้าผ่านับหมื่นดวงเกิดขึ้นพร้อมกัน เสียงดังก้องไปทั่วทะเลทราย
สายฟ้าฟาดลงมาทำลายทะเลทรายอันเงียบสงบและท้องฟ้าที่แจ่มใสอย่างไร้ความปรานี
นี่!
ได้ยินเสียงนี้แล้วน่าตกใจ
มองเห็นฉากนี้แล้วน่าสยดสยอง
คนเหล่านี้ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน พวกเขาหลบสายฟ้าด้วยความกลัว พลางวิ่งหนีจากการห้อมล้อมของภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ
ทว่าภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิจะให้พวกเขาสมหวังได้อย่างไร?
“ไปกันเถอะ หากยังไม่ไปเกรงว่าจะไม่ทันเวลา” เซียวเฉวียนพูดเสริมขึ้นอีกว่า “พวกเราฆ่าคนของสำนักหมิงเซียนมากมาย นักปราชญ์ไม่มีทางยอมวางมือยุติเรื่องราวแน่”
ดังนั้น พวกเซียวเฉวียนจึงต้องรีบไปจากที่นี่ ก่อนที่คนสำนักหมิงเซียนกลุ่มใหม่จะมาถึง
เมื่อมู่จิ่นได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าเซียวเฉวียนพูดมีเหตุผล จึงพยุงเซียวเฉวียนเดินไปยังโรงเตี๊ยมฉางหมิง
อูฐและสัมภาระของพวกเขายังอยู่ที่โรงเตี๊ยมฉางหมิง เซียวเฉวียนยังรู้มาอีกว่ารากมันเทศอยู่ในมือของกลุ่มคาราวานที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมฉางหมิง ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องกลับไปที่โรงเตี๊ยมฉางหมิง
“เอื้อก!”
“เอื้อก!”
ในขณะนั้นเอง เสียงคร่ำครวญที่สั่นสะเทือนแผ่นดินดังมาจากระยะไกล เสียงนั้นดังมาจากทะเลทราย
ไม่นานนัก ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิกลับมาและปรากฏตัวต่อหน้าเซียวเฉวียนอย่างสง่างาม เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันทำภารกิจที่เซียวเฉวียนมอบหมายให้เรียบร้อยแล้ว
“เอาล่ะ เข้ามาเถอะ” เซียวเฉวียนยิ้มให้กับภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิลอยลิ่วกลับเข้าไปในแขนเสื้อของเซียวเฉวียน
ในระยะไกล มีศพไหม้เกรียมสิบศพนอนนิ่งอยู่บนทะเลทราย ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างและดูเหมือนว่าพวกเขาจะตายตาไม่หลับ
...
...
ณ โรงเตี๊ยมฉางหมิง
ตอนเช้าตรู่ เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในโรงเตี๊ยม แขกที่เข้าพักตื่นขึ้นมาทันที สาวงามเย้ายวนใจก็ไม่งามอีกต่อไป พวกเขารีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากเซียวเฉวียนนำนักฆ่ามากยังทะเลทราย แขกก็ทยอยออกจากโรงเตี๊ยม
แขกที่เข้าพักเหล่านี้ส่วนมากเป็นกลุ่มคาราวาน พวกเขาเดินทางออกไปข้างนอกเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งเท่านั้น เมื่อเจอการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้ พวกเขาย่อมต้องหนีเป็นธรรมดา
เรื่องไม่เกี่ยวกับตน ก็อย่าเข้าไปยุ่ง
การเอาชีวิตรอดเป็นสิ่งสำคัญ หากไร้ซึ่งชีวิต แม้นมีทรัพย์มากเพียงใดก็ไร้ค่า
ดังนั้น กลุ่มคาราวานไม่น้อยถึงขั้นสละสินค้าทิ้ง และหนีไปพร้อมกับคนของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...