แต่ นักฆ่าทำการปรับแต่งตัวเองสักครู่ หลังจากนั้นก็ไม่คำนึงถึงบาดแผลที่ตัวเอง พวกเขาและม้าก็เร่งออกเพื่อไปที่เมืองยางกวนโดยตรง
จุดหมายของนักฆ่าคือเมืองยางกวน ดังนั้นเมื่อผ่านเมืองชิงซานก็ไม่ได้หยุดอยู่นาน
ด้วยเหตุนี้ นักฆ่าก็พลาดการพบกับเซียวเฉวียน
ใช่ ณ เวลานั้นเซียวเฉวียนสามคนกำลังอยู่ที่เมืองชิงซาน แต่พวกเขาไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าที่พักโรงเตี๊ยม จึงต้องขอพักอยู่ที่บ้านของคนชาวบ้านหนึ่ง
ครอบครัวคนนี้นามว่าตระกูลหลี่ บ้านนั้นมีคู่สามีภรรยาคนหนึ่งแก่และสามี
คู่นี้มีลักษณะประมาณหกสิบปีขึ้นไป ทั้งคู่มีผมหงอกทั้งหมด แต่ร่างกายยังคงแข็งแรง
ในความเป็นจริง คู่นี้ยังไม่ถึงอายุห้าสิบ
ในการดำรงชีวิตในที่ซินเจียงซึ่งเป็นที่ดินที่ยากจน เขาต้องทำงานหนักและรับมือกับความยากลำบากต่าง ๆ ของธรรมชาติ ซึ่งทำให้เห็นภาพว่าเขาแสดงเกี่ยวกับการทำงานหนักเพื่ออาหารและความเจริญกำลังเป็นหน้า
เซียวเฉวียนและเพื่อนเลือกที่จะพักอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ เนื่องจากครอบครัวคนนี้มีความเรียบง่าย คนเรียบง่ายยิ่งคนน้อยยิ่งทำให้ไม่ง่ายต่อการเปิดเผยตัวตนของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนเรียกคู่นี้ว่าลุงหลี่และป้าหลี่
ฟังจากลุงหลี่และป้าหลี่ พวกเขามีลูกชายและลูกสาวหนึ่งคน
ลูกชายของพวกเขามีเข้าใจง่ายและมีนิสัยดี ส่วนลูกสาวน่ารัก
มีลูกชายและลูกสาวแบบนี้ทำให้ลุงหลี่และป้าหลี่มีความสุขใจอย่างมาก
ชีวิตของตระกูลหลี่อาจยากลำบาก แต่พวกเขามีความรักและความสงบสุข
ถ้าสามารถดำเนินชีวิตแบบนี้ต่อไป สำหรับลุงหลี่และป้าหลี่ก็เป็นความสุขแบบหนึ่ง
แต่ทว่า ชีวิตมีช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างไร้เมตตา แม้แค่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลุงหลี่และป้าหลี่ก็ถูกยึดครอง...
ในเช้าวันหนึ่งที่ผ่านมาสองปีที่แล้ว ป้าหลี่พาลูกสาวไปยังเมืองเพื่อเก็บของใช้ในชีวิตประจำวัน
โชคไม่ดีที่ทั้งสามคนได้พบกับหูเฟย นายกเทศมนตรีของเมืองชิงซาน
ในสมัยโบราณ นายกเทศมนตรีเรียกว่า “ถิงจั่ง”
ถิงจั่งเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองระดับล่างของอำเภอ เทียบเท่าระดับหัวหน้าสถานีตำรวจในปัจจุบัน
หน้าที่หลักของถิงจั่งคือรักษาความปลอดภัยและดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย รวมถึงดูแลผู้มาเยือนและจัดการเรื่องพลเมืองทั่วไป มักแต่งตั้งจากผู้ที่ปลดประจำการจากกองทัพแล้ว
หูเฟยคนนี้ตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งมา ไม่เคยทำเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเลย เขาทำเรื่องเลวร้ายมากมายจนนับไม่ถ้วน
แต่ในดินแดนที่ห่างไกลแห่งนี้ ภูเขาสูงและไกลจากราชสำนัก
ประชาชนได้รับความเดือดร้อนก็ไม่มีที่ร้องทุกข์ ไม่มีที่พึ่ง
ประชาชนที่ได้รับความอยุติธรรมก็ทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคอ
หากมีคนกล้าที่จะต่อต้านสักหน่อย ก็จะถูกคนของหูเฟยฆ่าตายทันที หรือถูกทำให้เดือดร้อนไปทั้งบ้านทั้งเมือง
นานวันเข้า ชาวเมืองชิงซานต่างเกลียดชังหูเฟยอย่างสุดซึ้ง หวังให้หูเฟยตายเร็ว ๆ
แต่วันแล้ววันเล่า หูเฟยไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังยิ่งเกเรมากขึ้น
ทั่วทั้งเมืองชิงซาน หูเฟยเดินไปมาเหมือนปู
ในวันนั้น ป้าหลี่และสามหญิงเจอ หูเฟย์ ซึ่งตั้งแต่แรกสามหญิงก็หลบไปแล้ว
แต่พวกเขาไม่มีเวลาหลบไปอย่างที่ควร แล้วหูเฟย์ก็พบพวกเขา
นอกจากนี้หูเฟย์ก็ตระหนักและทันทีจับตัวป้าหลี่และสามหญิง และเริ่มแสดงท่าทางเพื่อล้อเล่นกับแม่นางหลี่
เดิมทีคือหูเฟย์เห็นว่าสาวเหล่านั้นสวยงามมากและต้องการพานางกลับไปเป็นเมียที่บ้าน
แม่นางหลี่เป็นสาวที่มาจากครอบครัวที่เคยถูกเคารพไว้ และหูเฟย์เป็นคนในเมืองชิงซานทั้งหมดรู้จัก
หูเฟย์ไม่เพียงแต่เป็นคนพาลที่อารมณ์รุนแรง แต่ยังเป็นคนที่มีเรื่องราวด้านความเป็นผู้ชายมาก
มีข่าวลือว่าบ้านของหูเฟยมีภรรยาและนางบำเรอมากมาย ไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน
ภรรยาส่วนใหญ่ของหูเฟยถูกเขาข่มขืนหรือบังคับให้แต่งงานด้วย
หากหญิงสาวตกอยู่ในมือของหูเฟย ก็เหมือนตกอยู่ในปากเสือ
ป้าหลี่ย่อมไม่เต็มใจ
ลุงหลี่เพราะไม่เคยเห็นสิ่งนี้จึงอดไม่ได้ที่จะมองสองสามครั้งและด้วยเหตุนี้จึงเป็นควมประทับใจที่ดีมาก
เซียวเฉวียนเมื่อได้ยินก็เบิกตากว้าง จริง ๆ แล้วเป็นการค้นหาที่ยากที่จะหาที่ไหนก็ได้ แต่ได้มาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
เนื่องจากเถามันเทศอยู่ในมือของหูเฟย เซียวเฉวียนจึงต้องไปพบคนพาลแห่งเมืองชิงซานแห่งนี้ เซียวเฉวียนไม่เพียงต้องการเถามันเทศเท่านั้น แต่ยังต้องการลงโทษหูเฟยอีกด้วย
และลุงหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยในใจ
พวกเซียวเฉวียนสามคนดูไม่เหมือนคนธรรมดา พวกเขากำลังสืบหาสิ่งนี้เพื่ออะไร?
เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งนี้มีค่ามาก?
“คุณชาย ท่านกำลังมองหาเถานี้เพื่อทำอะไร” ลุงหลี่อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะบอกไม่ได้ เซียวเฉวียนยิ้มอย่างแผ่วเบา “สิ่งนี้เรียกว่าเถามันเทศในบ้านของเรา เมื่อปลูกลงไปในดินจะสามารถเติบโตมันเทศได้มากมายมันเทศสามารถรับประทานเป็นอาหารได้ ใบมันเทศสามารถรับประทานเป็นผักได้ และเถามันเทศยังสามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ได้อีกด้วย”
ในปากของเซียวเฉวียนมันเทศก็เป็นสิ่งที่มีค่ามาก
“ที่สำคัญที่สุดคือพวกมันปลูกง่ายมากและผลผลิตสูง” เซียวเฉวียนเน้นย้ำจุดนี้ โดยตั้งใจที่จะกระตุ้นให้ลุงหลี่นำชาวบ้านมาหาเถามันเทศพืชผลชนิดนี้
ในสมัยโบราณ มันเทศเป็นสมบัติที่หายากมาก
สังคมที่มีการผลิตต่ำมากนี้ต้องการมันเทศเพื่อเติมเต็มความหิวโหย
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน ลุงหลี่และป้าหลี่พยักหน้าอย่างกระจ่างแจ้ง “ขอบคุณคุณชายที่แจ้งให้ทราบ”
เซียวเฉวียนตอบอย่างสุภาพมาก “เรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้ มีค่าอะไรที่จะขอบคุณเจ้าไม่ต้องเกรงใจ”
รีบเร่ง เซียวเฉวียนจึงไปหาหูเฟยด้วยตัวเองในวันนั้น
หูเฟยคนนี้ใช้อำนาจในทางที่ผิดหลายปี ทุกคนเห็นเขาจากไกล ๆ ก็อยากจะเลี่ยงทาง
ดังนั้นเมื่อเซียวเฉวียนถามหาหูเฟยไปตามถนน ชาวเมืองต่างก็มองเซียวเฉวียนด้วยสายตาสำรวจไปมา พวกเขารู้ว่าหูเฟยอยู่ที่ไหน แต่พวกเขาไม่อยากบอกเซียวเฉวียนเพียงแค่พูดว่า “ไม่รู้” ก็รีบเดินจากไป
ในสายตาของชาวเมือง เซียวเฉวียนจะต้องเป็นพวกเดียวกับหูเฟยที่คนชั่วร้ายร่วมกันทำความผิด มิฉะนั้น เซียวเฉวียนจะหาคนพาลคนนี้ทำไม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...