ความคิดของพลเรือนเหล่านี้ทำให้เซียวเฉวียนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
แต่ว่า แม้ว่าพวกเขาไม่พูด เซียวเฉวียนก็รู้แล้วว่าหูเฟยอยู่ที่ไหนจากใจของพวกเขา
วันนี้เป็นวันซิวมู่ของคนพาล
หูเฟยอยู่ที่บ้านของเขาในเวลานี้
ความหมายของซิวมู่ก็คือพักผ่อนและอาบน้ำ ซึ่งเทียบเท่ากับการพักผ่อนหรือวันหยุด
ยุคโบราณฮวาเซี่ยก็มีทฤษฎีของซิวมู่
ตามบันทึกใน"ฉื่อจี้"ของซือหม่าเชียนตามสมัยราชวงศ์ฮั่น ซิวมู่ทุกๆห้าวันและกลับไปเยี่ยมญาติ
ประโยคของคำนี้หมายความว่า ตราบใดที่เหล่าขุนนางในสมัยโบราณเข้ามาในศาลแล้ว ต้องอยู่ติดต่อกันห้าวันถึงจะสามารถออกไปจากศาลเพื่ออาบน้ำพักผ่อน กลับบ้านไปเยี่ยมลูกๆผู้ใหญ่แล้วสามีภรรยาก็กลับมาพบกันอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมของซินเจียงแตกต่างจากต้าเว่ย แต่ซิวมู่ของเหล่าขันนางก็มีความเหมือนกันที่หาได้ยาก
ซินเจียงก็ใช้ระบบการพักผ่อนทุกๆห้าวันเช่นกัน
แต่ ในสถานที่ห่างไกลเช่นเมืองชิงซาน ภูเขาสูงและอยู่ห่างจากฮ่องเต้ไกลมาก ไม่มีใครสนใจ
ดังนั้น หูเฟยจะกลับไปที่ศาลาว่าการเมื่อใดก็ได้ และเมื่อไหร่ที่เขาไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ เพราะฉะนั้นระบบซิวมู่จึงไม่มีความสำคัญสำหลับหูเฟย
ดังนั้น ตั้งแต่หูเฟยเข้ารับตำแหน่งมา ศาลาว่าการของเมืองชิงซานก็เปล่าประโยชน์
สามารถนับจำนวนวันที่หูเฟยกลับไปที่ศาลาว่าการได้ทุกเดือนด้วยมือเดียว ยิ่งกว่านั้นคือทุกครั้งที่หูเฟยกลับมา มันแต่ไปเป็นพิธี เขาแค่มาปรากฏตัวที่ศาลาว่าการแล้วก็ออกไป
หลังจากที่ควบคุมข้อมูลความลับของหูเฟยแล้ว เซียวเฉวียนพูดไม่ออก เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรจริงๆที่เก็บคนแบบนี้ไว้อีก
เมื่อเซียวเฉวียนได้รับเถามันเทศ เขาจะต้องลงโทษหูเฟยอย่างแน่นอน จากนั้นจึงเขียนจดหมายไปบอกพ่อตาของเขาซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งซินเจียงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่
หูเฟยเจอเซียวเฉวียนเข้าชีวิตดีๆของเขาก็ถึงเวลาต้องจบลงแล้ว!
เซียวเฉวียนหายในพริบตา มุ่งไปที่บ้านของหูเฟย
บ้านของหูเฟยตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองชิงซาน
มองจากระยะไกล ถึงแม้ว่าจวนหูจะไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็ดีกว่าบ้านโดยรอบๆหลายระดับเลยทีเดียว
คนนอกแค่มองก็สามารถรู้ทันทีว่านี่ต้องเป็นบ้านของชนชั้นสูงที่มีอำนาจ
“ใต้เท้า ข้าขอร้อง ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าอยากกลับบ้าน”
“ปล่อยเจ้า?เป็นพรอันยิ่งใหญ่ของเจ้าที่ข้าชอบเจ้า เจ้าอยากมองข้ามความหวังดีของข้าเลย!”
ทันทีที่เข้าใกล้จวนหู เซียวเฉวียนก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวที่สะอื้นขอร้อง และยังมีเสียงด่าของผู้ชายด้วย
ก่อนที่จะพบเขานั้น ก็ได้ยินเสียงของเขาก่อน
คำว่าใต้เท้าที่หญิงสาวเรียกออกมานั้นได้บอกให้เซียวเฉวียนรู้ตัวตนและตำแหน่งของชายคนนี้
ชายคนนี้ก็คือหูเฟย
เซียวเฉวียนรู้ว่านี่เป็นอีกฉากหนึ่งของคนพาลของเมืองชิงซานของชนชั้นสูงที่มีอำนาจที่ปล้นเด็กสาวพลเรือน โดยไม่ได้มองด้วยซ้ำ
โอกาสของวีรบุรษช่วยสาวงามมาถึงแล้ว
เซียวเฉวียนเคาะประตูจวนหูอย่างแรง:"ใต้เท้าหู ใต้เท้าหู"
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงข้างในก็หยุดลง และจากนั้นตามมาด้วยเสียงหงุดหงิดของหูเฟย:"มานี่!ไปดูหน่อยว่าใครที่ไหนมาส่งเสียงดัง?"
"ขอรับ ใต้เท้า"
ทันทีที่เด็กรับใช้ตอบ เซียวเฉวียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเด็กรับใช้เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเอี๊ยดเปิดประตูออกนิดๆ และเด็กรับใช้ก็โผล่หัวออกมาจากร่องประตูและมองไปที่เซียวเฉวียน
เด็กรับใช้มองชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยความสงสัยอย่างมาก และถามอย่างสุภาพ:"ไม่ทราบว่าคุณชายชื่ออะไรขอรับ?"
ในสายตาของเด็กรับใช้ เซียวเฉวียนนั้นสูงและแข็งแกร่ง บุคลิกลักษณะไม่ธรรมาดา โดยเฉพาะรัศมีอาฆาตที่แข็งแกร่งของเขา เซียวเฉวียนแค่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เขาก็สามารถทำให้เด็กรับใช้ตัวสั่นและรู้สึกหวาดกลัวได้
คนแบบนี้ เด็กรับใช้ไม่กล้าล่วงเกิน
เซียวเฉวียนพูดอย่างใจเย็น:"ข้าหาใต้เท้าของเจ้า โปรดช่วยข้าแจ้งใต้เท้าเจ้าด้วย"
เซียวเฉวียนหลีกเลี่ยงคำถามของเด็กรับใช้อย่างฉลาด
ในต้าเว่ย ต้องขอบคุณพวกทรยศ ที่ทำให้ทุกบ้านทุกครัวเรือนรู้จัดเซียวเฉวียน แต่ในซินเจียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่เช่นเมืองชิงซานที่ไม่มีใครรู้จัด คนที่รู้จัดเซียวเฉวียนน้อยมากนัก
สงสัยว่าเงินในกระเป๋าแม้กระทั่งขี้ฝุ่นในกระเป๋าของพลเรือนในเมืองนี้ก็ถูกหูเฟยเอาไปหมด
หูเฟยผู้นี้ แม้กระทั่งขุงนางที่ทุจริตโลภที่มีชื่อเสียงในยุคโบราณฮวาเซี่ยก็ต้องลาออกอย่างพ่ายแพ้!
บังเอิญว่าสายตาที่เซียวเฉวียนที่จ้องมองไปที่ของเก่าตกอยู่ในสายตาของหูเฟย หูเฟยคิดว่าเซียวเฉวียนเป็นคนโลภเหมือนกัน หูเฟยทำเสียงเย็นชาในใจ แต่พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า:"ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้ชื่อและนามสกุลอะไร?
เซียวเฉวียนในเวลานี้ เขาจงใจที่ระงับความอาฆาตทั่วร่างกายของเขา เขาหันหน้าไปและยิ้มเบาๆ:"นามสกุล เซียว เพียงแค่คำเดียวเฉวียน"
เซียวเฉวียน?
หูเฟก็อดไม่ได้มองไปที่เซียวเฉวียนอย่างสงสัย เขาไม่เคยได้ยินชื่อของบุคคลนี้มาก่อน
“เจ้าเป็นคนต้าเว่ย?”
อีกอย่างดูรูปลักษณ์และเสื้อผ้าของเซียวเฉวียนที่สวมใส่นั้น ไมเหมือนเขาดูไม่เหมือนคนแห่งซินเจียง แต่เหมือนคนแห่งต้าเว่ยมากกว่า
"ใช่แล้ว"เซียวเฉวียนยิ้มเบาๆ"ที่ข้ามาครั้งนี้ เพื่อจะสอบถามบางอย่างจากใต้เท้า"
เซียวเฉวียนก็ไม่อ้อมคอมไปมา* และระบุเหตุผลที่เขามาที่นี่โดยตรง
หลังพูดจบ เซียวเฉวียนก็หยิบกระดาษที่มีวาดเถามันเทศอยู่ออกมาแล้วส่งให้หูเฟย:"ใต้เท้าหูเคยพบเจอของสิ่งนี้หรือไม่?"
หลังจากที่หูเฟยรับกระดาษแผ่นนั้นมา เหลือบมองไปที่เซียวเฉวียน แล้วเปิดภาพวาดออกอย่างสงสัย
เซียวเฉวียนคนนี้น่าสนใจ
มาที่นี่เพื่อสอบถามอะไรแล้วกลับมามือเปล่าเนี่ยนะ?
ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด
ไม่รู้จัดมารยาทนัก หูเฟยเลยไม่ชอบเซียวเฉวียน
หูเฟยมองไปที่ภาพวาดแบบผ่านๆ และพูดว่า:"ไม่เคยเห็นมาก่อน"
ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อหูเฟยมองเห็นลวดลายที่ภาพแล้ว ในใจก็ตกใจและประหลาดใจมาก
นี่มันเถามันเทศไม่ใช่เหรอ?
เซียวเฉวียนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...