ได้ยินเซียวเฉวียนถามมาเช่นนี้ หูเฟยก็คิดในใจ เซียวเฉวียนผู้นี้ยังถือว่ารู้กาลเทศะ
อารมณ์ของหูเฟยดีขึ้นมาทันที "เมื่อเจ้ากลับไปที่ต้าเว่ยแล้ว พาองค์หญิงมาหาข้า ถึงตอนนั้น ข้าก็จะให้สิ่งที่เจ้าต้องการ"
หลังฟังคำพูดของหูเฟยแล้ว เซียวเฉวียนก็แสร้งครุ่นคิดและเงียบอยู่เป็นเวลานาน
“เป็นไง ? เจ้าคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม ?” หูเฟยเกรงว่าเซียวเฉวียนจะไม่ตกลง “ถ้าเจ้าไม่ตกลงด้วย ของที่อยู่ในภาพนี้ ข้าก็คิดว่ายากที่จะหาให้ได้”
นั่นไง !
นี่ไม่ใช่แอบขู่เซียวเฉวียนอยู่หรือ ?
เซียวเฉวียนตะคอกในใจ แต่พูดด้วยใบหน้าที่สุขุมไม่แสดงอารมณ์ใดๆ "ใต้เท้าหูกำลังพูดถึงอะไร ? เพียงแต่ว่าข้าเซียวไม่มีกำลังอำนาจอะไร จะเล็ดลอดหูตาผู้คนทั้งหลายพาองค์หญิงมาที่นี่ กลัวว่าจะยากอ่ะ "
เป็นเพียงหัวหน้าหมู่บ้านกระจ้อยร่อยอย่างหูเฟยบังอาจมีความคิดครอบครององค์หญิงเป็นของตัวเอง เขาคงจะเชื่อข่าวลือ คิดว่าตัวเองเหนือกว่าราชบุตรเขยของภูมิภาคตะวันตกคนนั้น
ไอ้โง่บรรลัย คงไม่ได้สืบสาวให้รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่องค์หญิงแต่งงานด้วยนั้นมีชื่อแซ่อะไร ?
ไม่งั้นคงไม่ทำตัวไม่รู้อีโหน่อีเหน่ทั้งที่เซียวเฉวียนแนะนำชื่อแซ่ตัวเองไปแล้ว
”นอกจากนี้ เซียวยังไม่รู้เลยว่าองค์หญิงแต่งงานกับใคร” เซียวเฉวียนแอบแทรกว่า “หรือจะรอให้ใต้เท้าหูไปสืบให้แน่ชัดก่อน แล้วเอาข้อมูลของบุคคลนี้มาบอกเซียว แล้วเซียวจะได้ดูว่าเรื่องนี้อยู่ในความสามารถของเซียวไหม แล้วเซียวค่อยให้คำตอบใต้เท้าหู”
เซียวเฉวียนขานเรียกใต้เท้าหูนี่ ใต้เท้าหูนั่น เรียกจนหูเฟยสุขใจมาก หูเฟยชักมึนหัวหลงทิศทางและพูดว่า "คุณชายเซียวพูดมีเหตุผล เอาอย่างนี้ บอกข้ามาว่าเจ้าพักอยู่ที่ไหน รอให้ข้าสืบรู้เรื่องแล้วจะได้แจ้งเจ้าได้"
“มิอาจรบกวนใต้เท้าหูต้องเดินทาง เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เวลานี้ เซียวจะมาเยือนถึงบ้านดีไหม ?” เซียวเฉวียนพูดอย่างจริงใจ
เซียวเฉวียนพักที่ไหน เซียวเฉวียนย่อมไม่บอกหูเฟยเด็ดขาด
เผื่อหูเฟยรู้ว่าเขาถูกเซียวเฉวียนปั่นหัวเล่น หาเซียวเฉวียนระบายโทสะไม่ได้ แล้วไปลงที่ลุงหลี่และป้าหลี่ เซียวเฉวียนคงบาปหนาแน่ๆ
คำพูดของเซียวเฉวียนทำให้หูเฟยมีความประทับใจต่อเซียวเฉวียนดีขึ้นอย่างมา คิดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนจะเป็นคนเข้าใจสถานการณ์ขนาดนี้ พิจารณาทุกอย่างอย่างรอบคอบ และคิดทุกอย่างเผื่อหูเฟยด้วย
หูเฟยรู้ได้อย่างไรว่าเซียวเฉวียนกำลังวางแผนให้ตัวเอง ?
เซียวเฉวียนสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดของเขากับตราจูเสินผ่านเสียงในใจ รู้ว่าทำไมเขาไม่สามารถอ่านเสียงในใจของหูเฟยแล้ว
ตราจูเสินบอกว่า ให้ร่างกายของเซียวเฉวียนปราบสภาพอีกหนึ่งวัน ความสามารถในการฟังเสียงในใจของ เซียวเฉวียนก็จะฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์
ดี เซียวเฉวียนก็รออีกหนึ่งวัน !
......
......
ที่ต้าเว่ย
นับตั้งแต่เมฆดำของดวงวิญญาณกองทัพตระกูลเซียวห้าหมื่นดวงเข้ามายังเมืองหลวง เมืองหลวงก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำตลอดทั้งวัน
แค่นั้นยังไม่พอ ในเมืองหลวง ฝนยังตกทั้งวันทั้งคืน
เมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองดูมีความคล้ายคลึงกับหมู่บ้านซิ่วสุ่ยในตอนนั้น
ฝนที่ตกลงมา ทำให้ชาวเมืองหลวงวิตกกังวลไปทั่ว
ฝนตกลงมาท่วมพืชผลของประชาชนเสียหายไปหมด
การเก็บเกี่ยวพืชผลของประชาชนคงหมดหวังแล้ว
พืชผลคือความหวังแห่งความอยู่รอดของผู้คน หากแม้แต่ความหวังในการมีชีวิตรอดก็หมดสิ้นไป ผู้คนย่อมเศร้าโศกเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน ความคับแค้นใจได้ร่ำลือไปทั่ว
ภายใต้การกลั่นกรองของการรับรู้ของประชาชน เสียงคับแค้นใจเหล่านี้ก็พุ่งเป้าไปที่เว่ยเชียนชิว
ข่าวลือว่าเว่ยเชียนชิวทำร้ายกองทัพตระกูลเซียวห้าหมื่นนายจนตายในสนามรบ ข่าวลือว่าเว่ยเชียนชิวดึงแก่นเลือดระหว่างคิ้วของทหารตระกูลเซียวห้าหมื่นนายอย่างโหดเหี้ยม ทิ้งทหารตระกูลเซียวไว้ไม่ได้รับความสงบหลังความตาย
จิตใจโฉดชั่วเยี่ยงสัตว็ร้ายของเว่ยเชียนชิว ทำลายความหวังของครอบครัวนับหมื่นๆ
ไอ้ปีศาจฆ่าคนตัวนี้ !
โชคดีที่เทพเจ้าเบื้องสูงมองเห็น จึงเผาจวนเจียนกั๋วให้หมดไม่เหลือ !
ไม่ทราบเหตุอะไร ช่วงนี้เว่ยเชียนชิวไม่ค่อยออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเว่ยเชียนชิวคงทำสิ่งชั่วร้ายไว้มากเกินไป เว่ยเชียนชิวกลัวว่าวิญญาณห้าหมื่นดวงของกองทัพตระกูลเซียวจะมาทวงเอาชีวิต เขาจึงหลบซ่อนตัวอยู่
ตั้งแต่จวนเจียนกั๋วถูกเผาไป เว่ยเชียนชิวก็เก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวของเขาตลอดมา
ผ่านการประชุมครั้งที่แล้ว ทุกคนในค่ายของเว่ยเชียนชิวเห็นพ้องต้องกันกับความคิดของจางเคอ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าเซียวเฉวียนไม่กล้าที่จะยักยอกเครื่องเพชรนิลจินดาของเว่ยเชียนชิวในภูมิภาคตะวันตก
ดังนั้น เว่ยเชียนชิวจึงตั้งหน้าตั้งตารอเพื่อให้เครื่องเพชรนิลจินดานั้นถูกขนกลับมาที่ต้าเว่ย จากนั้นจึงใช้เครื่องเพชรนิลจินดาเหล่านี้มาสร้างจวนเจียนกั๋วขึ้นมาใหม่
แต่เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ผู้คนที่เว่ยเชียนชิวส่งไปชุดแล้วชุดเล่า แต่เว่ยเชียนชิวก็ยังมองไม่เห็นร่องรอยของเครื่องเพชรนิลจินดาได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเครื่องเพชรนิลจินดานั้นไปอยู่ที่ไหน
เพราะสายลับที่ไปแล้วกลับมาก็รายงานอยู่แค่ประโยคเดียว พวกเขาไม่สามารถติดต่อกลุ่มนักรบแท้ที่ไปรวบรวมเพชรนิลจินดาได้
ให้ตายเถอะ !
ความอดทนของเว่ยเชียนชิวถึงจุดสิ้นสุดแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...