ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1125

“เสด็จพ่อเหตุใดจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา?” เซียวเฉวียนแสร้งถามอย่างไม่รู้เรื่องประโยคหนึ่ง

“ไม่มีอะไร พ่อก็แค่อยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วองค์หญิงได้สอนภูมิประเทศทั่วไปของซินเจียงให้เข้าหรือไม่”

องค์กษัตริย์ทรงแย้มยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มของพระองค์เผยแววอาทรในความลำบาก

“องค์หญิงทรงคุณธรรมจิตใจงดงาม นับตั้งแต่แต่งให้ข้า นางก็ทุ่มเทจิตใจไปที่บ้านของพวกเรา น้อยครั้งนักที่จะเอ่ยถึงซินเจียง” เซียวเฉวียนว่ากันตามตรง “แต่ว่า นางพูดถึงเสด็จพ่อและเสด็จแม่ แล้วยังมีพี่ชายแต่ละท่าพ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ? ถ้าอย่างนั้นองค์หญิงเคยเอ่ยหรือไม่ว่านางมีสายสัมพันธ์กับพี่ชายคนใดดีที่สุดอย่างนั้นหรือ?” เมื่อได้ฟังมาถึงเรื่องนี้ องค์กษัตริย์ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

นับตั้งแต่โบราณเชื้อพระวงศ์นั้นไม่มีบุตรธิดา องค์กษัตริย์นั้นทรงยุ่งอยู่กับราชกิจ น้อยครั้งนักที่จะเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับลูกๆ ทั้งหลาย

เรื่องราวระหว่างลูกๆ ของพระองค์ เรื่องที่ทรงทราบมากสุดนั้นมาจากฮองเฮานั่นเอง

ทว่าเพื่อที่ฮองเฮาจะไม่เติมปัญหาให้องค์กษัตริย์เพิ่ม แต่ไหนแต่ไรมานางจะรายงานแต่ข่าวดีไม่ใช่ข่าวกังวล

ดังนั้นแล้ว ด้านที่ไม่น่าชมของบรรดาลูกๆ องค์กษัตริย์ก็จะไม่รับรู้

“ดูจากคำอธิบายขององค์หญิงแล้ว ข้ารู้สึกว่าความสัมพันธ์ขององค์หญิงนั้นไม่ว่าจะกับพี่ชายคนใดก็ล้วนดียิ่ง แต่หากจะพูดถึงคนที่ดีที่สุดนั้น ก็คือรัชทายาทหมิงเจ๋อ” เซียวเฉวียนเอ่ยเสียงเบา “องค์หญิงกล่าวว่า หมิงเจ๋อเองก็รักถนอมนางอย่างมากและปกป้องนางเป็นพิเศษพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ว่า องค์หญิงพูดว่า ไม่ว่าจะด้านใดๆ รัชทายาทหมิงเจ๋อนั้นโดดเด่นเป็นอย่างมาก มีสิ่งที่ไม่ดีจุดเดียวคือทรงไม่ฟังใคร” เซียวเฉวียนเอ่ยเสริม

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเกลียดเขาไหม?” องค์กษัตริย์ทรงถามอย่างปวดร้าวใจ

เรื่องที่หมิงเจ๋อกระทำต่อเซียวเฉวียนในต้าเว่ยนั้น องค์กษัตริย์ทรงพอทราบมาบ้าง

จริงๆ แล้วองค์กษัตริย์เองก็รู้ว่าตนเองถามทั้งๆ ที่รู้เรื่องนี้แก่ใจ หมิงเจ๋อไล่สังหารเซียวเฉวียนโดยไม่เลือกวิธีการ แถมยังฆ่าคนในครอบครัวของเขา เซียวเฉวียนจะไม่โกรธเขาได้อย่างไร

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นละก็ ต้องชิงชังเป็นที่สุแน่

แต่ว่าคำตอบของเซียวเฉวียนนั้นกลับอยู่เหนือความคาดหมายขององค์กษัตริย์ เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เสด็จพ่อ ขอเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง กระหม่อมเคยต่อสู้กับหมิงเจ๋อมาแล้ว ครั้งนั้นสู้กันถึงขั้นจะเป็นจะตาย กระหม่อมถึงกับตัดแขนข้างหนึ่งของเขาไปโดยไม่ทันระวัง”

“ข้าเองก็รู้ว่าสำหรับเขาแล้ว การที่เสียแขนหนึ่งข้างไป ก็คือการอยู่ไม่สู้ตาย” เซียวเฉวียนยังคงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่งต่อ “ดังนั้น เห็นการหน้าขององค์หญิง บุญคุณความแค้นของข้ากับเขาก็นับว่ายุติกัน”

คำพูดนี้ เป็นสิ่งที่เซียวเฉวียนเอ่ยให้องค์กษัตริย์ฟังเพียงผู้เดียวเท่านั้น

หมิงเจ๋อกระทำความผิดยิ่งใหญ่ท่วมสวรรค์ปานี้ เซียวเฉวียนจะยอมให้เขาคิดบัญชีเพียงดอกเดียวได้เช่นไรกัน!

หมิงเจ๋อต้องตายไปสักสิบรอบแปดรอบสิถึงจะสาสมกับความเกลียดชังในใจของเซียวเฉวียน!

เมื่อเห็นเซียวเฉวียนรู้ความปานนี้ ภายในใจขององค์กษัตริย์ก็ชื่นชม

ในส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น องค์กษัตริย์ทรงทราบดีว่าเซียวเฉวียนเป็นคนตัดแขนข้างหนึ่งของหมิงเจ๋อ ทว่าเซียวเฉวียนกลับไม่ได้เอ่ยถึงลูกนัยน์ตาและขา เช่นนั้นลูกนัยน์ตาและขาของเขาคงไม่ได้บาดเจ็บเพราะเซียวเฉวียน

ขาละลูกนัยน์ตาของหมิงเจ๋อนั้นไม่ใช่ฝีมือเซียวเฉวียนจริงๆ แต่ว่าเซียวเฉวียนรู้ว่าใครทำ

เซียวเฉวียนที่ได้ยินเสียงภายในใจขององค์กษัตริย์นั้นก็แอบทอดถอนใจเบๆ หมิงเจ๋อคนผู้นี้งมงายดื้อรั้น อนาคตภายภาคหน้าผู้ที่เจ็บปวดที่สุดย่อมเป็นบุคคลที่รักหมิงเจ๋อที่สุด

ไม่ได้พบกันในเวลาสั้นๆ เท่านั้น องค์กษัตริย์กลับดูชราลงไปมาก เห็นก็รู้ว่าคงเป็นกังวลเพราะเรื่องหมิงเจ๋ออย่างแน่นอน

เซียวเฉวียนไม่อาจจะพูดเรื่องที่องค์หญิงควักลูกนัยน์ตาของหมิงเจ๋อออกมาได้

และเซียวเฉวียนยังต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ด้วย

ทว่าเซียวเฉวียนสามารถพูดเรื่องที่อาจื่อเป็นคนทำร้ายขาของหมิงเจ๋อสักหน่อยได้

เซียวเฉวียนเหลือบตามององค์กษัตริย์เล็กน้อย เขาเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “เสด็จพ่อ ท่านรู้จักคนข้างกายหมิงเจ๋อที่ชื่ออาจื่อหรือไม่?”

องค์กษัตริย์แสดงท่าทีว่าไม่รู้

อาจื่อนั้นเป็นคนที่หมิงเจ๋อเก็บเอาไว้ตอนซ่อนตัวที่ภูเขาจงหนาน หมิงเจ๋อเองไม่เคยพาอาจื่อเข้าวังมาก่อน องค์กษัตริย์จึงทรงไม่ทันได้สังเกต

เมื่อเห็นองค์กษัตริย์ไม่ทราบเรื่อง เซียวเฉวียนจึงเล่ารายละเอียดที่มาของอาจื่อให้พระองค์ฟังจนสิ้น แถมยังเติมพริกเติมเกลือลงไปด้วยว่า อาจื่อทำภารกิจล้มเหลวหลายครั้งหลายหน และไม่อาจทนคำด่าทอของหมิงเจ๋อได้ ดังนั้นนางเลยมีใจคิดก่อกบฏ

“ดังนั้น เสด็จพ่อต้องระวังมิให้อาจื่อทำร้ายรัชทายาท” เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ส่วนเรื่องที่อาจื่อถูกฉินซูโหรวเอาไปหลอมเป็นกระบี่ชีวันแล้ว เซียวเฉวียนก็ไม่อาจจะเล่าให้ฟังได้เช่นกัน

ยามนี้เป้าหมายของเซียวเฉวียนก็คือ กวนน้ำให้ขุ่นเสีย ยิ่งขุ่นเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ให้ความสนใจขององค์กษัตริย์นั้นไปอยู่บนตัวอาจื่อ

และในเวลานี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงความเคลื่อนไหววุ่นวายตามมา

ในเวลานี้พอได้ยินความเคลื่อนไหวทางอุทยาน เซียวเฉวียนก็นั่งไม่ติดที่ เขาผุดลุกขึ้น “เสด็จพ่อ ข้าจะไปดูทางนั้นสักหน่อยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ยังไม่ทันรอให้องค์กษัตริย์ตอบ เซียวเฉวียนก็หายร่างไปอย่างรวดเร็วแล้ว

เด็กคนนี้...

องค์กษัตริย์ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายใจ

หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงเดินตามไป

...

อุทยานดอกไม้

ครั้นเซียวเฉวียนมาถึงอุทยาน เขาก็เห็นสตรีที่แต่งตัวงดงามวิจิตรสองคนถือกรรไกรอยู่ เตรียมที่จะตัดเถามันเทศสองเถานั้นของเซียวเฉวียน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เซียวเฉวียนตะคอกเสียงเย็น

ใครกล้าแตะเถามันเทศของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนก็จะสู้ตายกับผู้นั้น!

สตรีทั้งสองรายหันหน้ามา พวกนางอยากจะดูซิว่าใครกันที่มันใจกล้า ถึงกับตะโกนขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาในวังหลวงได้

คนผู้นี้มันรู้ธรรมเนียมมารยาทสักนิดหรือไม่!

ครั้นได้มอง สตรีทั้งสองคนนี้ก็ถูกกระแสความเย็นชาของเซียวเฉวียนทำเอาตกใจจนหัวใจอดสั่นไหวไม่ได้ “เจ้า เจ้าเป็นใครกัน?”

“เจ้า เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกข้าเป็นใครน่ะ?” หนึ่งในบรรดาสตรีเหล่านั้นเอ่ยตะกุกตะกัก

สตรีผู้นี้ต่อให้ภายในใจจะหวาดกลัว แต่ก็เป็นพวกที่ถึงแพ้แต่ใจกล้า

พูดให้ถูกก็คือ ในวังหลวงแห่งนี้ คนที่กล้าตะโกนใส่พวกนางที่เป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นการไม่เคารพอย่างมาก ต้องบั่นศีรษะเอา

เดิมที สตรีทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นพระสนมขององค์กษัตริย์ ส่วนอีกรายหนึ่งนั้นเป็นหลานสาวของพระสนม ก็นับว่าเป็นคนของเชื้อพระวงศ์กึ่งหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย