ถามมาเถอะ
ถามออกมาให้ชัดเจน
เมื่อถามออกมาชัดเจนแล้ว ข้าจะได้รีบกลับไปยังต้าเว่ย
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของราชินีได้อย่างชัดเจน
ในความเป็นจริง ไม่มีมารดาของประเทศใดที่ลดกำลังคนในตำหนักของตนเองมากมายถึงเพียงนี้
สิ่งเดียวที่สามารถทำความเข้าใจได้ก็คือ ในพระตำหนักแห่งนี้ของราชินีจะต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่เป็นแน่
การที่มีคนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มันจะทำให้ความลับถูกเปิดเผยได้โดยง่าย
แต่มันก็บังเอิญที่เซียวเฉวียนสามารถสัมผัสถึงเรื่องนี้ได้
คิดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนจะสามารถอ่านจังหวะการเต้นหัวใจของราชินีได้ แต่กลับไม่รู้ว่าราชินีมีความลับอะไรซ่อนอยู่ เพราะในใจของราชินีนั้นไม่มีความคิดที่ดูพิเศษแต่อย่างใด
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยกับตัวเอง หรือว่าเขาคิดมากเกินไป?
“ราชบุตรเขย?” เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเฉวียน ราชินีอดไม่ได้ที่จะเรียกออกมาอีกครั้ง
“เสด็จแม่ ท่านมีเรื่องอันใดก็เชิญถามออกมาได้เลย” รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซียวเฉวียน แววตาของเขาจับจ้องไปยังร่างเล็กที่อ่อนนุ่มที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
นั่นก็คือลูกสาวตัวน้อยของเซียวเฉวียน
เด็กที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน การเติบโตของร่างกายจะมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก
ไม่เจอกันไม่นาน ลูกสาวตัวน้อยก็เติบโตขึ้นไม่น้อย ไม่ใช่แค่ส่วนสูงเท่านั้น แต่ร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน
คิ้วของนางเหมือนกับองค์หญิงเป็นอย่างมาก แต่ความมีเสน่ห์นั้นเหมือนกับเซียวเฉวียนมากกว่า
ดูเหมือนว่าลูกสาวตัวน้อยจะจำเซียวเฉวียนได้ ทันทีที่นางสบตากับเซียวเฉวียน นางก็เปิดปากน้อย ๆ ออกมาด้วยรอยยิ้ม
เซียวเฉวียนที่ได้เห็นเช่นนั้น หัวใจของเขาก็แทบละลาย
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปอุ้มลูกสาวตัวน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนและจูบนาง
การจูบครั้งนี้ทำให้รอยยิ้มของลูกสาวตัวน้อยชัดเจนยิ่งขึ้น
“ดูสิ ตัวแค่นี้แต่รู้จักเลือกปฏิบัติ ยายของเจ้าอยากให้เจ้ายิ้มยังต้องพยายามแทบตายกว่าเจ้าจะยิ้มออกมา” ราชินีแสดงท่าทีน้อยใจออกมาเพื่อหยอกล้อกับหลานสาวอย่างมีความสุข
เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อของราชินี เซียวเฉวียนก็ยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “นางรู้ว่าเสด็จแม่รักและเป็นห่วงนาง นางถึงแกล้งเสด็จแม่เช่นนี้”
ที่เซียวเฉวียนพูดออกมามันก็เหมือนจะมีเหตุผล
แม้ว่ายังเด็กมาก แต่ก็รู้จักวิธีการเลือกแกล้งผู้คน
ราชินีเฝ้ามองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักตลอดทั้งวัน หากนางไม่แกล้งราชินี เช่นนั้นนางจะไปแกล้งใคร
เมื่อคิดเช่นนี้ ราชินีก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “เจ้าปีศาจตัวน้อย ฉลาดจริง ๆ”
หลังจากราชินีพูดออกมา ลูกสาวตัวน้อยก็เหมือนกับเข้าใจในสิ่งที่ราชินีพูด นางหัวเราะเยาะออกมาดังลั่น
เด็กเช่นนี้ทำผู้คนรู้สึกหลงรักโดยปราศจากซึ่งความลังเล
เซียวเฉวียนอุ้มลูกสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองลูกสาวตัวน้อยพร้อมกับถามออกมาว่า “ราชินีมีเรื่องอยากถามข้าไม่ใช่หรือ?”
ราชินีหันมามองเซียวเฉวียน จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม “เซียวเฉวียน เจ้าบอกแม่มาตามตรง เจ้าได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายกับเจ๋อเอ๋อร์หรือไม่?”
เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวเฉวียน ราชินีเองก็ไม่อ้อมค้อม นางถามอย่างตรงไปตรงมา
เซียวเฉวียนตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล “ราชินีรู้เรื่องของข้ากับองค์ชายมากเพียงใด?”
“แม่รู้เรื่องที่เขาส่งคนไปสังหารเจ้า รวมถึงบุกทำลายจวนเซียว” ราชินีพูดออกมาพร้อมกับแววตาที่ต่ำลง
ที่จริงหมิงเจ๋อเป็นคนที่เข้าไปสร้างปัญหาให้กับเซียวเฉวียนก่อน เรื่องนี้ราชินีไม่อาจปฏิเสธมันได้
“เช่นนั้นเสด็จแม่คิดว่า ในระหว่างการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ข้าไม่ทันระวังจึงตัดแขนขององค์ชายไปข้างหนึ่ง นี่ถือว่าเป็นการกระทำที่มากเกินไปหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...