เซียวเฉวียนมองสองคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเรียบเฉย ในเมื่อนสำนักหมิงเซียนไม่รู้จักกลัวตายเช่นนี้ งั้นก็อย่ามาโทษว่าเซียวเฉวียนไม่ปรานีก็แล้วกัน!
โอกาส เซียวเฉวียนไม่เคยให้ลดน้อยลงเลย
“เราเดินทางต่อเถอะ” เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยเสียงเรียบ จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้า
คนสำนักหมิงเซียนเสียงดังกันเช่นนี้ พอกลับมาอีกครั้งกลับไม่มีใครกล้าวิจารณ์เซียวเฉวียนสักคน และไม่มีใครกล่าวหาว่าเซียวเฉวียนโง่สักคน
ตรงกันข้าม ชาวซินเจียงยังมองแผ่นหลังที่ไกลออกไปของเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าหวาดกลัวมากขึ้น
จริงสิ มีแค่ราชบุตรเขยเช่นนี้ถึงจะปกป้ององค์หญิงของพวกเขาได้ ถึงจะคู่ควรกับองค์หญิงของพวกเขาได้
เมื่อเห็นเซียวเฉวียนและกลุ่มคนเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ ทุกคนถึงได้กล้าพูดขึ้น “สมุนของราชบุตรเขยผู้นี้เก่งกาจยิ่งนัก คิดว่าราชบุตรคนนี้ก็ต้องเก่งกาจไม่แพ้กัน”
ผู้ติดตามอีกคนพูดขึ้น “ใช่!ใช่!”
พริบตาเดียวทุกคนต่างชื่นชมเซียวเฉวียน
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันออกรสชาตินั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นคนใส่หมวกไม้ไผ่คนหนึ่งแฝงตัวอยู่ในฝูงชน และมองมาจากทิศทางที่ไกลจากเซียวเฉวียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม
คนผู้นี้คือแม่ทัพที่กำลังหลบหนี
คนสำนักหมิงเซียนสองคนนี้ได้รับการยุยงจากแม่ทัพให้มาฆ่าเซียวเฉวียน
เดิมทีแม่ทัพคิดว่าสองคนนี้จะฆ่าเซียวเฉวียนได้ คาดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนจะไม่เป็นอะไร แต่สองคนนี้กลับไร้ประโยชน์
“สวะ!”
แม่ทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
สองคนนี้พุ่งเข้าเข้าไปฆ่าราชบุตรเขยแห่งซินเจียง แม่ทัพเองก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยพวกเขาภายใต้สายตาของทุกคน
ดังนั้นพวกเขาจะเป็นจะตายก็แล้วแต่โชคชะตาเถอะ
ส่วนเซียวเฉวียนทางนี้ ทันทีที่จิ้นซื่อเห็นภาพนั้น ก็อดละอายใจภายในไม่ได้
พวกเขาได้รับคำสั่งมาจากเซียวเฉวียนให้ปกป้องเถามันเทศ ขณะที่นักฆ่าพุ่งเข้ามา พวกเขาทยอยกันทิ้งเถามันเทศและหนีอย่างไม่คิดชีวิต
จิ้นซื่อผู้คงแก่เรียนรู้ดีว่านี้ไม่ใช่พฤติกรรมของบุรุษ
แต่ในตอนที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จิ้นซื่อไร้ซึ่งศิลปะการต่อสู้ ถ้าไม่หนีก็คงถูกฆ่าตาย
ไม่มีใครไม่รักชีวิตของตัวเอง
“เหอะ!”
พอได้ยินเสียงในใจของพวกเขา เซียวเฉวียนก็ได้แต่ หึ ในใจ ปัญญาชนที่ใครต่างเรียกกัน คุณธรรมที่เรียกกัน ศักดิ์ศรีที่เรียกกัน ทำไมพวกเขาถึงไม่รักศักดิ์ศรีขณะที่หนีเอาตัวรอด?
ปัญญาชนที่เน่าเฟะเหล่านี้ รักชีวิตรักในความยุติธรรม แต่กลับดูถูกนักรบ
ถึงตอนนั้นก็ยังต้องพึ่งพานักรบเพื่อปกป้องชีวิตของพวกเขา
ดังนั้นโอกาสใยการสั่งสอนที่ดีเช่นนี้ เซียวเฉวียนไม่มีวันปล่อยมือแน่นอน เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หาไม่ใช่เพราะพวกเขา ชีวิตของพวกเจ้าอาจจะจบสิ้นแล้วก็ได้”
เซียวเฉวียนชี้ไปทางชาวยุทธิ์แท้เหล่านั้น
จากนั้นเซียวเฉวียนก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้งว่า “แล้วอย่างไร ทุกคนยังคิดว่าความรู้อื่นล้วนด้อยค่า มีแต่ตำราจึงสูงส่ง?”
ในสายตาของพวกคงแก่เรียนเหล่านี้ ทุกอาชีพในโลกล้วนต่ำต้อย มีแค่พวกคงแก่เรียนที่จะเข้าสู่ราชการอย่างเหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาที่รักในความยุติธรรมจึงมักจะไม่เคยเห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตา
เช่นเดียวกับนักรบคนสำคัญประจำศาล เขามักจะถูกเยาะเย้ยและได้รับการเสียดสีต่อหน้าข้าราชการอยู่บ่อยครั้ง
น่างขบขันยิ่งนัก!
หากไม่มีนักรบเหล่านี้คอยปกป้องคุ้มครองประเทศชาติ ไหนเลยชั่วอายุของพวกเขาจะสงบเช่นนี้?
อย่างเมื่อครู่ หากไม่ใช่เพราะชาวยุทธิ์แท้ที่มีวิทยายุทธิ์เหล่านี้มาขวางหน้าพวกเขา หากเซียวเฉวียนไม่ได้มาช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาคงตายไม่ก็โดนถลกหนังออกไปแล้ว
ทันทีที่เซียวเฉวียนโพล่งเช่นนี้ สีหน้าของจิ้นซื่อเหล่านั้นก็ยิ่งแย่ลง สีหน้าของพวกเขาแดงระเรื่อ
ความจริงแล้ว หากไม่มีการเดินทางมาซินเจียง พวกเขาคงดูถูกนักรบเหล่านั้นเหมือนอย่างที่ผ่านมา
เพราะในสายตาของจิ้นซื่อ นักรบที่ขาดความโหดเหี้ยม โดยส่วนใหญ่จะไร้การศึกษา ไม่เข้าใจเหตุผล และขวางโลก
บุคลิกเฉพาะตัวของปัญญาชนก่อให้เกิดช่องว่างโดยธรรมชาติ
แต่การเดินทางมาซินจียง ทำให้สภาพจิตใจของจิ้นซื่อเปลี่ยนไป พวกเขาคิดว่านักรบและปัญญาชนล้วนมีข้อดีในตัวเอง พวกเขาไม่ควรดูถูกนักรบ
เว่ยเชียนชิวตะโกนด้วยเสียงเย็นชา เขาแฉลบเข้ามาใกล้เหมิงเอ้า
เหมิงเอ้าไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาหลบเลี่ยงด้วยสัญชาตญาณ กระทั่งการโจมตีของเว่ยเชียนชิวว่างเปล่า
เว่ยเชียนชิวตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “เวรเอ๊ย!”
“ข้าน้อย!” เหมิงเอ้าแสยะยิ้ม “ข้าน้อยของเจ้า”
กล่าวจบ เหมิงเอ้าก็ลอยตัวไปอีกด้านหนึ่ง เขามองเว่ยเชียนชิวที่กำลังโกรธเคืองด้วยสายตาคมกริบ
เหอะ ตาแก่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงหมดแล้ว
“เว่ยเชียนชิว มาสิ ข้าน้อยอยู่นี้” เหมิงเอ้ากวักมือเรียกเว่ยเชียนชิวด้วยรอยยิ้มยียวนกวนประสาท ส่งสัญญาณให้เว่ยเชียนชิวเข้ามา
จะมาหรือไม่มา?
ถ้าจะมา เว่ยเชียนชิวยอมรับเหมิงเอ้าว่าเป็นข้านายของเขา คนไร้ยางอายอย่างเหมิงเอ้าต้องถือโอกาสสร้างความอับอายให้กับเว่ยเชียนชิวแน่นอน
แต่ถ้าไม่มา ปล่อยเหมิงเอ้าไปเช่นนี้ เว่ยเชียนชิวไม่มีทางยอม
ไร้เหตุสิ้นดี!
เซียวเฉวียนเป็นหัวขโมย ลูกน้องของเขาก็เป็นหัวขโมย!
เว่ยเชียนชิวคือคนสูงส่ง ต้องมาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
ในตอนนี้เอง เสวียนอวี๋โรยตัวลงมาข้างกายเว่ยเชียนชิว เสวียนอวี๋เอ่ยขึ้น “ดูข้า”
กล่าวจบ เสวียนอวี๋ก็พุ่งเข้าไปหาเหมิงเอ้า ด้วยความเร็วเหนือความบรรยาย เหมิงเอ้าหลบไม่ทัน เลยถูกเสวียนอวี๋โจมตีไปหนึ่งครั้ง
“ตึก!” เหมิงเอ้าส่งเสียง หึ เขาหนักแน่น ก่อนจะร่วงตกลงมาอย่างต้นไม้ โชคดีที่ถูกต้นไม้ขวางไว้
เหมิงเอ้าออกแรงเลย กระทั่งกลับไปยืนบนต้นไม้ได้
เสวียนอวี๋ลงมือไม่ยั้ง
ทว่ากำลังภายในที่ได้รับมาจากเซียวเฉวียนนั้นลึกซึ้งมาก กำลังภายในของเหมิงเอ้าก็เพิ่มขึ้นไปตาม ๆ กัน ดังนั้นทันทีที่เสวียนอวี๋ตวัดมือ แม้ว่าเหมิงเอ้าจะบาดเจ็บก็ไม่เป็นอะไรนัก
เมื่อเห็นว่าเหมิงเอ้าไม่เป็นอะไรและยังยืนได้ เว่ยเชียนชิวก็ถึงกับโกรธจนตาแดง เขาพูดกับเสวียนอวี๋ด้วยความขุ่นเคืองว่า “อาจารย์เสวียนอวี๋ ฆ่าเขาเสีย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...