เสวียนอวี๋ไม่สนใจเว่ยเชียนชิว เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไปกันเถอะ”
เสวียนอวี๋ต้องการให้เว่ยเชียนชิวจากไป เว่ยเชียนชิวไร้สมรรภาพ แม้แต่ผู้อารักขาของเซียวเฉวียนก็ยังรับมือไม่ได้ เขาไม่มีสิทธิ์บ่น
ถ้าไม่ใช่เพราะนักปราชญ์ออกคำสั่งให้เสวียนอวี๋มาช่วยเหลือเว่ยเชียนชิว ไม่อย่างนั้นเสวียนอวี๋ไม่สนหรอกว่าเว่ยเชียนชิวจะเป็นหรือจะตาย
เสวียนอวี๋ช่วยชีวิตเว่ยเชียนชิว เขาไม่ได้กล่าวขอบก็เรื่องหนึ่ง ยังกล้าสั่งการเสวียนอวี๋อีก?
ดูท่าเว่ยเชียนชิวไม่รู้จะแม้แต่ตัวเองเสียแล้ว
เขาเป็นแค่คนต้าเว่ยเท่านั้น
นอกจากคำสั่งของนักปราชญ์ เสวียนอวี๋ก็ไม่ฟังใครอีก
กล่าวจบ เสวียนอวี๋ก็ลอยตัวออกไป
เขาปฏิบัติตามคำสั่งของนักปราชญ์ด้วยการช่วยเหลือเว่ยเชียนชิว เสวียนอวี๋ต้องการให้เว่ยเชียนชิวจากไป ถ้าเขาไม่ไป เช่นนั้นก็แสดงว่าเขารนหาที่ตายเอง ไม่ใช่เรื่องของเสวียนอวี๋
“ไอหยา!อาจารย์เสวียนอวี๋!” เว่ยเชียนชิวมองร่างเงาที่จากไปอย่างเด็ดเดี่ยวของเสวียนอวี๋ ก่อนจะตะโกนอย่างไม่พอใจ
ทว่าเสวียนอวี๋ไปแล้วไม่มีหันหลังกลับ
เว่ยเชียนชิวสบถด่าเสวียนอวี๋เสียงต่ำ ๆ “นิสัยพิลึกจริง ๆ”
เห็นอยู่ว่าสามารถฆ่าเหมิงเอ้าได้แต่เสวียนอวี๋กลับไม่ฆ่า หรือว่าจเก็บเหมิงเอ้าไว้?
ในตอนที่เสวียนอวี๋กล่าวทักทายเหมิงเอ้านั้น เว่ยเชียนชิวเห็นเหมิงเอ้าชัดเจน แม้ว่าจะโดนเสวียนอวี๋โจมตี แต่ก็บาดเจ็บไม่มากนัก
บัดนี้เหมิงเอ้ามีศักยภาพแล้ว หากไม่หาโอกาสฆ่าเหมิงเอ้า วันข้างหน้าอาจจะมีปัญหามาตามไม่สิ้นสุด
เซียวเฉวียนเป็นตัวอย่างที่ดี ในตอนแรกถ้าไม่ใช่เว่ยเชียนชิวทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กระทั่งพัฒนาความสามารถไปทีละขั้น เว่ยเชียนชิวคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้
น่าเสียดายที่เสวียนอวี๋ไม่เชื่อฟังเว่ยเชียนชิว
ดังนั้นเว่ยเชียนชิวก็ต้องพึ่งตัวเอง
ผู้อารักขาแสนต่ำต้อย !เจ้ากล้าอวดเก่งต่อหน้าตัวข้าเจียนกั๋ว ! ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” เว่ยเชียนิวตะโกนด้วยความโกรธ เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนอยากจะกระชากเหมิงเอ้าเป็นชิ้น ๆ
“มาสิ!ให้ข้าน้อยสั่งสอนสักหน่อยละกัน” เหมิงเอ้าแสยะยิ้ม “ถึงตอนนั้นคงถูกเจ้านายของฆ่าอัดจนน่วมแน่”
“ฮ่า ๆ !” เหมิงเอ้ากล่าวจบก็หัวเราะอย่างอวดดี
ในเสี้ยววินาทีนี้ เว่ยเชียนชิวได้ชักแส้สายหนึ่งออกมาแล้วฟาดเหมิงเอ้าอย่างแรง
การใช้แส้ในป่าเช่นนี้ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนัก ต้นไม้เยอะเพียงนี้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อการกวาดของแส้
แม้ว่าแส้ของเว่ยเชียนชิวจะว่องไว แต่ร่างกายของเหมิงเอ้านั้นเร็วกว่าแส้ของเว่ยเชียนชิว เหมิงเอ้าหลบแส้ของเว่ยเชียนชิวอย่างง่ายดาย
ดูท่าเว่ยเจียนกั๋วจะแก่แล้ว ไม่มีประโยชน์ แม้แต่ผู้อารักข้าคนเดียวของข้าก็ยังเอาชนะไม่ได้” เหมิงเอ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มประโยคเหล่านี้มันช่างไร้ยางอายและดูถูกสำหรับเว่ยเชียนชิว
เว่ยเชียนชิวไม่เป็นสองรองใครในต้าเว่ย เขาฆ่าอย่างเด็ดเดี่ยว และไร้ศัตรู
เว่ยเชียนชิวในอดีตห้าวหาญสมคำร่ำลือ และเป็นที่เคารพของทุกคน
บัดนี้แม้แต่ผู้อารักขาเพียงคนเดียวก็ยังสร้างความอับอายให้กับเว่ยเชียนชิว
หรือว่าเว่ยเชียนชิวจะหมดอำนาจจริง ๆ ?
ไม่สิ!
เว่ยเชียนชิวยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ไม่ยอมรับว่าตัวเองแก่!
คิดได้ เว่ยเชียนชิวก็ดึงแส้กลับอย่างแรง เปลี่ยนมาใช้กระบี่ จากนั้นก็โจมตีเหมิงเอ้าอีกครั้ง
พอเหมิงเอ้าเห็นดังนั้น เขาก็คว้าดาบจิงหุนออกมา จากนั้นดาบของทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน ดาบจิงหุนตวัดจนเกิดเสียง หวืด
เสียงนี้ช่างไพเราะยิ่งนัก เหมิงเอ้าหลับตาฟัง
ขณะที่กำลังต่อสู้ เหมิงเอ้าเอาแต่เพลิดเพลินกับเสียงของดาบ ไม่ได้สนใจเว่ยเชียนชิวนัก
เหมิงเอ้าต้องชดใช้ที่ประเมินความสามารถของเขาต่ำเกินไปพอดี
คิดได้ เว่ยเชียนชิวก็บีบเข้าไปใกล้เหมิงเอ้า
“เคร้ง!”
ดาบทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงเสียดสีที่แสบหู พร้อมกับสะเก็ดไฟสาดกระจาย
ยอดฝีมือทักษะขั้นสูง แรงกระแทกที่มหาศาลได้ทำให้ทั้งคู่ลอยละลิ่วออกไปพร้อมกัน
ทั้งสองคนกระเด็นไปด้านหลังหลายก้าว สุดท้ายก็ร่วงตกลงมาบนต้นไม้
พายุพัดเข้ามาระลอกหนึ่ง กระชากต้นไม้กวัดแกว่งไปตามแรง เหมิงเอ้ามองแวบหนึ่ง เวรเอ๊ย สูงขนาดนี้ แถมยังแกว่งไปแกว่งมาอีก ช่างเถอะ หยุดสู้ก่อนละกัน
หลังจากสู้กับเว่ยเชียนชิวไปสองกระบวนท่า เหมิงเอ้าได้รู้ว่าศักยภาพของเขาอยู่ที่ไหน เหมิงเอ้าเอาชนะเว่ยเชียนชิวไม่ได้ ก็ยังพอรับมือกับเว่ยเชียนชิว
ผู้อารักขามีศักยภาพเช่นนี้ เหมิงเอ้าพอใจแล้ว
คิดว่าน่าจะเป็นสมบัติล่ำค่าเป็นแน่
พวกเขาโตมาขนาดนี้ ไม่เคยเห็นโลกกว้าง และไม่เคยเห็นของที่มีราคาเหล่านี้
โชคดีที่ระหว่างทางกลับต้าเว่ย ชาวบ้านได้ถือโอกาสมุงดูและพอได้รู้บ้าง
พอเห็นว่าในกองทัพเหล่านี้มีแค่เถามันเทศ พวกเขาอดผิดหวังไม่ได้
เซียวเฉวียนนำเถามันเทศกลับมาต้าเว่ย?
เข้าใจอะไรผิดหรือไม่?
หรือว่าเถามันเทศนี้มีความลึกลับอะไร?
ชาวบ้านต่างจ้องเขม็งไปยังเถามันเทศ แต่ก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติ
พวกเขามองอีกครั้ง กระทั่งมั่นใจว่าในกองทัพมีแค่เถามันเทศ...
นี่มันหมายความว่าอะไร?
ชาวบ้านต่างอดสงสัยไม่ได้
เซียวเฉวียนที่อ่านใจได้ ก็นึกขำอยู่ในใจ สงสัยนั่นแหละถูกแล้ว สินค้าของพวกเขา
หลังจากที่ลอบสังหารคนสำนักหมิงเซียนสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายพักใหญ่
ดังนั้น ระหว่างทางนี้ เซียวเฉวียนเดินอย่างองอาจ
พวกเขาใช่ว่าไม่พัก แถมยังเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพระหว่างทางอีกด้วย
ท้องฟ้าซินเจียงสดใสมาก อากาศก็สดชื่น
แน่นอนว่าอากาศของที่นี่แห้งผิดปกติ
ลมพัดหวิว พาให้รู้สึกชาหน้าไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรสาวของเซียวเฉวียน นางมีผิวหนังอ่อนโยน แก้มของนางแดงระเรื่อยามต้องลม
จริง ๆ แล้ว อากาศในซินเจียงค่อนข้างรุนแรงต่อผู้ที่เคยอาศัยอยู่ในต้าเว่ย และโหดร้าย
เพื่อไม่ให้บุตรสาวต้องทรมาน เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เรารีบเดินทางกันเถอะ ผ่านเขตซินเจียงไปก็ดีขึ้นแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...