คนที่ติดมาได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน ต่างพากันเร่งฝีเท้า
พวกเขามีเวลามาซินเจียงไม่นานนัก แต่ก็ไม่สั้นจนเกินไป พวกเขาอยากกลับต้าเว่ยโดยเร็ว กลับบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา
ว่ากันว่า สวรรค์วิมานก็ไม่เหมือนอยู่บ้านตน
คนที่จากบ้านเกิดของตัวเอง ถึงจะมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง
ทุกคนกระตือรือร้นอยากกลับบ้าน พอเหนื่อยก็แค่พักอยู่ข้างทางแล้วค่อยออกเดินทาง
ด้วยเหตุนี้ เทียบกับช่วงระยะเวลาที่พวกเขากลับมาช่างสั้นยิ่งนัก เดินไปเดินมาก็มาถึงเขตชายแดนของซินเจียงและต้าเว่ยแล้ว
คนที่ออกมาต้อนรับเซียวเฉวียนก็ยังคงเป็นแม่ทัพที่เฝ้าเมืองผู้นั้น
ทันทีที่แม่ทัพเห็นเซียวเฉวียน เขาก็คลี่ยิ้มอย่างเบิกบานใจไม่หุบ “คุณชายเซียว ข้าตั้งตารอท่านทุกวัน ในที่สุดท่านก็กลับมา
ตั้งแต่เซียวเฉวียนผ่านซินเจียง แม่ทัพเอาแต่เฝ้ามองอยู่บนกำแพงทุกวัน มองดูเซียวเฉวียนว่ากลับมาแล้วหรือไม่
ชะเง้อแลมองเซียวเฉวียนจนคอยืดยาวหมดแล้ว
“อื้อ เราบำเพ็ญครู่หนึ่งแล้วเดินทางต่อ” เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
คำพูดของเซียวเฉวียนดั่งน้ำเย็นเยียบ ที่สาดเข้ามาในใจ
มันไม่ง่ายที่เซียวเฉวียนกลับมา ยังนั่งไม่ทันเก้าอี้ร้อนก็เดินทางต่อ....
หลังจากถึงชายแดน ข่าวล้าหลัง แม่ทัพยังอยากเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเว่ยจากเซียวเฉวียน ได้ฟังเรื่องราวที่น่าสนใจของต้าเว่ยมากขึ้น
ดูท่าความปรารถนาเหล่านี้ล้มเหลวแล้ว
นักรบเหล่านี้เฝ้าประจำการอยู่ชายแดนทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดทั้งปี มีชีวิตที่ลำบาก และลำบากมากขึ้นทุกวัน
เซียวเฉวียนไม่อยากให้แม่ทัพเงียบเหงาเกินไป เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “รอข้าเสร็จธุระก่อน มีโอกาสข้าจะหาท่านแม่ทัพอีกครั้ง ถึงตอนนั้นข้าจะนำเหล้าที่หมักเองกับมือติดไม้ติดมือมาด้วย ให้ทหารทุกคนได้ลิ้มลอง”
พื้นที่ที่แสนเย็นยะเยือกอย่างชายแดนแห่งนี้ มีเพียงเหล้าที่ปลอบประโลมหัวใจได้ดีที่สุด
“เยี่ยม!ตกลง!” แม่ทัพทิ้งความเงียบเหงาเมื่อครู่ ก่อนจะแสยะยิ้ม “คุณชายเซียวรู้สึกดี”
วกกลับเมาเรื่องเดิม เซียวเฉวียนมีเรื่องอยากให้ท่านแม่ทัพช่วย
เซียวเฉวียนหยิบเถามันเทศจากในแขนเสื้อออกมาให้กับท่านแม่ทัพก่อนเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพ เถามันเทศนี้ ข้าต้องตรากตรำเสี่ยงชีวิตขุดมันขึ้นมา ทั้งยังเป็นของดีอีกด้วย”
ปรากฏว่าแม่ทัพมองเพียงครู่เดียว ทว่ามันเป็นแค่เถามันเทศ จะไปมีประโยชน์อะไร?
เซียวเฉวียนทำเหมือนมันเป็นของรักของหวง
ทว่าเซียวเฉวียนกลับให้แม่ทัพดูแล
แม่ทัพสั่งให้รื้อเถามันเทศจากนั้นก็ปลูกมันลงดิน
เซียวเฉวียนได้ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเถามันเทศแก่แม่ทัพ
พอฟังความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของเซียวเฉวียนแล้ว นัยน์ตาของแม่ทัพก็อดแสดงออกถึงความผิดปกติไม่ได้ เขาตบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น “ดี!นี่มันดียิ่งนัก!”
ไม่น่าล่ะเซียวเฉวียนถึงดูรักและหวงแหนมันนัก
เซียวเฉวียนกล่าวไว้ ตราบใดที่ท่านแม่ทัพดูแลเถามันเทศอย่างดี รอให้เถามันเทศเบ่งบาน ก่อนจะตัดออกเป็นส่วน ๆ แล้วปลูกลงในดิน
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เถามันเทศจะช่วยสนับสนุนที่ดินที่เย็นเยียบเหล่านี้ได้อย่างไร ทหารและชาวบ้านที่นี่จะอดอาหารไม่ได้เด็ดขาด
ดี!
ดีมาก!
ท่าทีของเซียวเฉวียนคือจุดเปลี่ยน เพื่อให้พวกเขาแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ ได้
สภาพแวดล้อมบริเวณชายแดนค่อนข้างเลวร้าย แห้งแล้ง ชาวบ้านต่างลำบากข้นแค้น มีหลายคนล้มตายเพียงเพราะความหิวโหย
แม่ทัพประจำการที่นี่มาหลายปีแล้ว เขาอยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม แต่ด้วยความจนปัญญาเขาไร้อำนาจ
ตอนนี้ดีขึ้น มีเถามันเทศ ปัญหาทุกอย่างก็ได้รับการคลี่คลาย
เซียวเฉวียนเป็นเพียงตัวนำโชคของพวกเขา
ส่วนเรื่องที่เซียวเฉวียนพูดนั้นชัดเจนแล้ว พวกเขาออกเดินทางพร้อมกับอาหารที่ทหารให้คนเตรียมw;h
“มิกล้า มิกล้า” เซียวเฉวียนคล้อยตามคำพูดของมู่จิ่น
พอได้ยินน้ำเสียงของเซียวเฉวียน มู่จิ่นรู้ทันทีว่าเซียวเฉวียนแอบดีใจอยู่ภายใน
เวลานี้ ท้องฟ้ามืดลง
เดินต่อไปอีกนิด ก็ห่างจากเขตชายแดนแล้ว
ข้างหน้ายังเหลืออีกหลายกิโมเตรกว่าจะถึงหมู่บ้าน
ด้วยเหตุนี้ โย่วควนจึงเอ่ยเตือนว่า “นายท่าน เดินทางต่อเรากลัวว่าจะนอนค้างอ้างแรมในทุ่งกว้างแล้ว”
มันคือเรื่องปกติของผู้ชาย พวกเขามักจะค้างอยู่ในถิ่นทุรกันดารอยู่บ่อยครั้ง แต่เซียวเฉวียนยังอุ้มบุตรสาวของเขาอยู่ในอ้อมกอด
เด็กตัวเล็กเช่นนี้ไม่เหมาะจะค้างในป่า
เซียวเฉวียนเข้าใจความกังวลของโย่วควน แต่มีเซียวเฉวียนปกป้องเด็กน้อย ไม่เป็นไร
ทว่าเสบียงก็จำเป็น คงจะปล่อยให้คนเหล่านี้หิวไม่ได้
“โย่วควน เจ้าล่วงหน้าไปสั่งอาหารสักสองโต๊ะในร้านอาหารทางนั้น ไว้เราอิ่มท้องแล้วก็ค่อยเดินทางกันต่อ” เซียวเฉวียนกำชับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
โย่วควนรู้ว่าเซียวเฉวียนมีแผนอื่นในใจ ด้วยเหตุนี้ พอเขาได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน ก็หมุนตัวเดินออกจากร้านอาหารทันที
“ข้าไปกับเจ้าด้วย” มู่จิ่นพูดจบก็วิ่งตามไป
ระหว่างทาง มู่จิ่นเอ่ยว่า “โย่วควน นายท่านของเจ้าคิดว่าโรงเตี๊ยมไม่สะดวก”
คำถามนี้ โย่วควนเองก็คิด
ถึงอย่างไรพวกเขาก็มู่จิ้นซื่อผู้อ่อนแออยู่ อยู่โรงเตี๊ยม คนของพวกเขาสบายตัว ถ้ามีนักฆ่าโผล่เข้ามา คงยากจะปกป้องได้หมด
ด้วยเหตุนี้ เซียวเฉวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าการนอกค้างทุ่งกว้างน่าจะสะดวกกว่าโรงเตี๊ยม
ถ้ามีนักฆ่าโผล่มาจริง ๆ ทุ่งกว้างจะง่ายกว่า
ต้องบอกว่า เซียวเฉวียน โย่วควนและมู่จิ่นมีความเข้าใจกันมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...