ครั้งนี้ นักปราชญ์เองก็หัวร้อนเช่นกัน
เว่ยเชียนชิวเป็นเพียงชาวเมืองแห่งต้าเว่ย นักปราชญ์ถึงได้หาเขามาช่วย นั่นเป็นเพราะนักปราชญ์เห็นแก่เขา แต่เว่ยเชียนชิวกลับไม่รู้บุญคุณ แถมยังกล้าแสดงกิริยาไม่เคารพนักปราชญ์
นักปราชญ์คือตัวแทนของสวรรค์
เว่ยเชียนชิวนี่จะคิดกบฏหรืออย่างไร?
เซียนยังไม่เชื่อว่าเขาไม่สามารถแย่งชิงตัวจางเคอมาจากเว่ยเชียนชิวได้
“คุณชายจาง ทานควรคิดให้รอบคอบให้ดีเซียวเฉวียนกำลังจะเดินทางถึงเมืองหลวงในไม่ช้า เมื่อเขากลับมาที่เมืองหลวง ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่มีวันเป็นของท่านได้อีก"
เปรียบเสมือนว่าเมื่อพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว โอกาสต่อไปก็คงจะไม่มีอีกแล้ว
ตอนนี้ ถ้าจางเคอปฏิเสธที่จะร่วมมือกับนักปราชญ์เพราะเว่ยเชียนชิว จางเคอก็จะสูญเสียโอกาสที่จะได้ครอบครององค์หญิงต้าถง
อะไรนะ?
เซียวเฉวียนจะกลับมาเมืองหลวงแล้วหรือ?
นักฆ่าที่จางเคอส่งไปเพื่อตามล่าเซียวเฉวียนก็ยังไม่ส่งข่าวกลับมาเลย
ดังนั้น จางเคอจึงไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เซียวเฉวียนอยู่ที่ซินเจียง จางเคอก็ไม่กังวล
เพราะจางเคอมั่นใจว่ามือสังหารที่ตนส่งไปจะต้องสังหารเซียวเฉวียนและกลับมาอย่างมีชีวิตรอด
แต่ทันใดนั้น เมื่อนักปราชญ์บอกว่าเซียวเฉวียนกำลังจะเดินทางถึงเมืองหลวงในไม่ช้า ข่าวนี้ทำให้จางเคอตกใจไม่เบา และทำให้จางเคอต้องตกตะลึง
หานักปราชญ์พูดว่า หากเซียวเฉวียนกลับมาที่เมืองหลวง จางเคอก็คงจะยากที่จะครอบครององค์หญิงต้าถง
หรืออาจเป็นไปได้ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย
เมื่อพูดถึงผู้หญิง จางเคอก็ลังเลอีกครั้ง
เมื่อจางเคอสัมผัสกับสายตาที่ดุร้ายและเย็นชาของเว่ยเชียนชิว จางเคอก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดอะไร
จางเคอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นแบบนี้ในคืนนี้ จางเคอก็ไม่ควรมาพบนักปราชญ์
แม้ว่าเขาจะมาพบนักปราชญ์ เขาก็ควรเลี่ยงเส้นทาง
ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พอดีกับที่จางจิ่นกลับมา
น่าสงสารจางจิ่น เขาเพิ่งกลับมาถึงที่พัก อารมณ์ยังไม่ดี ก็ถูกเว่ยเชียนชิวให้คนเรียกมาอีก
ตลอดทาง จางจิ่นรีบมาอย่างหวาดระแวง เขาคิดในใจว่าไม่รู้ว่าเว่ยเชียนชิวจะหาเรื่องอะไรกับเขาอีก
โดยรวมแล้ว เมื่อเว่ยเชียนชิวเรียกหาจางจิ่นทุกครั้ง มักจะไม่มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น
ครั้งนี้ จางจิ่นตาข้างหนึ่งยังกระตุกไม่หยุด
ทำให้จางจานยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้น
เมื่อมาถึงที่นี่ จางจิ่นเห็นนักปราชญ์และจางเคออยู่ด้วย หัวใจที่กระวนกระวายใจของเขาก็สงบลงได้ครึ่งหนึ่ง
ช่วงนี้จางจิ่นก็ยุ่งจนเวียนหัว
จางจิ่นผู้ช่างสังเกตคำพูดและสำนวนอยู่เสมอ ไม่ได้มองหน้าทั้งสามคนด้วยซ้ำ จางจิ่นทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่ฟันขาว “คืนนี้มีคนมากมายที่นี่ทุกคนอยู่ที่นี่ เราจะคุยเรื่องใหญ่กันหรือไม่?”
เมื่อพูดถึงการปรึกษาหารือเรื่องใหญ่ ๆ สิ่งแรกที่มู่จิ่นนึกถึงก็คือการฆ่าเซียวเฉวียน
เป็นไปได้ไหมว่าครั้งนี้เว่ยเชียนชิวเรียกประชุมเพื่อปรึกษาหารือเรื่องการกำจัดเซียวเฉวียน?
อื้อ น่าสนุก!
ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะฆ่าเซียวเฉวียน
อย่างไรก็ตาม การหารือเรื่องต่าง ๆ ไม่ควรยืนอยู่นอกประตูสิ
นี่เป็นระเบียบแบบแผนเช่นไร?
ก่อนที่เว่ยชียนชิวจะพูดอะไรจางจิ่นพูดอย่างฉลาดแกมโกงว่า “ไปกันเถอะ เราจะพูดกันข้างใน”
พูดจบ จางจิ่นก็ส่งสายตาให้จางเคอเป็นการลับ ๆ บอกให้จางเคอเชิญนักปราชญ์เข้ามา
บุคคลที่เรียกตัวเองว่านักปราชญ์คนนี้ จนถึงตอนนี้ จางจิ่นก็ยังไม่รู้ว่าเขามาจากไหน และเขาไม่สนใจที่มาของเขาเท่าไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...