ในความเป็นจริงแล้วมู่จิ่นเองก็รู้ดีว่า เหตุผลที่เซียวเฉวียนไม่พาเขาและโย่วควนไป ไม่ใช่เพราะกลัวว่าพวกเขาเก็บความลับไม่อยู่ แต่เซียวเฉวียนกลัวว่าจะมีคนใช้ทักษะอ่านใจเพื่อหาที่อยู่ขององค์หญิงต้าถง
จะพูดให้ถูกก็คือ เพื่อป้องกันคนตามหาร่องรอยขององค์หญิงจากโย่วควน
เพราะมู่จิ่นสามารถบังคับเสียงความคิดที่อยู่ในใจได้ แต่โย่วควนนั้นทำไม่ได้
เพื่อความยุติธรรม เซียวเฉวียนจะไม่เอาใครไปด้วยเลย
จะเห็นได้ว่าการกระทําของเซียวฉวนละเอียดรอบคอบมาก
มู่จิ่นก็รอโดยที่ไม่รู้เลยว่าเซียวเฉวียนจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาหยิบหินมาก้อนหนึ่งแล้วนั่งลงมือ ทั้งสองประสานกันและมองไปรอบๆ
ส่วนโย่วควนก็เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อย่างสำราญใจ
ก่อนหน้านี้ โย่วควนหมกมุ่นกับทำมาหากิน ไม่มีเวลาที่จะมาชมทิวทัศน์แบบนี้
ตอนนี้โย่วควนมากับเซียวเฉวียน ไม่ต้องกลุ้มใจกับเรื่องอาหารสามมื้อต่อวัน หลังกินอิ่มอย่างเต็มที่ ศิลปินอย่างโย่วควน ไม่ว่าจะเป็นหญ้าหรือต้นไม้ในสายตาของเขาล้วนเป็นสิ่งที่สวยงาม
“สวย สวยงามมาก” นอกจากดื่มด่ำกับความงดงามแล้ว โย่วควนก็อดไม่ได้ที่จะพูดชื่มชมแล้วชื่นชมอีก
ทุกที่ที่โย่วควนมองออกไปก็มีแต่ต้นไผ่ ต้นสน วัชพืช ดอกไม้ป่า ภูเขา และยังมีลำธารที่ไหลลงมาจากน้ำตก
นี่เป็นภาพทิวทัศน์ที่ช่างดูมีชีวิตจริงๆ
สวยงาม มันสวยงามมากจริงๆ
ได้ยินโย่วควนพูดชมซะขนาดนี้ มู่จิ่นก็ได้มองไปตามทางที่โย่วควนมอง
มู่จิ่นแอบดูถูกอยู่ในใจ นี่ไม่ใช่แค่ภูเขา แม่น้ำ ดอกไม้งั้นหรือ มันสวยตรงไหนกัน?
มีอะไรน่ามองงั้นหรือ?
ทนคนพวกนี้ไม่ไหวแล้ว
มู่จิ่นเป็นพ่อครัวในฮว๋าเซี่ยยุคใหม่ ในสายตาของเขา การทำอาหารเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด นอกจากสาวงาม ที่เหลือก็ไม่มีอะไรอยู่ในสายตาเขาแล้ว
ตอนที่อยู่ในฮว๋าเซี่ย มู่จิ่นมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีและสะดวกสบายอย่างมาก
หลังจากที่ได้เข้ามาที่ซินเจียงแล้ว มู่จิ่นก็พบว่าตัวเองไม่เข้ากับที่นี่เลย
เพื่อที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ มู่จิ่นก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนและระมัดระวังให้มากขึ้น
พูดได้ว่า หลังจากที่มาถึงซินเจียง มู่จิ่นก็ได้เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตไป
ตอนที่อยู่ที่ฮว๋าเซี่ย มู่จิ่นมีชีวิตที่สะดวกสบายมากเพียงใด เมื่อมาอยู่ที่ซินเจียงมู่จิ่นก็ต้องระมัดระวังมากเพียงนั้น
มันช่างแตกต่างกันเสียจริง
การแบ่งแยกนี้มู่จิ่นและเซียวเฉวียนที่รู้จักกันดี ก็ได้เริ่มหายไปอย่างช้าๆ
ตั้งแต่ที่มู่จิ่นได้รู้จักกับเซียวเฉวียน ถึงตอนนี้และจนกระทั่งตอนที่ทั้งสองได้มาถึงต้าเว่ย ใช้คำหนึ่งคำมาเพื่ออธิบายการเปลี่ยนแปลงบุคลิกของมู่จิ่น
ความระมัดระวังรอบคอบเป็นเพียงเกาะป้องกันของมู่จิ่นก็เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนสบายๆ
ดังนั้น ตั้งแต่ที่ได้ไว้วางใจเซียวเฉวียนแล้ว มู่จิ่นก็ค่อยๆเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอย่างช้าๆ เมื่อได้มารวมกับเซียวเฉวียนและโย่วควน มู่จิ่นก็ได้เหน็บแนมผู้คนอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมู่จิ่นรู้ว่า มันเป็นอารมณ์ศิลปินของโย่วควน มู่จิ่นก็ไม่อยากต่อต้าน ดังนั้น จึงทำได้เพียงเก็บไว้ในใจเท่านั้น
หลังจากนั้น ทั้งสองก็ต่างคนต่างมองสิ่งที่ตนชอบ
. . . . . .
. . . . . .
ณ ชานเมือง
สถานที่ห่างไกล มีทางเข้าถ้ำที่ซ่อนอยู่
เซียวเฉวียนมองไปที่ปากถ้ำที่ถูกปิดคลุมไปด้วยเถาวัลย์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ไป๋ฉี่ได้บอกกับเซียวเฉวียนว่า องค์หญิงต้าถงอาศัยอยู่ในถ้ำนี้
มันเป็นไปไม่ได้?
แต่ไป๋ฉี่เป็นคนที่ซื่อสัตย์ เขาไม่มีทางโกหกแน่
ดังนั้น เซียวเฉวียนก็ดึงเถาวัลย์นั้นออกอย่างลังเล เมื่อเถาวัลย์นั้นถูกดึงออกไป ปากถ้ำก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ปากถ้ำมีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงลงไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...