ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1157

เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มใช้สายตาแปลกประหลาดมองไปยังหวังหลิน หวังหลินที่รักหน้าตาเป็นที่สุดรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ใบหน้าของเขามีความโกรธซ่อนไว้อยู่เนือง ๆ

เซียวเฉวียนกำลังทำให้หวังหลินหน้าแตกอย่างชัดเจน

จะเอาอย่างไร?

เซียวเฉวียนมองหน้าหวังหลินด้วยสายตานิ่งเฉย

ต่อหน้าผู้คนมากมาย แน่นอนว่าหวังหลินไม่กล้าทำเรื่องที่ไม่เคารพต่อเซียวเฉวียน หวังหลินทำได้เพียงยิ้มอย่างอึดอัด พลางพูดขึ้นว่า “ท่านอาจารย์งานเยอะจนลืมไปแล้วจริง ๆ ศิษย์ชื่อว่าหวังหลิน”

“อ๋อ...” เซียวเฉวียนลากเสียงยาว จากนั้นก็ถามเสียงเรียบ “หวังหลินเองรึ อาจารย์นึกออกแล้ว หากอาจารย์จำไม่ผิด ก่อนออกเดินทางไปซินเจียง คนที่ยืนกรานไม่ยอมไปก็คือเจ้าใช่หรือไม่?”

ว้าว!

มีเรื่องแบบนี้ด้วย!

ผู้คนต่างไม่เคยได้ยินมาก่อน

ในสมัยโบราณ อาจารย์เปรียบดั่งบิดา

คำพูดของอาจารย์ นักเรียนพึงกระทำจามในสิ่งที่บอกกล่าว และการฝ่าฝืนใดๆ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

ผู้คนต่างนึกไม่ถึงว่า หวังหลินที่อ่านหนังสือแห่งปราชญ์มานับคณนา กลับทำสิ่งที่ขัดต่อคำสั่งของอาจารย์

เขาต้องการก่อกบฏงั้นหรือ?

เซียวเฉวียนหันเหความสนใจของทุกคนได้สำเร็จ

เดิมที พวกเขาก็อยากรู้ว่า เพราะเหตุใดเหล่าบัณฑิตขั้นสูงจึงไม่ตามเซียวเฉวียนกลับเมืองหลวงด้วยกัน

ตอนนี้เซียวเฉวียนได้เปิดเผยข้อมูลของหวังหลินแล้ว ผู้คนต่างก็ลืมความสงสัยและเริ่มซุบซิบเรื่องของหวังหลิน

พวกเขาว่าไว้แล้ว นักเรียนของตัวเอง เหตุใดเซียวเฉวียนจะจำไม่ได้กันเล่า?

ความจริงแล้วหวังหลินผู้นี้ไม่ได้มีเซียวเฉวียนอยู่ในสายตา ไม่แน่ว่าเมื่อก่อนเขาคงไปเรียนที่ชิงหยวนน้อยครั้งมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่เซียวเฉวียนจะจำหวังหลินไม่ได้

กระทำตนเช่นนี้ในฐานะศิษย์ หวังหลินคนนี้ไม่ดีเลยจริง ๆ

ดวงตาที่สดใสของเซียวเฉวียนแอบจ้องมองผู้คนอยู่เงียบ ๆ เขาพอใจเป็นอย่างมาก ถูกต้อง เซียวเฉวียนต้องการผลลัพธ์เช่นนี้แหละ

เซียวเฉวียนไม่ต้องการให้ผู้อื่นเผือกเรื่องของเขา เขาจึงต้องหาเผือกชิ้นใหม่ออกมาให้คนอื่นกิน

เดิมทีเซียวเฉวียนไม่ได้มีความคิดนี้ หลังจากหวังหลินเสนอหน้าออกมาแล้ว เซียวเฉวียนรู้ว่าหวังหลินต้องการหาเรื่องเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนจะให้หวังหลินสมหวังได้อย่างไร?

ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงคิดออกในชั่วขณะ ให้ทุกคนไปเผือกเรื่องของหวังหลิน

หลังจากพูดจบแล้ว จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็พูดขึ้นด้วยความตกใจ “อ้อ อาจารย์ลืมไปเลย ที่นี่คือสถานที่สาธารณะ ไม่ควรยกเรื่องนี้มาพูด”

“เฮ้อ อาจารย์ช่างเลอะเลือนเสียจริง” พูดจบ เซียวเฉวียนยังทำสีหน้าหงุดหงิดโมโห พลางตบหน้าผากเบา ๆ

เอกการละครเช่นนี้ มู่จิ่นและโย่วควนที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ แทบอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เทคนิคการแสดงที่มีชีวิตชีวาของเซียวเฉวียน แม้แต่ศิลปินอย่างโย่วควนยังนับถือ

คำพูดเหล่านี้ ฟังดูเหมาะเจาะเสียจริงเชียว

ไม่เพียงดูเหมือนเซียวเฉวียนพูดโดยไม่ได้ตั้งใจ และเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจของเขา อีกทั้งยังดูเหมือนว่าเซียวเฉวียนคิดเพื่อหวังหลินอยู่ตลอด

จุ๊ ๆ

ดูท่าทางตอนที่เซียวเฉวียนอยู่ในยุคสมัยฮว๋าเซี่ย คงศึกษาวัฒนธรรมชาเขียวมาไม่น้อย

หวังหลินแทบสำลักคำพูดเหล่านี้ ความโกรธในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะพลุ่งพล่าน เขาอยากจะระเบิดมันออกมา แต่ก็ทำไม่ได้

เพียงครู่เดียว สีหน้าของหวังหลินก็เปลี่ยนไปราวกับคนที่กินมูลสัตว์เข้าไป ทั้งอัปลักษณ์และไม่ดูเอาเสียเลย

ภายใต้ความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หวังหลินลืมเป้าหมายที่ตัวเองเสนอหน้าออกมา เขแอบจ้องเซียวเฉวียนอย่างโกรธเกรี้ยว

ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย ต่อให้หวังหลินโกรธมากเพียงใด เขาทำได้เพียงระงับความโกรธไว้ในใจเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น

เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฝืนยิ้มที่น่าเกลียดกว่าการร้องไห้ “ท่านอาจารย์ช่างน่าขันเสียจริง ท่านอาจารย์ต้องเข้าใจข้าผิดเป็นแน่ วันนั้นไม่ใช่ว่าข้าไม่ยอมไปซินเจียง แต่เป็นข้าปวดท้องรุนแรงอย่างกะทันหัน ข้าไม่สามารถชะลอการเดินทางเพียงเพราะข้าผู้เดียว”

ความหมายแฝงของหวังหลินคือ เขาไม่ไปซินเจียง เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ไม่ใช่เจตนารมณ์ของเขา

ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด

เข้าใจผิด

ในเมื่อหวังหลินเอาตัวรอดด้วยวิธีนี้ เซียวเฉวียนจึงไม่มีความจำเป็นที่จะกำจัดเด็กหนุ่มให้สิ้นซาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย