อ่านสรุป บทที่ 1168 ขีดจำกัด จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1168 ขีดจำกัด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ไม่มีทาง เว่ยเชียนชิวต้องคิดหาวิธีให้เซียวเฉวียนคายสมบัติ เงินและทองออกมา
เว่ยเชียนชิวคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ในที่สุดเขาก็ได้นึกถึงลูกหัวแก้วหัวแหวนของเขา นั่นคือ เว่ยเป้ย
ตั้งแต่เว่ยเป้ยได้พาเฮยอวิ๋นกลับมาที่เมืองหลวงก็ถูกเว่ยเชียนชิวขวางไว้นอกเมืองหลวง เว่ยเชียนชิวก็ไม่เคยเห็นเว่ยเป้ยอีกเลย
แต่สถานที่ที่เว่ยเป้ยเดินทางไป เว่ยเชียนชิวยังคงติดตามอยู่ตลอดเวลา เขารู้มาว่าตอนนี้เว่ยเป้ยอยู่ที่จวนเซียว
ประจวบเหมาะกับที่เว่ยเชียนชิวให้เว่ยเป้ยแอบตามสืบที่อยู่ของสมบัติเหล่านั้น ทั้งนอกในต่างก็ร่วมมือกัน ยึดเงินตรามากมายในคราเดียว ยึดจวนเซียวและจับตัวเซียวเฉวียนมา
ฮ่า ฮ่า ฮ่า!
คิดไม่ถึงเลยว่า ไอ้เด็กโง่เว่ยเป้ยจะเอนเอียงไปช่วยเว่ยเชียนชิว
ไม่น่าหล่ะเว่ยเชียนชิวถึงได้รักเขามากถึงเพียงนี้
เรื่องการฟื้นฟูจวนเจียนกั๋วใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว แม้แต่นาทีเดียวเว่ยเชียนชิวก็ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว เขาตะโกนออกมาว่า “บ่าว!”
จางจิ่นเคยพูดเอาไว้ว่า คนในจวนนี้ทุกคนเว่ยเชียนชิวสามารถออกคำสั่งได้ ดังนั้น เว่ยเชียนชิวจึงได้เรียกบ่าวเข้ามา “ท่านเจียน ใต้เท้าเจียนกั๋ว มีอะไรให้รับใช้ขอรับ?”
เว่ยเชียนชิวก็ได้รับฉายาว่าเป็น ปีศาจนักฆ่าและน่าเกรงขาม คนธรรมดาทั่วไปกลัวเขามันก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้แปลกอะไร
แต่ในสายตาของเว่ยเชียนชิว คนเหล่านี้ก็เป็นแค่ขยะที่ไร้ประโยชน์ เห็นหน้าของพวกเขาทีไร เว่ยเชียนชิวก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
เว่ยเชียนชิวพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “ไปที่เทียนถานแล้วเรียกอ๋องรองมาให้ข้า”
"พะยะค่ะ!" บ่าวขานรับด้วยความเคารพและเดินออกไป
อ๋องรองที่เว่ยเชียนชิวหมายถึง นั่นก็คือ เว่ยเป้ย
ตามที่จางจิ่นได้พูดเอาไว้ ไม่กี่วันนี้เว่ยเป้ยจะปรากฏตัวอยู่ที่เทียนถาน
เพราะงั้น เว่ยเชียนชิวจึงได้สรุปว่า วันนี้เว่ยเป้ยก็คงจะยังอยู่ที่เทียนถานเช่นเดิม
แต่ครั้งนี้ เว่ยเชียนชิวคิดผิดแล้ว เว่ยเป้ยไม่ได้อยู่ที่เทียนถาน เขากลับไปที่จวนเซียวตั้งนานแล้ว
เมื่อบ่าวกลับมาโดยที่ไม่มีเว่ยเป้ย เว่ยเชียนชิวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ไอ้.....เจ้าออกไปซะ!"
จริงๆแล้ว เว่ยเชียนชิวต้องการที่จะลงโทษบ่าวคนนี้มาก แต่เมื่อคิดได้ว่าที่นี่ไม่ใช่จวนเจียนกั๋ว เขาจึงทำได้แต่เก็บอารมณ์เอาไว้
เฮ้อ!
ตอนนี้ตนได้ตกต่ำถึงเพียงนี้ แม้แต่อารมณ์เล็กๆน้อยๆก็ยังต้องเก็บซ่อนไว้?
เว่ยเชียนชิวก็ถามตัวเองขึ้น ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้?
เซียวเฉวียน!
ทุกอย่างนี้ก็เป็นเพราะไอ้สารเลวเซียวเฉวียน เป็นเขาที่ทำให้เว่ยเชียนชิวมาถึงจุดนี้ได้
อ๊าาา! อ๊าาา! อ๊าาา!
ในใจของเว่ยเชียนชิวคลั่งแทบบ้า เขากำมือแน่นและบิดข้อมืออย่างแรง การกระทำนี้ เหมือนว่าในมือเขาคือชีวิตของเซียวเฉวียน
ครู่หนึ่ง เว่ยเชียนชิวก็ค่อยๆ คลายมือออกและมองขึ้นไปที่หลังคา
. . . . . .
. . . . . .
ณ จวนเซียว
เซียวเฉวียนทักทายฮูหยินผู้เฒ่าเซียวและเซียวจิ่วด้วยความเป็นมิตร
สิ่งนี้ก็บอกได้เลยว่า เป็นการกระทำที่รอบคอบมาก ฮูหยินที่เข้มงวดนี้ก็ไม่พบพิรุธใดๆ
แน่นอนว่า เซียวเฉวียนตั้งใจทำให้เซียวจิ่วเห็นและให้เซียวจิ่วละอายใจ
เซียวจิ่ว เห็นไหม ข้าเซียวเฉวียนเป็นคนนอกแต่ปฏิบัติต่อท่านยายดีแบบนี้ เจ้าในฐานะที่เป็นหลาน ทำไมถึงได้ชอบทำให้ท่านยายทรงโกรธ?
แม้ว่าฮูหยินจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เซียวเฉวียนก็เดาได้ว่า เซียวจิ่วคงไม่เต็มใจมาเมืองหลวงครั้งนี้หรอกกระมัง
กระนั้นอายุของฮูหยินปูนนี้ ก็ควรจะใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่ชานเมือง ทำไมจะต้องออกมานอกเมืองเช่นนี้ด้วย?
เซียวจิ่วที่สืบทอดมาจากนักบังสุกุลแน่นอนว่าเขาต้องไม่เต็มใจที่จะมาแน่ ฮูหยินก็โกรธมาก และต้องมาที่นี่คนเดียว
เวลานี้เอง เซียวจิ่วก็ไม่วางใจที่ฮูหยินจะมาเมืองหลวงคนเดียว เขาก็จำใจต้องตามมา
ยิ่งไปกว่านั้น เซียวจิ่วไม่ได้ส่งข่าวมานานแค่ไหนแล้ว?
ถ้าเขาสนใจเรื่องในชานเมืองซะหน่อย เขาก็จะรู้ว่า เว่ยเชียนชิวได้เปลี่ยนไปแล้ว
ตอนนี้ยังตกอับถึงขั้นที่ต้องไปอยู่ที่จวนจาง
ก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง ไม่มีอะไรให้กลัว
หลังจากที่เซียวเฉวียนได้ทักทายทั้งสองแล้ว เซียวเฉวียนก็ให้เว่ยเป้ยออกไป “อ๋องรอง เชิญท่านไปสวนด้านในเถิด มีสิ่งที่ท่านคิดไม่ถึงรอท่านอยู่”
คิดไม่ถึงงั้นหรือ ?
เว่ยเป้ยมองเซียวเฉวียนด้วยความสงสัย
จะมีอะไรที่คิดไม่ถึงอีกงั้นหรือ แค่ไม่มีอะไรที่ทำให้ตกใจมากก็ดีแค่ไหนแล้ว
เวลานี้ ตลอดทางกลับหมู่บ้านซิ่วสุ่ยจนมาถึงเมืองหลวง เว่ยเป้ยเปียกฝนชุ่มตลอด
จนถึงตอนนี้เว่ยเป้ยก็เห็นเมฆดำและฝนตลอด เขาก็ขนลุกขนพอง
เว่ยเป้ยก็สงสัยว่า เซียวเฉวียนตั้งใจจะกำจัดเว่ยเป้ยหรือเปล่า?
นี่เป็นสิ่งที่เว่ยเป้ยพยายามถามจากเซียวเฉวียนมาตลอด เห็นได้ชัดว่า เว่ยเชียนชิวกลับมาพร้อมกับเมฆดำ เว่ยเป้ยยังตามมาด้วยหรอ?
เว่ยเป้ยก็ไม่ค่อยเข้าใจหลักการวิทยาศาสตร์เท่าไหร่
เห็นเว่ยเป้ยเป็นแบบนี้ เขาก็มีสีหน้าสงสัย เซียวเฉวียนก็พูดขึ้นว่า “ไปเถอะ ไปแล้วเจ้าจะรู้เอง”
มู่จิ่นและเว่ยอวี๋ก็ยังคุยกันอยู่ พูดด้วยคำสมัยใหม่ว่า ทั้งสองเป็นเหมือนเพื่อนซี้กัน
ตราบใดที่เว่ยเป้ยยอมรับสองคนนี้ เว่ยเป้ยก็สงสัยขึ้น มู่จิ่นจะตอบทุกคำถาม
เซียวเฉวียนยังมีเรื่องที่ซินเจียงอีก ถึงแม้ว่ามู่จิ่นจะไม่ได้รู้อะไรลึก แต่ก็รู้มาประมาณนึงแล้ว
เมื่ออยู่กับมู่จิ่นความสงสัยของเว่ยเป้ยก็ได้รับคำตอบแล้วเรียบร้อย และสิ่งที่เว่ยเป้ยอยากรู้ ถ้าไม่ใช่อะไรที่เป็นความลับ เขาก็จะได้รับคำตอบเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...