คำพูดนี้ เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังแล้ว เป็นคำพูดหลบเลี่ยงของเซียวเฉวียน ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่าเซียวเฉวียนไม่ยินยอมให้เซียวจิ่วอยู่ที่จวนเซียว
ฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าสงบนิ่งพูดว่า :“เซียวจิ่ว เจ้ายังไม่ยอมไปไม่ขอร้องเซียวเฉวียนให้รับเจ้าไว้อีก?”
ตั้งแต่ยุคสมัยโบราณมีคนที่มีลักษณะนิสัยแปลกประหลาด ไม่ใช่ว่าใครจะยอมรับได้ ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจเป็นอย่างดี
แต่เซียวเฉวียนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกประทับใจมากจริงๆ ฮูหยินผู้เฒ่าอยากให้เซียวจิ่วได้เรียนรู้แบบอย่างจากเซียวเฉวียน นางไม่คาดหวังว่าเซียวจิ่วจะเก่งกาจอย่างเซียวเฉวียน เพียงแค่เซียวจิ่นได้เรียนรู้จากเซียวเฉวียนเพียงเล็กน้อย ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
สรุปก็คือ เซียวเฉวียนไม่ยอมรับเซียวจิ่วไว้ เซียวจิ่วจะขอร้องจนกว่าเซียวเฉวียนจะยอมตกลงรับเขาไว้ให้ได้
ต้องการให้เซียวจิ่วขอร้องเซียวเฉวียน พูดจริงๆแล้ว ความรู้สึกในใจของเซียวจิ่วไม่ยินยอมแม้แต่นิดเดียว เซียวจิ่วรู้สึกว่า ให้เขาต้องนอบน้อมขอร้องคนที่อายุน้อยกว่าให้ยอมรับเขาไว้ เขาอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
เป็นเรื่องที่ทำลายคุณค่าของตัวเองมาก
เซียวจิ่วยอมรับ เขาไม่มีความสามารถเท่ากับเซียวเฉวียนได้ แต่เซียวจิ่วก็ไม่ใช่คนไร้ความสามารถ เขาก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง!
อย่างไรท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่าที่ดุดันรุนแรง เซียวจิ่วไม่กล้าขัดคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า ถ้าเกิดทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งโกรธมากขึ้น มันก็เป็นความผิดของเซียวจิ่ว
เซียวจิ่วทำได้เพียงหันหน้าไปทางเซียวเฉวียนอย่างอดอัดใจและพูดว่า:“เซียวเฉวียน เอาอย่างนี้ หลังจากนี้ยอมให้ข้าอยู่ที่จวนเซียวเถอะ”
“หลังจากนี้ ข้าจะเรียกเจ้าว่าน้าชายดีไหม?” เซียวจิ่วฉลาดมากที่ยื่นข้อเสนอออกไป
เซียวจิ่วรู้ว่าที่ให้เซียวเฉวียนเรียกเขาว่าน้าชาย แน่นอนว่าเซียวเฉวียนนั้นไม่ได้เต็มใจ
เซียวจิ่วและเซียวเฉวียนมีอายุต่างกันเพียงไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่รู้จักกัน ในสายตาของเซียวเฉวียน เซียวจิ่วก็เป็นเหมือนคนแปลกหน้าทั่วไปไม่มีอะไรแตกต่างกัน
อยากได้ใจคนอื่นก็ต้องคิดทำเพื่อคนอื่นด้วย ใจแลกใจ ถ้าสลับกันว่าเซียวจิ่วเป็นเซียวเฉวียน เซียวจิ่วก็ไม่อยากเรียกคนแปลกหน้าว่าน้าชายเช่นกัน
อื้ม เมื่อเซียวเฉวียนได้ยิน ก็รู้สึกดีใจ นี่เป็นของเสนอที่ไม่เลว
ใครบอกว่าเซียวจิ่วเป็นคนดื้อรั้น?
พูดมั่วซั่ว
ที่จริงแล้วเซียวจิ่วฉลาดมากๆ
แต่ว่า จะให้เซียวจิ่วเรียกเซียวเฉวียนว่าน้าชาย ก็ดูจะไม่เหมาะสม เซียวเฉวียนมีท่าทีลำบากใจพูดว่า :“เกรงว่าจะไม่ดีมั้ง”
ผลสุดท้าย ไม่รอให้เซียวจิ่วตอบกลับ ฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดแทรกขึ้นว่า :“เซียวเฉวียนถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้ารู้สึกว่าก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม”
สิ่งสำคัญก็คือเซียวจิ่วไม่มีท่าทีของผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ เขาไม่สมควรเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ในทางกลับกัน เซียวเฉวียนกลับยิ่งดูน่าเคารพนับถือกว่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนที่รู้แจ้งดี นางไม่ได้สนใจกับรายละเอียดที่ยุ่งยากวุ่นวาย นางให้ความเคารพต่อคนที่มีความสามารถ
ด้วยความสามารถของเซียวเฉวียน ไม่เพียงแค่เซียวจิ่วจะเรียกเซียวเฉวียนว่าน้าชาย แม้แต่จะเรียกเซียวเฉวียนว่าบรรพบุรุษยังได้เลย ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ว่าอะไรแม้แต่นิดเดียว
อย่างนี้เซียวเฉวียนไม่สามารถรับได้จริงๆ
เซียวเฉวียนยิ้มและพูดว่า:“ข้ารับไว้ไม่ได้จริงๆ เอาอย่างนี้ ข้าคิดว่าอายุของพวกเราพอๆกัน พวกเราเรียกชื่อของกันและกัน ดีไหม?”
ในยุคปัจจุบันของฮวาเซี่ย ระหว่างคนหนุ่มด้วยกัน ก็ต่างเรียกชื่อซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนใจเรื่องของความแตกต่างของอายุ
“ได้เลย!ได้เลย!” เซียวจิ่วไม่คิดอะไรทั้งนั้นพูดตอบรับออกไปทันที เหมือนกลัวว่าเซียวเฉวียนจะเปลี่ยนใจ
ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหันมาจ้องเขม็งเขา
นางมองออกว่า เหลนคนนี้ ไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า ความหมายของเซียวเฉวียนคือ เซียวเฉวียนยอมตอบรับแล้วใช่ไหม?
ย่าทวดและเหลนทั้งสองคนมองเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนพูดขึ้นว่า:“เซียวจิ่ว เจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ให้เจ้าคุกเข่านานขนาดนี้”
คนโบราณ เรื่องอะไรเล็กๆน้อยๆก็ต้องคุกเข่า เหนื่อยหรือไม่?
เซียวจิ่วหน้าตาดูมีความสุข:“อย่างนั้น เจ้าก็ตอบรับให้ข้าอยู่ที่จวนเซียวแล้วใช่ไหม?”
เซียวเฉวียนพยักหน้า :“ข้าก็ไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ที่แท้ เซียวเฉวียนก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะปฏิเสธ เซียวเฉวียนเพียงแค่เห็นแก่ฮูหยินผู้เฒ่าที่ชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก เซียวเฉวียนก็ทำอย่างเต็มที่ อยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งชื่นชมเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
ถึงแม้เซียวเฉวียนจะไม่สนใจชื่อเสียงอะไรพวกนี้ แต่มันไม่เหมือนกัน ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้ที่มีศักดิ์ศรีและอำนาจยิ่งใหญ่มากที่สุดของตระกูลเซียว และฮูหยินผู้เฒ่ามีความเข้มงวดมากอย่างนี้ ได้รับคำชื่นชมจากนาง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
คาดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางคิดผิดไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...