สรุปตอน บทที่ 1187 เสียงสองเสียง – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1187 เสียงสองเสียง ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เซียวเฉวียนมองเซียวจิ่วด้วยสายตาราบเรียบและพูดว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะทวงความยุติธรรมคืนให้กับกองทัพตระกูลเซียวอย่างแน่นอน"
เมื่อพูดเสร็จ เซียวจิ่วก็กระตุกอีกครั้ง จากนั้นจึงฟื้นกลับมาเป็นปกติ
ในเวลาเดียวกัน ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้น และแสงแดดอ่อนๆ ก็ส่องลงมาสู่พื้นโลก
ตอนนี้ ท่านยายอาวุโสยังท่องคำสวดต่อไป
เห็นได้จากสีหน้าของท่านยายอาวุโสว่าท่านเหนื่อยล้าและพยายามที่จะอดทนไว้
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะมองท่านยายอาวุโสด้วยความเป็นห่วง เขากระซิบ "ท่านย่า ท่านยังไหวอยู่ไหม ?"
ท่านยายอาวุโสตั้งอกตั้งใจในพิธีปลอบวิญญาณ จึงไม่ได้ตอบเซียวเฉวียนในทันที
พอผ่านไปสักพัก ท่านยายอาวุโสท่องเสร็จจนได้ นางพิงไม้เท้าพลางหายใจหอบ "ในที่สุดวิญญาณของทหารตระกูลเซียวห้าหมื่นดวงก็ได้ไปสู่สุคติในที่สุด"
เซียวจิ่วก้าวขึ้นไปข้างหน้าประคองท่านยายอาวุโสไว้ทันทีและถามด้วยความห่วงใย "ท่านย่า รู้สึกอย่างไรบ้าง ?"
ท่านยายอาวุโสพูดอย่างอ่อนแรง "ยังได้อยู่ แค่เหนื่อยนิดหน่อย"
คงต้องนอนพักสักสามถึงห้าวันถึงจะฟื้นสภาพเดิมได้
“เซียวจิ่ว พาท่านย่ากลับไปที่จวนเซียวก่อน ให้มู่จิ่นช่วยตรวจอาการดู” เซียวเฉวียนสั่ง
มู่จิ่นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ให้เขาช่วยดูแลให้คงไม่พลาดแน่นอน
ท่านยายอาวุโสก็เหนื่อยมากเอาการ เพื่อลุ้นถึงนาทีสุดท้าย นางจึงใช้พลังงานไปจนเกือบหมด
ขณะนี้พิธีปลอบวิญญาณเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงนำป้ายวิญญาณกลับไปที่ห้องบูชาบรรพบุรุษ งานนี้เซียวเฉวียนและเซียวจิ่วทำก็ได้
เซียวจิ่วต้องอยู่ต่อ
ดังนั้น ท่านยายอาวุโสจึงพูดอย่างเหนื่อยล้าว่า "เซียวเฉวียน เจ้าให้ใครคนหนึ่งส่งข้ากลับไปที่จวนเซียวก็พอ หลานจิ่วจะอยู่เพื่อช่วยเหลือเจ้า"
อย่างนี้ก็ดี
“ตกลง ข้าจัดให้เดี๋ยวนี้เลย” เซียวเฉวียนตอบ
ทันที เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงในใจ "เซียนชิวน้อย มาช่วยพ่อส่งท่านย่ากลับไปที่จวนเซียวให้หน่อย"
คำสั่งคำเดียว เสียงฟู่ก็ดังขึ้น เซียนชิวน้อยก็ร่อนลงมาอยู่ข้างๆ ท่านยายอาวุโสอย่างแผ่วเบา เธอประคองท่านยายอาวุโสด้วยมืออย่างน่าเอ็นดูแล้วพูดว่า "ท่านย่า ไปกันเถิด"
พูดจบ ร่างของเซียนชิวน้อยแผล็บเดียว ทั้งยายชราและสาวน้อยก็หายแวบไปจากสายตาของทุกคนทันที
ถึงจุดนี้ พิธีปลอบวิญญาณก็เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย
เซียวเฉวียนมองดูผู้คนข้างล่างอย่างครุ่นคิด
ฉากของอาเจิ้งเมื่อสักครู่นี้ เป็นฉากที่เซียวเฉวียนจงใจจัดเตรียมขึ้น
อาเจิ้งเข้าสิงในร่างของเซียวจิ่วจริงๆ สิ่งที่อาจิ่วพูดคือสิ่งที่เซียวเฉวียนสอนเซียนชิวน้อย และให้เซียนชิวน้อยสอนให้อาเจิ้งพูด
จุดประสงค์ของเซียวเฉวียนง่ายมาก นั่นคือจะอาศัยปากของอาเจิ้ง เพื่อทำให้ประจักษ์แจ้งว่าเว่ยเชียนชิวสังหารกองทัพตระกูลเซียว
เพื่อบรรลุเป้าหมายให้เว่ยเชียนชิวสูญเสียความนับถือจากประชาชน
อีกอย่าง เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายและไปถึงหูของกองทัพนักรบแท้ พวกนักรบแท้ก็จะระวังตัวในเว่ยเชียนชิวอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ ฐานะของเว่ยเชียนชิวในกองทัพนักรบแท้ก็จะไม่แข็งแกร่งจนทำลายไม่ได้
ตำราวิทยายุทธ์จีนโบราณเขียนไว้ว่า กลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดคือการพิชิตศัตรูโดยไม่ต้องสู้รบ
ค่อยๆ สลายกำลังของเว่ยเชียนชิวจากภายใน และเขย่าฐานะของเว่ยเชียนชิวให้สั่นคลอน
กลยุทธ์นี้ประหยัดงบที่สุด ยังสามารถลดภยันตรายต่อประชาชนได้มากที่สุดด้วย
ในฐานะชายหนุ่มที่ดีพร้อมแห่งศตวรรษที่ 21ที่นิยมสันติสุข เซียวเฉวียนจึงเลือกเอาวิธีการต่อสู้ที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธเป็นอันดับแรก
ถึงแม้เซียวเฉวียนจะมีอาวุธสมัยใหม่จำนวนมาก แต่เขาก็ยังไม่คิดจะก่อสงคราม
เมื่อทำสงคราม ที่ลำบากที่สุดคือทหารและประชาชน
คำพูดของอาเจิ้งกระทบใจทุกคนอย่างหนัก
ใบหน้าของทุกคนมีแต่ความโกรธแค้น
แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเว่ยเชียนชิวเป็นผู้สังหารกองทัพตระกูลเซียว แต่เมื่อได้ยินอาเจิ้งพูดกับหูของพวกเขาเอง อารมณ์ของพวกเขาก็เพิ่มสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ทุกคนเกลียดชังเว่ยเชียนชิวจนรู้สึกเหงือกฟันคันไปทั้งปาก
มันน่าเกลียดชังอะไรซะขนาดนี้ !
ในเวลานี้ เซียวจิ่วตะโกนเสียงดัง "ทุกคนจงทำการคารวะ !"
นี่หมายถึงอำลากองทัพตระกูลเซียวเป็นวาระสุดท้าย
ทุกคนระงับความวุ่นวายในใจชั่วคราวและยืนตรงเอามือลง
องค์จักรพรรดิทรงยืนอยู่ข้างหน้าสุด
”โค้งคำนับ หนึ่ง !” เมื่อเห็นทุกคนพร้อมแล้ว เซียวจิ่วก็ตะโกน
เมื่อเซียวเฉวียนเดินทางไปยังภูมิภาคตะวันตกและผ่านหมู่บ้านซิ่วสุ่ย เขาได้พบกองทัพตระกูลเซียว และจัดให้มีคนนำกองทัพตระกูลเซียวกลับมาที่เมืองหลวง เซียวเฉวียนได้สร้างคุณูปการที่ไม่อาจลบล้างได้
แม้กระทั่งพวกข้าราชฯ ที่คัดค้านการเดินทางของเซียวเฉวียนไปภูมิภาคตะวันตกอย่างสุดฤทธิ์ตอนแรกนั้นก็ไม่กล้าปริปากแม้แต่นิดในตอนนี้
ตอนนี้ เซียวเฉวียนกลายเป็นประกายดาวในสายตาของชาวบ้าน ใครก็ตามที่กล้าพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเซียวเฉวียน จะถูกตัดสินโดยชาวบ้านว่าเป็นพรรคพวกของเว่ยเชียนชิว รับความเกลียดชังดั่งศัตรูจากชาวบ้าน
ความโกรธแค้นของมวลชนนั้นละเมิดไม่ได้
สรุปคือ มีชาวบ้านหนุนหลังเซียวเฉวียน ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเขา
เสียงอิกประเภทหนึ่งคือ เสียงเรียกร้องอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันให้ปราบปรามเว่ยเชียนชิว
ที่ผ่านมา ไม่ว่าเว่ยเชียนชิวจะเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่ขนาดใด ผู้คนก็คิดว่าเขามุ่งเป้าไปที่คนระดับล่างอย่างพวกเขาเท่านั้น
แต่ไม่คิดว่า เว่ยเชียนชิวจะไม่ละเว้นแม้กระทั่งทหารที่ปกป้องครอบครัวและประเทศ
คนแบบนี้ทำไมเทพเจ้าไม่จัดการกับตัวมันไปให้เร็วที่สุด !
เทพเจ้าน่าจะจัดการเว่ยเชียนชิวให้ตายด้วยสายฟ้าหรือระเบิดฟ้าร้องตอนที่เว่ยเชียนชิวคิดวางแผนทำร้ายกองทัพตระกูลเซียวตั้งแต่แรกแล้ว
เหตุใดจึงยังปล่อยให้เว่ยเชียนชิวเสพสุขกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งมาอีกสิบห้าปีนี้ ?
สิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติจริงๆ !
เทพเจ้าตาบอด !
ชาวบ้านยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมากขึ้น จากนั้นพวกเขาสมัครใจกันไปที่จวนจางเพื่อก่อความวุ่นวาย
เที่ยวนี้ พ่อบ้านของจวนจางฉลาดขึ้นแล้ว เขาคาดไว้แล้วว่า หลังพิธีปลอบวิญญาณ ชาวบ้านจะต้องมาก่อความวุ่นวายอีกอย่างแน่นอน
พ่อบ้านจึงเสนอแผนให้จางจิ่นล่วงหน้าโดยขอให้จางจิ่นหาข้ออ้างที่จะส่งเว่ยเชียนชิวออกไปหรือซ่อนตัวเขาไว้ สร้างภาพลวงตาว่าเว่ยเชียนชิวไม่ได้อยู่ในจวนจาง ให้ชาวบ้านที่จะมายังจวนจางเพื่อหาเรื่องเว่ยเชียนชิวจะได้ตายใจเสียที
ไม่เช่นนั้น จวนตระกูลจางคงไม่มีวันได้อยู่เย็นเป็นสุข
อย่าว่าแต่ครอบครัวจางจะไม่ต้องการใช้ชีวิตที่ไม่สงบสุข แม้แต่เว่ยเชียนชิวก็คงไม่ต้องการเช่นกันไม่ใช่หรือ ?
ได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านพูด จางจิ่นก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล
แต่ว่า จะบอกเว่ยเชียนชิวอย่างไงนั้น เป็นปัญหาใหญ่
จางจิ่นคงไม่อาจพูดตรงๆ ได้ว่า ท่านเจียนกั๋ว ตอนนี้ชาวบ้านทั่วเมืองเกลียดตัวท่านมาก พวกเขาทุกคนรู้ว่าท่านอาศัยอยู่ในจวนจาง เพื่อความปลอดภัยของท่าน ท่านย้ายไปที่อื่นชั่วคราวหน่อยได้ไหม ?
ถ้าจางจิ่นพูดแบบนี้ จางจิ่นเชื่อว่า ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หัวของเขาจะถูกเว่ยเชียนชิวเด็ดหลุดออกก่อนที่เขาจะพูดจบแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...