จากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ทางซินเจียง จักพรรดิเตรียมจะลงมือสำนักหมิงเซียนแล้ว
ภายใต้สถานการณ์นี้ นักปราชญ์กลัวว่าต้องกลับซินเจียงก่อน
นักปราชญ์คาดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนจะประกาศเช่นนี้
ก่อนกลับต้าเว่ย เซียวเฉวียนตั้งใจจะเปิดเผยข่าวของนักปราชญ์ให้จักรพรรดิแห่งซินเจียงได้รู้ เพื่อที่วันนี้ นักปราชญ์จะได้ไม่ทันเตรียมตัว
แต่ก่อนที่นักปราชญ์กลับซินเจียง ในฐานะที่เซียวเฉวียนเป็นผู้นำ อย่างไรก็ต้องส่งเขา
ถึงอย่างไรนัปราชญ์ก็เดินทางมาต้าเว่ยเพื่อเซียวเฉวียน
เดิมทีเซียวเฉวียนอยากตรงไปหาจางจิ่นและถามให้รู้ไปเลยว่านักปราชญ์อยู่ที่ไหน เวลานี้เจอจางจิ่นหน้าประตูวังพอดี ประหยัดเวลาไปได้ไม่น้อย
“ใต้เท้าจาง ขอถามท่านหน่อยว่านักปราชญ์อยู่ไหน?” เซียวเฉวียนเปิดฉากก่อน
นักปราชญ์?
นักปราชญ์อะไร?
“ข้าไม่รู้จักนักปราชญ์อะไรนั้น” จางจิ่นมองเนื้อในมืออย่างลังเล พวกมันอร่อยมาก จะทิ้งก็น่าเสียดาย
แต่ถ้าไม่ทิ้ง นี่มันอาหารจากหอปี๋เซิ่งเชียวนะ ถืออาหารจากหอปี๋เซิ่งต่อหน้าเซียวเฉวียน จางจิ่นรู้สึกลำบากใจ ถึงอย่างไรจางจิ่นก็ติดตามเซียวเฉวียนมาตลอด
จะทิ้งก็ไม่ได้ จะไม่ทิ้งก็ไม่ได้
คาดไม่ถึงว่าจางจิ่นจะลำบากใจเพราะอาหารเลิศเรสเสียได้
ในตอนนี้เอง เซียวเฉวียนก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใต้เท้าจาง อยากกินก็กินเถอะ เสียดายของ”
ใช่ เสียดายของ
แค่ประโยคเดียวก็ปลุกคนที่กำลังหลับใหล
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ของเว่ยเชียนชิว ตนก็กินมาแล้ว ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่ต่างกัน
พอปลอบใจตัวเองเช่นนี้แล้ว จางจิ่นก็กินต่อ
ท่าทางการกินของจางจิ่นแล้ว คล้ายกลับไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เขากินมันอย่างเอร็ดอร่อย
การกินเช่นนี้ ทำลายศิลปะการรับประทานอาหารโดยสิ้นเชิง ยังไม่ทันลิ้มรสชาติ อาหารก็ลงท้องไปแล้ว นี่เป็นการไม่ให้ความเคารพต่ออาหารมากทีเดียว
เซียวเฉวียนอดสายหน้าไม่ได้
กลับมาเรื่องเดิม เซียวเฉวียนเอ่ยว่า “เป็นท่านเซียนชราที่พวกเจ้าเอ่ยถึง”
เซียวเฉวียนลืมไปชั่วขณะ นักปราชญ์ได้รับขนานนามว่าเป็นท่านเซียนชราแห่งต้าเว่ย
ดั่งคำกล่าวโบราณว่าไว้ เป็นหนี้บุญคุณที่ไรก็ต้องเกรงใจ จางจิ่นกำลังกินเนื้อจองหอปี๋เซิ่งอย่างเอร็ดอร่อย
พอได้ยินว่าเซียวเฉวียนกำลังตามหาท่านเซียนชรา จางจิ่นจึงอดหยุดกินไม่ได้ ก่อนจะเงยหน้ามองเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าฉงน “เจ้าตามหาเขาทำไม?”
ใช่ว่าจางจิ่นจะบอกเซียวเฉวียน ท่านเซียนชราเก่งมาก เซียวเฉวียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ท่านเซียนชราไม่มาหาเซียวเฉวียนแน่นอน เซียวเฉวียนควรสนุกกับชีวิต แต่กลับอยากตามหาท่านเซียนชรา คงไม่ใช่การไปหาธรรมดาแล้วสินะ?
แม้ว่าจางจิ่นอยากจะฆ่าเซียวเฉวียน แต่พอเห็นท่าทางโง่เขลาของเซียวเฉวียน จางจิ่นก็เริ่มเห็นใจเซียวเฉวียน
บัดนี้ในเมื่อจางจิ่นเปลี่ยนใจเข้าร่วมค่ายของจักรพรรดิอย่างเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นจางจิ่นและเซียวเฉวียนก็คือคนที่ลงเรือลำเดียวกันแล้ว
อย่าว่าแต่การแข่งขันทางการเมืองและตำแหน่งขุนนางเลย ทัศนคติที่จางจิ่นมีต่อเซียวเฉวียนก็ค่อย ๆ ดีขึ้นไม่น้อย ความคิดที่อยากให้เซียวเฉวียนตาย ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนในตอนแรกแล้ว
ทุกการกระทำของเซียวเฉวียน จางจิ่นเห็นทุกอย่าง ทุกเรื่องเกี่ยวข้องกับต้าเว่ยทั้งสิ้น
คุณงามความดีเหล่านี้ หากจางจิ่นไม่ยอมรับมันก็ไม่ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จางจิ่นใจกว้างมากขึ้น ยอมรับความสามารถและความเสียสละของเซียวเฉวียน
แต่แม้ว่าเซียวเฉวียนจะมีความสามารถ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะแข่งขันกับนักปราชญ์ได้
ในใจของจางจิ่น เซียวเฉวียนสู้นักปราชญ์ไม่ได้
ต้องรู้ว่าทัศนคติที่จางจิ่นมีต่อเซียวเฉวียนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เซียวเฉวียนคิดว่าการที่เขาให้โอกาสจางจิ่นกลับตัวกลับใจในตอนแรกนั้นไม่เสียเปล่า
แต่สาเหตุที่จางจิ่นรู้สึกว่าเซียวเฉวียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักปราชญ์ นั้นคือเขาไม่เคยเห็นศักยภาพที่แท้จริงของเซียวเฉวียนมาก่อน
“ในเมื่อเจ้าบอกข้า ครั้งต่อไปข้าจะเลี้ยงอาหารที่หอปี๋เซิ่งเจ้าสักมื้อ” เซียวเฉวียนเอ่ยเสียงเรียบ
พอได้ยินว่าจะได้ไปกินอาหารที่หอปี๋เซิ่ง นัยน์ตาของจางจิ่นก็เปล่งประกายทันที “จริงหรือ?”
“แน่นอน” เซียวเฉวียนเอ่ยอย่างหนักแน่น ก็แค่อาหารมื้อเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ในเมื่อจางจิ่นชอบอาหารของหอปี๋เซิ่งเพียงนี้ เซียวเฉวียนเชื่อว่าต่อไปจางจิ่นจะต้องควักเหรียญมากินอาหารที่หอปี๋เซิ่ง
เซียวเฉวียนยืนอยู่ในจวน มองนักปราชญ์ค่อย ๆ เดินออกมา
ทุกคนพากันขนลุกซู่ นักปราชญ์ยังคงสงบนิ่ง เสแสร้งเก่ง
จะว่าไปแล้ว เซียวเฉวียนก็เหนื่อยแทนนักปราชญ์ไม่น้อย
คนมาก เรื่องก็ยิ่งมาก สารพัด สนุกนักรึไง
ถึงได้วุ่นวายกันขนาดนี้
"เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?" นักปราชญ์เบิกตากว้างมองเซียวเฉวียน ก่อนถามว่า "ทำไมต้องพังสำนักข้าโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้?"
นักปราชญ์เป็นตัวแทนสวรรค์ เซียวเฉวัยนจะรู้หรืไม่นั้น เขาทำเช่นนี้เท่ากับไม่ให้ความเคารพต่อนักปราชญ์ ไม่ให้ควาทเคารพต่อสวรรค์
ไร้ยางอายสิ้นดี
"เซียวเฉวียนติดกับ นักปราชญ์ถึงคราวต้องไปจากต้าเว่ยแล้ว เซียวเฉวียนมาเช่นนี้ เพื่อส่งเจ้า" เซียวเฉวียนเอ่ยเสียงเรียบ
เหตุใดต้องทำลายสำนักนััน เซียวเฉวียนพูดว่า "เพราะมันขวางทางข้า"
พอได้ยินนักปราชญ์ก็อดตกใจไม่ได้ เขาเกิดความสงสัยในใจ เซียวเฉวียนรู้ได้อย่างไรว่านักปราชญ์จากต้าเว่ยไปแล้ว?
แต่ไม่นาน นักปราชญ์ก็ปิดบังท่าทีตกใจไว้ไม่ได้ เอ่ยเสียงเย็นชา "ไร้สาระ!"
ต่อเข้าเซียวเฉวียน นักปราชญ์ไม่ยอมรับ เพราะเสียหน้า
นักปราชญ์ทุกคนต่างเดินทางมาต้าเว่ยที่ห่างเป็นพันลี้เพื่อมาฆ่าเซียวเฉวียน หากยังไม่ฆ่าเซียวเฉวียน กลับซินเจียงก็ต้องแอบทำเรื่องนี้
"ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร" เซียวเฉวียนพูดได้ครึ่งเดียว พอเห็นนักปราชญ์ จากนั้นพูด "จนถึงวันนี้ ข้าไม่กบัวจะบอกเจ้า สถานะของเจ้าเปิดเผยต่อจักรพรรดิซินเจียง"
กล่าวจบ เซียวเฉวียนก็มองไปทางนักปราชญ์ เห็นสีหน้าของนักปราชญ์ชัดเจน
สายตาของนักปราชญ์ นอกจากควาทตกใจและความไม่อยากเชื่อ ยังมีความสงสัย... ตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัว
ก็แค่ลูกเขย ทำไมเซียวเฉวียนถึงทำได้?
ทำไมเขารู้ว่าสถานะที่นักปราชญ์ซ่อนไว้ละ?
นักปราชญ์มองเซียวเฉวียนด้วยสายตาเปล่งประกาย เนิ่นนาน เขาเพิ่งพูดขึ้นว่า "เจ้าเป็นใคร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...