อ่านสรุป บทที่ 1203 มิมีคนตอบรับ จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1203 มิมีคนตอบรับ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ก่อนจะออกไปด้านนอกนั้น จางเคอพลันใช้เสื้อคลุมปลอมกายตนเองเพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นจดจำตนเองได้
หลังจากที่เขาเตรียมตัวพร้อมแล้ว จางเคอจึงชักม้าขี่ไปที่ประตูเมืองในทันที
เมื่อเซียวเฉวียนถูกจับตัวได้แล้วเช่นนี้ ท่านนักปราชญ์คงจะมีความสุขมากกระมัง
เดิมทีเขาคิดว่าอาจจะต้องใช้วิธีที่รุนแรงและดุเดือดมากกว่านี้ในการจับตัวเซียวเฉวียนเอาไว้ มิคิดเลยว่า พวกเขาจักสามารถจับตัวเซียวเฉวียนได้ง่ายดายกว่าที่คิดมากนัก เรื่องนี้ทำให้ท่านนักปราชญ์นึกประหลาดใจไม่น้อยเลย
เมื่อเซียวเฉวียนมิอาจเคลื่อนกายทำอันใดได้เช่นนี้ ให้ตายเช่นไรเขาก็คงมิอาจเล่นแง่เล่นกลอันใดได้อีกกระมัง
ฉะนั้นแล้ว ในยามนี้ท่านนักปราชญ์หาได้มีท่าทีรีบร้อนอันใดไม่ ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปหาเซียวเฉวียนอย่างช้าๆ
เมื่อครู่ กลุ่มคนเหล่านั้นต่างก็พากันโอบอุ้มเซียวเฉวียนเสมือนเทพเซียนก็ไม่ปาน ทั้งยังเอ่ยวาจาหยาบคายและไร้มารยาทใส่ท่านนักปราชญ์อีก
ในยามนี้ นักปราชญ์จักให้พวกเขาได้เห็นเต็ม ๆ ตาเสียที ว่าที่เซียวเฉวียนที่พวกเขากำลังปกป้องอยู่นั้น จะถูกนักปราชญ์เช่นเขาทารุณกรรมเช่นไรได้บ้าง
"ฮึ!"
ท่านนักปราชญ์พลางส่งเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความเย็นชา
เมื่อเดินไปได้ครึ่งก้าวนั้น จู่ ๆ ท่านนักปราชญ์กลับหยุดฝีเท้าลง พลางบริหารกำลังภายในของตนเอง ก่อนจะใช้แรงเหวี่ยงแส้เพื่อลากเซียวเฉวียนมาหยุดอยู่ตรงหน้านักปราชญ์ในทันที
เมื่อเหล่าราษฎรเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ต่างก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ท่านนักปราชญ์ต้องการจะสังหารเซียวเฉวียนหรืออย่างไร?
ฝ่าบาทรีบส่งคนมาช่วยเร็วเข้า!
หากยังมิมาตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ทันการแล้ว!
เหล่าราษฎรที่พากันมองดูอยู่นั้นต่างก็รู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก พลางหันไปมองด้านหลังว่าจักมีกองกำลังเสริม ถูกส่งมาช่วยเหลือเซียวเฉวียนหรือไม่
ไม่นานนัก จู่ ๆ พวกเขาพลันเห็นม้าเร็ววิ่งควบเข้ามาในทันที
ดูท่าว่า จักมาช่วยเหลือเซียวเฉวียนเป็นแน่
ดีจริง มีคนมาช่วยเซียวเฉวียนแล้ว!
เหล่าราษฎรจึงได้พากันหลีกทางให้กับม้าเร็วในทันที
พวกเขามิคิดเลยว่า บุคคลที่พวกเขาหลีกทางให้นั้น หาใช่คนที่จะมาช่วยเหลือเซียวเฉวียนไม่ แต่กลับเป็นคนที่ตั้งใจจะมาชื่นชมความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นแทน
เมื่อพวกเขาเห็นว่าบุคคลที่มาเยือนขึ้นไปยืนอยู่ข้างกายของท่านนักปราชญ์นั้น ทั้งยังมิคิดทำอันใดเพื่อเป็นการช่วยเหลือเซียวเฉวียนอีก พวกเขาจึงเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นความไม่ชอบมาพากลในทันที
เหตุการณ์ต่อมาพลันทำให้เหล่าราษฎรทั้งหลายได้รับคำตอบแล้วว่า
บุคคลที่เพิ่งมาถึงนั้น เพียงแค่ต้องการที่จะมาเหยียบย้ำซ้ำเติมเซียวเฉวียนเท่านั้น!
พระเจ้า!
ที่แท้บุคคลที่มาเยือนเป็นศัตรูของเซียวเฉวียนนี่เอง!
ช่างน่าเวทนายิ่งนัก!
ในคราก่อน เซียวเฉวียนลงไปท้าทายอำนาจของพยัคฆ์เช่นเว่ยเชียนชิวทุก ๆ สามวันนั้น เขาหาได้เป็นอันใดไม่ วันนี้เขาจักต้องมาตกอยู่ในกำมือของชายชราผู้นี้หรือ?
ฮือฮือฮือ
ไม่เอาสิ!
ต้าเว่ยยังต้องการคนที่มีพรสวรรค์เช่นเซียวเฉวียนอยู่
เหล่าราษฎรที่ยืนมองดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านั้น พลันรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก ทั้งยังเกาะติดสถานการณ์ตรงหน้ามิมีหยุด
เนื่องจากด้านปัญหาเรื่องทิศทาง จึงทำให้เหล่าราษฎรบางคนอาจจะมองมิค่อยเห็นบ้าง พวกเขาจึงค่อย ๆ เดินขยับขึ้นหน้าไปเรื่อย ๆ
ผู้ที่เพิ่งมาถึงได้ไม่นานนั้น ยัง มิทันไรก็ลงมือเตะเซียวเฉวียนอีกครั้ง นับว่าโชคดีที่เซียวเฉวียนยังคงพยุงตัวยืนอยู่ได้
คนผู้นี้คือใครกัน?
เหล่าราษฎรหาได้เคยพบเจอบุคคลที่กล้ากระทำเช่นนี้ต่อเซียวเฉวียนมาก่อนไม่
กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ทั้งยังแต่งตัวลับ ๆล่อ ๆ ราวกับภูตผีปีศาจก็ไม่ปาน เขาเป็นผู้ใดกัน?
ผู้มาเยือนนั้น หาใช่ใครอื่นใดไม่นอกเสียจากจางเคอที่ปลอมตัวมานั่นเอง
เซียวเฉวียนพลันจดจำเขาได้เพียงแค่มองแวบแรก
คนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะปลอมตัวแค่ไหน หากแต่สายตาที่แท้จริงของตนเองนั้นมิอาจเปลี่ยนแปลงไปได้
คนคนหนึ่งแม้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนเองออกไปได้ แต่มิอาจแปรเปลี่ยนจิตใจของตนเองไปได้
ดวงตาคือหน้าต่างของจิตวิญญาณ หากสามารถจดจำบุคคลเหล่านั้นผ่านแววตาของเขาได้แล้ว ย่อมมิใช่เรื่องยากที่จะจดจำบุคคลหนึ่งได้
แววตาของบุรุษที่ยืนมองเซียวเฉวียนนั้น นอกจากความโกรธเกรี้ยว ความอิจฉาริษยาแล้วนั้น ยังรวมไปถึงจิตใจที่เต็มไปด้วยความบิดเบี้ยวอีกต่างหาก
หากมองดูทั่วทั้งต้าเว่ยในยามนี้แล้วนั้น นอกจากจางเคอแล้ว ย่อมมิมีบุคคลที่สองเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น เซียวเฉวียนยังสามารถล่วงรู้จิตใจของผู้คนได้อีก คนผู้นี้ย่อมต้องเป็นจางเคอโดยไม่ต้องสงสัยเลย
เฮอะ!
มิคิดเลยว่า จางเคอจะถูกเว่ยเชียนชิวหลอกลวงออกมาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
ดูเหมือนว่า จางเคอยังคงมีประโยชน์ต่อเว่ยเชียนชิวอยู่กระมัง
มิเช่นนั้น ด้วยนิสัยเว่ยเชียนชิวแล้ว เขาย่อมมิมีทางช่วยจางเคออย่างแน่นอน
“ท่านนักปราชญ์ ช่วยข้าสังหารทหารยามผู้นั้นหน่อยเถอะขอรับ” จางเคอเอ่ยอย่างประจบประแจงออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับท่านนักปราชญ์แล้วนั้น จางเคอหาได้กล้าทำสิ่งใดไม่ แม้แต่วาจาที่เอ่ยออกมานั้นก็ยังต้องอ่อนลงแกมเอ่ยคำขอร้องอ้อนวอนออกมา
ทหารยามที่ต้องการจะปกป้องเซียวเฉวียนนั้น ช่างหน้าตายนัก!
“พอแล้ว” ท่านนักปราชญ์พลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย
ที่แห่งนี้คือต้าเว่ย นอกจากเซียวเฉวียนแล้ว ท่านนักปราชญ์มิต้องการสังหารผู้ใดอีก เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องราวบานปลายตามมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางเคอพลันก็รู้สึกมิค่อยพอใจเท่าใดนัก ทว่า เขาเองก็มิอาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ ทั้งยังมิกล้าทำให้ท่านนักปราชญ์ต้องขุ่นเคืองใจเช่นกัน เขาจึงได้แต่นั่งก้มหน้ารับฟังอย่างเงียบ ๆ แทน
หากแต่ จางเคอสามารถนำความโกรธและโมโหของตนไประบายที่เซียวเฉวียนได้
จางเคอจึงกรูเจ้ามาเตะเซียวเฉวียนหนัก ๆ ในทันที จนกระทั่งเฉวียนล้มลงไปกับพื้น
เซียวเฉวียนเพียงใช้สายตามองดูท่านนักปราชญ์และจางเคอด้วยท่าทีเฉยเมย หากแต่ภายในใจกลับครุ่นคิดว่า มิรู้ว่าผนึกจูเสินในร่างกำลังทำสิ่งใดกันอยู่ นายของตนถูกผู้อื่นรังแกเช่นนี้ หากแต่ตนเองกลับนางนิ่งดูดายเสียได้
หรือว่า มันหลับลึกอีกแล้ว?
“เหล่าจู?” เซียวเฉวียนพยายามตะโกนเรียกผนึกจูเสิน เข็มทองอาจจะทำให้เซียวเฉวียนมิอาจเปล่งวาจาออกมาได้ ทว่ามิอาจกีดกั้นเสียงเรียกภายในใจของเขาไปได้
ไม่มีการตอบรับ
“เหล่าจู?” เซียวเฉวียนจึงเพิ่งเสียงเรียกขึ้นมาอีก
แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนอง
เกิดอะไรขึ้นกับผนึกจูเสินในวันนี้กัน?
เซียวเฉวียนรู้สึกสงสัยยิ่งนัก ก่อนจะเอ่ยเรียกขึ้นมาอีกว่า "เหล่าจู?"
หากแต่มิมีผู้ใดตอบรับ
ไอ้เจ้านี่ มันกำลังทำอันใดอยู่กัน?
ในขณะเดียวกัน จางเคอพลางเดินก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับใช้เท้าเหยียบไปที่หน้าอกของเซียวเฉวียนอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้แรงเตะเสียจนวิ่งไปไกลหลายตลบ
หากพูดตามจริงแล้ว มันเจ็บยิ่งนัก!
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วลงในทันที ก่อนที่จะใช้กำลังภายในของตนบีบให้เข็มทองออกมา แต่ก็ต้องพบกว่าเขามิอาจใช้กำลังภายในของตนเองได้ ...
เรื่องใหญ่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...