ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1205

สรุปบท บทที่ 1205 การประลองสิ้นสุดลง: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 1205 การประลองสิ้นสุดลง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1205 การประลองสิ้นสุดลง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ในครานี้ เพียงเพื่อชีวิตของตัวเขาเองนั้น จางเคอหาได้คิดฟังคำพูดของนักปราชญ์ไม่ ทั้งยังมิคิดทำตามคำสั่งของเขาด้วย

นักปราชญ์ที่เห็นเช่นนั้น เขาอดมิได้ที่จะเป็นกังวลออกมา พลางเอ่ยเร่งเร้าออกมาว่า "เจ้าได้ยินหรือไม่? สังหารเซียวเฉวียนเสีย"

จางเคอพลันคว้าอาภรณ์ของเซียวเฉวียนเอาไว้ก่อนจะดึงเขาขึ้นมา พร้อมกับตนเองที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเซียวเฉวียน เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นนั้น กริชที่เดิมทีถูกวางพาดเอาไว้ที่บริเวณหัวใจ ในยามนี้จองเคอกลับปรับเปลี่ยนให้มาอยู่ที่คอของเซียวเฉวียนแทน

เมื่อนักปราชญ์เห็นการกระทำของจางเคอที่มิได้สนใจคำพูดของตนเองเช่นนั้นแล้ว ภายในใจของนักปราชญ์พลันรู้สึกโกรธโมโหยิ่งนัก พลางเอ่ยออกมาด้วยความดาดเดือดว่า "เจ้าได้ยินคำพูดของข้าหรือไม่!"

นับว่านี่เป็นคราแรกที่ท่านนักปราชญ์เอ่ยวาจาดุจางเคอเช่นนี้

หากให้เอ่ยตามตรง ในใจของจางเคอรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก

แต่เพื่อปกป้องชีวิตของตนเอง เขาจึงจำเป็นต้องผลักความหวาดกลัวที่มีต่อนักปราชญ์เอาไว้ด้านหลัง ถึงอย่างไร การจับตัวเซียวเฉวียนได้ในครานี้ จางเคอเองก็มีส่วนช่วยเหลืออยู่มาก เหตุใดจางเคอจักต้องไปฟังความของนักปราชญ์ด้วยเล่า?

ทั้งยังมาตะโกนด่าทอจางเคอเช่นนี้เอง นับว่าเป็นสิ่งที่จางเคอนึกรังเกียจที่สุด

ทว่า ท่านนักปราชญ์เองก็เป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อชีวิตของจางเคอเช่นกัน จางเคอเพียงแค่ไม่พอใจต่อการกระทำของท่านนักปราชญ์เท่านั้น เขาหาได้คิดที่จะฉีกหน้าตาของท่านนักปราชญ์ออกมาไม่ จางเคอพลางเอ่ยวาจาเกลี้ยกล่อมออกมาว่า "ท่านผู้เฒ่า หากสังหารเซียวเฉวียนไปแล้วไซร้ ชะตาชีวิตของพวกเราย่อมมิอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก"

แน่นอนว่าท่านนักปราชญ์รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จางเคอจำเป็นต้องมาเอ่ยเตือนสติเขาด้วยหรือ?

นักปราชญ์อดที่กลอกตาไปมา ก่อนจะจ้องมองไปที่จางเคอด้วยท่าทีนิ่งเงียบ "หากมิสังหารเซียวเฉวียน ชีวิตของพวกเราก็ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้อยู่ดี"

แท้จริงแล้ว ท่านนักปราชญ์เพียงแค่รู้สึกว่าชีวิตของจางเคอเท่านั้นที่ยากจะรักษาเอาไว้ได้ ท่านนักปราชญ์มีความสามารถมากพอ แม้นว่าเขาจะมิอาจเอาชัยต่อการต่อกรของชิงหลงไปได้ แต่ว่าเขาก็พอจะมีทักษะในการหลบหลีกเอาชีวิตรอดไปได้เช่นกัน

แผนการในยามนี้ คือการหลอกใช้ให้จางเคอสังหารเซียวเฉวียนทิ้งเสีย ส่วนชะตากรรมของจางเคอจักเป็นเช่นไรนั้น นั่นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเขาเอง

หลังจากสังหารเซียวเฉวียนลงแล้วไซร้ ท่านนักปราชญ์ก็จักเดินทางกลับไปยังซินเจียงในทันที เมื่อถึงเวลานั้นผู้คนในต้าเว่ยก็ไม่อาจะทำอันใดกับเขาได้อีก

"แต่" จางเคอมิต้องการสังหารเซียวเฉวียนลงในยามนี้ มิเช่นนั้นมันจักเป็นตัดหนทางรอดของเขาเอง

“มิมีคำว่า” สถานการณ์ในยามนี้นับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนนัก นักปราชญ์เองก็มิมีความอดทนอันใดที่พอจะมาเกลี้ยกล่อมกับจางเคออีกต่อไปแล้ว นักปราชญ์จึงก้มหัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของจางเคอ พลางกล่าวออมาว่า "จางเคอ รีบสังหารฆ่าเซียวเฉวียนเสีย ข้ามีหนทางที่จะพาเจ้ารอดออกไปด้วยกัน”

เมื่อจางเคอได้ยินเช่นนั้น จางเคอพลางเหลือบมองไปที่ท่านนักปราชญ์ด้วยความสงสัยในทันที

ท่านนักปราชญ์จึงส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจมองกลับไปที่จางเคอ

การสังหารเซียวเฉวียนไปได้นั้น นั่นคือสิ่งที่ท่านนักปราชญ์ใฝ่ฝันมากที่สุด ตราบใดที่เซียวเฉวียนถูกสังหารลงแล้ว ท่านนักปราชญ์ย่อมมิมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับแคว้นต้าเว่ยอีก

ส่วนเรื่องที่เขาจักสามารถช่วยชีวิตของจางเคอเอาไว้ได้หรือไม่นั้น ท่านนักปราชญ์หาได้สนใจมันไม่ ขอแค่เขามีทางรอดให้กับตนเองก็พอแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในครานี้ท่านนักปราชญ์สนใจเพียงแค่การตายของเซียวเฉวียนเท่านั้น เขามิได้สนใจว่าจางเคอจะอยู่หรือตาย

หากว่ากันตามจริงแล้ว ด้วยพละกำลังของจางเคอแล้วนั้น นักปราชญ์เองก็ไม่คิดว่าจางเคอจักสามารถช่วยชีวิตเขาได้หากอยู่ในเงื้อมมือของชิงหลง

อีกทั้ง จางเคอที่เปฌนบุคคลที่อารมณ์เต็มไปด้วยความแปรปรวน การคิดการอ่านในด้านของจิตใจหาได้ง่ายดายไม่ เขามักจะหวาดระแวงคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะท่านนักปราชญ์ที่มีที่มาที่ไปไม่แน่นอนเช่นนี้แล้ว จางเคอมักจะระวาดละแวงในตัวเขามาโดยตลอด

ฉะนั้นแล้ว จางเคอหาได้เชื่อในคำพูดของท่านนักปราชญ์ไม่ "ท่านผู้เฒ่า ท่านไปนำม้าตัวนั้นมาเถิด”

แม้แต่ในยามนี้ จางเคอยังคิดที่จะขี่ม้าเพื่อหลบหนีอีกหรือ?

หากยังเป็นเช่นนี้ นั่นหมายความว่าจางเคอมิได้คิดที่จะสังหารเซียวเฉวียน เขาต้องการเก็บเซียวเฉวียนไว้เป็นตัวประกันให้กับตนเอง?

นัยน์ตาของท่านนักปราชญ์พลางอดมิได้ที่จะฉายท่าทีดุร้ายออกมาในทันที ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วกรณีนี้ ท่านนักปราชญ์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจักต้องลงมือทำด้วยตนเอง

ชิงหลงที่มองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าได้พักหนึ่งแล้วนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยเย็นชาของเขาพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาราวกับมีน้ำแข็งเกาะในทันที

เมื่อมาอยู่ต่อหน้าชิงหลงเช่นนี้ กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ อันใดย่อมมิอาจหลุดพ้นจากสายตาของชิงหลงไปได้ หากว่าท่านักปราชญ์ต้องการจะลงมือต่อเซียวเฉวียนนั้น อย่าได้คิดจะมีชีวิตกลับไปเลย!

ในยามนี้ ชิงหลงพลางเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชาว่า "เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เหตุใดถึงได้ขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนี้!"

วาจาที่ชิงหลงเอ่ยออกมานั้น ทำให้ท่านนักปราชญ์และจางเคออดที่จะตัวสั่นขวัญผวาไปด้วยความกลัวไปไม่ได้

ทว่า หาได้ทำให้ท่านนักปราชญ์คิดที่จะล้มเลิกความคิดที่จะสังหารเซียวเฉวียนไปไม่ แต่กลับยังทำให้เขาคิดและมุ่งมั่นในความคิดองตนเองอีกด้วย

ท่านนักปราชญ์เองก็อดไม่ได้ที่จะรวบรวมจิตใจและความแข็งแกร่งภายในของตนเองออกมา ก่อนจะลงมือโจมตีไปที่เซียวเฉวียนด้วยฝ่ามือของเขา

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เมื่อเห็นว่าฝ่ามือของท่านนักปราชญ์กำลังจะตกลงบนตัวของเซียวเฉวียนนั้น ชิงหลงจึงทำการสลับที่เปลี่ยนตำแหน่งของเขา ณ จุดหนึ่งเพื่อไปยืนอยู่ตรงข้ามกับท่านนักปราชญ์ในทันที พลางโบกพัดในมือไปมาเบา ๆ ไม่นานนักก็เกิดลมกระโชกแรงที่พัดพาออกมาเสียจน ทำให้ท่านนักปราชญ์ต้องถอยออกไปเสียหลายก้าว

พร้อมกับชิงหลงที่ยกพัดขึ้นมาโบกไปมาในทันที ก่อนจะมีลมกระโชกแรงอีกสาย พัดตามมาความแรงของลมจึงแปรเปลี่ยนเป็นดาบพร้อมทั้งพุ่งแทงเข้าไปที่ท่านนักปราชญ์ในทันใด

........

........

ภายในตระกูลเซียว

ทันทีที่เสวียนอวี๋เปิดเผยอาวุธของตนเองออกมานั้น เสี่ยวเชียนชิวก็มิคอยท่า นางเองก็ดึงแส้ด้ามยาวของตนเองออกมาเช่นกัน

แส้กับหอกปะทะกันเช่นนี้ นับว่าเข้ากันได้ดียิ่งนัก

อีกทั้ง ความยืดหยุ่นความคล่องตัวของแส้ยาวยังดีกว่าหอกอยู่มาก

เสี่ยวเชียนชิวพลางเหม่อมองดูเสวียนอวี๋ด้วยความอย่างเย็นชา "เจ้า หากเจ้าแพ้ เจ้าจักต้องมาติดตามบิดาข้า"

เสี่ยวเชียนชิวรู้ดีว่า เซียวเฉวียนอยากจะใช้งานเสวียนอวี๋มากเพียงใด ดังนั้น เสี่ยวเชียนชิวจึงต้องการที่ช่วยเหลือเซียวเฉวียน พร้อมกับเอาเงื่อนไขนี้มาเป็นข้อตกลงในการประลอง

เงื่อนไขเช่นนี้ เสวียนอวี๋หาได้ชื่นชอบไม่ จักประลองก็ประลองสิ เหตุใดต้องมีเงื่อนไขให้เขาติดตามเซียวเฉวียนด้วย

อีกทั้ง เสี่ยวเชียนชิวช่างเอ่ยหว่านล้อมไม่เป็นเสียจริง นางเพียงเอ่ยแต่เงื่อนไขที่ตนเองชนะ ทว่า หาได้เอ่ยข้อแลกเปลี่ยนหากว่าตนเองพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้ไม่

นี่มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

โดยปกติแล้ว เสวียนอวี๋ย่อมมิยอมตกลงด้วยอย่างแน่นอน เขาพลันรีบเอ่ยประท้วงออกมาในทันทีว่า "ไม่ การประลองก็คือการประลอง ห้ามมีข้อตกลงใดๆ "

“เหตุใดถึงไม่อาจเพิ่มข้อตกลงเล่า หรือว่า เจ้ากลัวว่าตนเองจักแพ้?” เสี่ยวเซี่ยนชิวเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา “หากเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ประลองด้วย!”

พูดจบ เสี่ยวเชียนชิวพลันเตรียมที่จะหมุนกายกลับไป

อาณาเขตมนตราที่ปกป้องตระกูลเซียวอยู่นั้น เสี่ยวเชียนชิวสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ ทว่า เสวียนอวี๋มิอาจทำได้

มื่อเสี่ยวเชียนชิวหนีออกจากตระกูลเซียวไปเพื่อหลบเลี่ยงเสวียนอวี๋นั้น เสวียนอวี๋ย่อมมิอาจทำอันใดกับเสี่ยวเชียนชิวได้อีก

การประลองยุทธ์นั้นผู้ใดจะอยากประลองก็ทำไป ถึงอย่างไรหาใช่เสี่ยวเชียนชิวเป็นผู้เอ่ยปากขอประลองก่อนไม่

เมื่อเสวียนอวี๋ได้ยินคำพูดของเสี่ยวเชียนชิวเช่นนั้น เขาพลันมีสีหน้าบึ้งตึงไปในทันที "เจ้าจักไปไหนไม่ได้!"

ในเมื่อการประลองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ยังมิได้ตัดสินผู้ใดแพ้ชนะเลย ย่อมมิมีเหตุผลที่จะมาหยุดกลางคันเช่นนี้

"หากเจ้าอยากจะประลองกับข้านักละก็ เช่นนั้นเจ้าก็ตอบตกลงคำขอของข้าสิ " เป้าหมายของเสี่ยวเชียนชิวนั้นชัดเจนยิ่งนัก นอกจากจักทำให้เสวียนอวี๋มิมีทางเลือกอื่นแล้ว ยังทำให้เขายอมแพ้ต่อการประลองในครานี้ไปอีกด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย