ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1205

ในครานี้ เพียงเพื่อชีวิตของตัวเขาเองนั้น จางเคอหาได้คิดฟังคำพูดของนักปราชญ์ไม่ ทั้งยังมิคิดทำตามคำสั่งของเขาด้วย

นักปราชญ์ที่เห็นเช่นนั้น เขาอดมิได้ที่จะเป็นกังวลออกมา พลางเอ่ยเร่งเร้าออกมาว่า "เจ้าได้ยินหรือไม่? สังหารเซียวเฉวียนเสีย"

จางเคอพลันคว้าอาภรณ์ของเซียวเฉวียนเอาไว้ก่อนจะดึงเขาขึ้นมา พร้อมกับตนเองที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเซียวเฉวียน เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นนั้น กริชที่เดิมทีถูกวางพาดเอาไว้ที่บริเวณหัวใจ ในยามนี้จองเคอกลับปรับเปลี่ยนให้มาอยู่ที่คอของเซียวเฉวียนแทน

เมื่อนักปราชญ์เห็นการกระทำของจางเคอที่มิได้สนใจคำพูดของตนเองเช่นนั้นแล้ว ภายในใจของนักปราชญ์พลันรู้สึกโกรธโมโหยิ่งนัก พลางเอ่ยออกมาด้วยความดาดเดือดว่า "เจ้าได้ยินคำพูดของข้าหรือไม่!"

นับว่านี่เป็นคราแรกที่ท่านนักปราชญ์เอ่ยวาจาดุจางเคอเช่นนี้

หากให้เอ่ยตามตรง ในใจของจางเคอรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก

แต่เพื่อปกป้องชีวิตของตนเอง เขาจึงจำเป็นต้องผลักความหวาดกลัวที่มีต่อนักปราชญ์เอาไว้ด้านหลัง ถึงอย่างไร การจับตัวเซียวเฉวียนได้ในครานี้ จางเคอเองก็มีส่วนช่วยเหลืออยู่มาก เหตุใดจางเคอจักต้องไปฟังความของนักปราชญ์ด้วยเล่า?

ทั้งยังมาตะโกนด่าทอจางเคอเช่นนี้เอง นับว่าเป็นสิ่งที่จางเคอนึกรังเกียจที่สุด

ทว่า ท่านนักปราชญ์เองก็เป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อชีวิตของจางเคอเช่นกัน จางเคอเพียงแค่ไม่พอใจต่อการกระทำของท่านนักปราชญ์เท่านั้น เขาหาได้คิดที่จะฉีกหน้าตาของท่านนักปราชญ์ออกมาไม่ จางเคอพลางเอ่ยวาจาเกลี้ยกล่อมออกมาว่า "ท่านผู้เฒ่า หากสังหารเซียวเฉวียนไปแล้วไซร้ ชะตาชีวิตของพวกเราย่อมมิอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก"

แน่นอนว่าท่านนักปราชญ์รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จางเคอจำเป็นต้องมาเอ่ยเตือนสติเขาด้วยหรือ?

นักปราชญ์อดที่กลอกตาไปมา ก่อนจะจ้องมองไปที่จางเคอด้วยท่าทีนิ่งเงียบ "หากมิสังหารเซียวเฉวียน ชีวิตของพวกเราก็ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้อยู่ดี"

แท้จริงแล้ว ท่านนักปราชญ์เพียงแค่รู้สึกว่าชีวิตของจางเคอเท่านั้นที่ยากจะรักษาเอาไว้ได้ ท่านนักปราชญ์มีความสามารถมากพอ แม้นว่าเขาจะมิอาจเอาชัยต่อการต่อกรของชิงหลงไปได้ แต่ว่าเขาก็พอจะมีทักษะในการหลบหลีกเอาชีวิตรอดไปได้เช่นกัน

แผนการในยามนี้ คือการหลอกใช้ให้จางเคอสังหารเซียวเฉวียนทิ้งเสีย ส่วนชะตากรรมของจางเคอจักเป็นเช่นไรนั้น นั่นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเขาเอง

หลังจากสังหารเซียวเฉวียนลงแล้วไซร้ ท่านนักปราชญ์ก็จักเดินทางกลับไปยังซินเจียงในทันที เมื่อถึงเวลานั้นผู้คนในต้าเว่ยก็ไม่อาจะทำอันใดกับเขาได้อีก

"แต่" จางเคอมิต้องการสังหารเซียวเฉวียนลงในยามนี้ มิเช่นนั้นมันจักเป็นตัดหนทางรอดของเขาเอง

“มิมีคำว่า” สถานการณ์ในยามนี้นับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนนัก นักปราชญ์เองก็มิมีความอดทนอันใดที่พอจะมาเกลี้ยกล่อมกับจางเคออีกต่อไปแล้ว นักปราชญ์จึงก้มหัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของจางเคอ พลางกล่าวออมาว่า "จางเคอ รีบสังหารฆ่าเซียวเฉวียนเสีย ข้ามีหนทางที่จะพาเจ้ารอดออกไปด้วยกัน”

เมื่อจางเคอได้ยินเช่นนั้น จางเคอพลางเหลือบมองไปที่ท่านนักปราชญ์ด้วยความสงสัยในทันที

ท่านนักปราชญ์จึงส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจมองกลับไปที่จางเคอ

การสังหารเซียวเฉวียนไปได้นั้น นั่นคือสิ่งที่ท่านนักปราชญ์ใฝ่ฝันมากที่สุด ตราบใดที่เซียวเฉวียนถูกสังหารลงแล้ว ท่านนักปราชญ์ย่อมมิมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับแคว้นต้าเว่ยอีก

ส่วนเรื่องที่เขาจักสามารถช่วยชีวิตของจางเคอเอาไว้ได้หรือไม่นั้น ท่านนักปราชญ์หาได้สนใจมันไม่ ขอแค่เขามีทางรอดให้กับตนเองก็พอแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในครานี้ท่านนักปราชญ์สนใจเพียงแค่การตายของเซียวเฉวียนเท่านั้น เขามิได้สนใจว่าจางเคอจะอยู่หรือตาย

หากว่ากันตามจริงแล้ว ด้วยพละกำลังของจางเคอแล้วนั้น นักปราชญ์เองก็ไม่คิดว่าจางเคอจักสามารถช่วยชีวิตเขาได้หากอยู่ในเงื้อมมือของชิงหลง

อีกทั้ง จางเคอที่เปฌนบุคคลที่อารมณ์เต็มไปด้วยความแปรปรวน การคิดการอ่านในด้านของจิตใจหาได้ง่ายดายไม่ เขามักจะหวาดระแวงคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะท่านนักปราชญ์ที่มีที่มาที่ไปไม่แน่นอนเช่นนี้แล้ว จางเคอมักจะระวาดละแวงในตัวเขามาโดยตลอด

ฉะนั้นแล้ว จางเคอหาได้เชื่อในคำพูดของท่านนักปราชญ์ไม่ "ท่านผู้เฒ่า ท่านไปนำม้าตัวนั้นมาเถิด”

แม้แต่ในยามนี้ จางเคอยังคิดที่จะขี่ม้าเพื่อหลบหนีอีกหรือ?

หากยังเป็นเช่นนี้ นั่นหมายความว่าจางเคอมิได้คิดที่จะสังหารเซียวเฉวียน เขาต้องการเก็บเซียวเฉวียนไว้เป็นตัวประกันให้กับตนเอง?

นัยน์ตาของท่านนักปราชญ์พลางอดมิได้ที่จะฉายท่าทีดุร้ายออกมาในทันที ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วกรณีนี้ ท่านนักปราชญ์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจักต้องลงมือทำด้วยตนเอง

ชิงหลงที่มองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าได้พักหนึ่งแล้วนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยเย็นชาของเขาพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาราวกับมีน้ำแข็งเกาะในทันที

เมื่อมาอยู่ต่อหน้าชิงหลงเช่นนี้ กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ อันใดย่อมมิอาจหลุดพ้นจากสายตาของชิงหลงไปได้ หากว่าท่านักปราชญ์ต้องการจะลงมือต่อเซียวเฉวียนนั้น อย่าได้คิดจะมีชีวิตกลับไปเลย!

ในยามนี้ ชิงหลงพลางเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชาว่า "เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เหตุใดถึงได้ขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนี้!"

วาจาที่ชิงหลงเอ่ยออกมานั้น ทำให้ท่านนักปราชญ์และจางเคออดที่จะตัวสั่นขวัญผวาไปด้วยความกลัวไปไม่ได้

ทว่า หาได้ทำให้ท่านนักปราชญ์คิดที่จะล้มเลิกความคิดที่จะสังหารเซียวเฉวียนไปไม่ แต่กลับยังทำให้เขาคิดและมุ่งมั่นในความคิดองตนเองอีกด้วย

ท่านนักปราชญ์เองก็อดไม่ได้ที่จะรวบรวมจิตใจและความแข็งแกร่งภายในของตนเองออกมา ก่อนจะลงมือโจมตีไปที่เซียวเฉวียนด้วยฝ่ามือของเขา

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เมื่อเห็นว่าฝ่ามือของท่านนักปราชญ์กำลังจะตกลงบนตัวของเซียวเฉวียนนั้น ชิงหลงจึงทำการสลับที่เปลี่ยนตำแหน่งของเขา ณ จุดหนึ่งเพื่อไปยืนอยู่ตรงข้ามกับท่านนักปราชญ์ในทันที พลางโบกพัดในมือไปมาเบา ๆ ไม่นานนักก็เกิดลมกระโชกแรงที่พัดพาออกมาเสียจน ทำให้ท่านนักปราชญ์ต้องถอยออกไปเสียหลายก้าว

พร้อมกับชิงหลงที่ยกพัดขึ้นมาโบกไปมาในทันที ก่อนจะมีลมกระโชกแรงอีกสาย พัดตามมาความแรงของลมจึงแปรเปลี่ยนเป็นดาบพร้อมทั้งพุ่งแทงเข้าไปที่ท่านนักปราชญ์ในทันใด

........

........

ภายในตระกูลเซียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย