สรุปเนื้อหา บทที่ 1206 บีบเค้นข็มทอง – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1206 บีบเค้นข็มทอง ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ในการประลองยุทธ์ในครานี้ เดิมทีเสวียนอวี๋ต้องการล้างแค้นให้กับความอับอายของเขา ทว่า ไม่ว่าเขาจักคิดถึงมันมากเท่าใด เขากลับยิ่งรู้สึกอับอายมากเท่านั้น
ในเมื่อเขาไม่สามารถเอาชนะเสี่ยวเชียนชิวได้ภายในเสี้ยว
ลืมมันไปเสียเถอะ ในเมื่อเสี่ยวเชียนชิวยังมีท่าทียโสโอหังราวกับตนเองได้ชัยในครานี้ไปแล้ว
มันกลับทำให้เสวียนอวี๋รู้สึกโมโหมากขึ้นเท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จักให้เสวียนอวี๋ยอมแพ้ต่อการประลองไป เขาไม่อาจกล้ำกลืนความโกรธโมโหนี้ลงไปได้
เสวียนอวี๋ลีลาอยู่พักหนึ่ง พลางหันไปถลึงตาจ้องมองเสี่ยวเชียนชิว ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า "จักให้ข้าตอบตกลงนั้น หาใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่หากเจ้าพ่ายแพ้เล่า?"
“ข้าไม่มีวันพ่ายแพ้” เสี่ยวเชียนชิวเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ
เฮอะ! เอ่ยออกมาด้วยวาจายิ่งใหญ่ยิ่งนัก..
“ไม่ได้ พวกเราจักต้องมาทำข้อตกลงกันเสียก่อน” เสวียนอวี๋เอ่ยปฏิเสธออกมา
เพื่อความเป็นธรรม เสวียนอวี๋จะต้องให้เสี่ยวเชียนชิวเอ่ยสัญญากับตนเองมาเสียก่อน มิเช่นนั้นไม่อาจเริ่มการประลองได้
“หากข้าพ่ายแพ้ให้แก่เจ้า ไม่ว่าจักเป็นข้อเสนอในเรื่องใดข้าล้วนทำทั้งหมด” เสี่ยวเชียนชิวกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา
“ตกลง!” เสวียนอวี๋ตอบรับ
เมื่อทำสัญญากันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ทั้งสองพลันพุ่งตัวเข้าโรมรันกันใหม่อีกครั้ง
"ชิ้ง!"
"ชิ้ง!"
ทั้งแส้และหอกต่างก็พัดพาสายลมเข้ามา ทำเอาผู้คนที่ได้ยินนั้นนึกตื่นเต้นยิ่งนัก พร้อมกับจับจ้องมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าโดยไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตาลง
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ต่างก็กลัวว่าบรรพบุรุษตัวน้อยทั้งสองคนจะหันอาวุธเข้าหาพวกเขา เช่นนี้ก็วุ่นวายมากแล้ว
"ว้าว! เสี่ยวเชียนชิวยอดเยี่ยมมาก!" เหมิงเอ้าที่ตื่นเต้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมออกมา
หากว่ากันตามจริงแล้ว เหมิงเอ้าในยามนี้จักสามารถประลองกับเสวียนอวี๋ได้หรือไม่นั้น?
เหมิงเอ้าคิดมากเกินไป
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นเหมิงเอ้าเองก็จะเคยประลองฝีมือกับเสี่ยวเชียนชิวมาเช่นกัน ทว่า เขาก็สามารถเอาชนะมาได้เพียงไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น
แต่หลังจากที่ เสี่ยวเชียนชิวขยันฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแล้ว ความแข็งแกร่งของนางพลันก้าวกระโดดขึ้นมาจนขึ้นนำหน้าเหมิงเอ้าไปหลายก้าวเลยทีเดียว
หากเป็นเช่นนี้ เหมิงเอ้าเองก็หาใช่คู่ต่อสู้ของเสวียนอวี๋ไม่
ในวันนี้เอง เสี่ยวเชียนชิวก็คงจะประลองฝีมือเสมอกับเสวียนอวี๋เท่านั้น การประลองของทั้งคู่ยังนับว่ายากที่จะพิจารณาได้ว่าผู้ใดจะได้ชัยผู้ใดจะพ่ายแพ้ไปได้
เงาร่างเล็กทั้งสองคน ต่างก็เคลื่อนที่ว่องไวไปมาราวกับสายฟ้าฟาด
ทั้งแส้และหอกที่ต่างเข้าโรมรันกันจนแยกกันไม่ออกนั้น ทันทีที่แส้พันรอบหอก หอกพลันรีบดึงตัวออกจากพันธนาการในทันที
ในทักษะของเสี่ยวเซี่ยนชิวแล้วนั้น เมื่อทุบตีเสวียนอวี๋นาน ๆ เข้า ทำเอาเสวียนอวี๋ทนไม่ไหวร้องตะโกนออกมาว่า "เอานี่ไปกินเสีย!"
พูดจบ เสวียนอวี๋จึงยกหอกขึ้นสูง ก่อนจะกวาดด้ามไม้พร้อมตั้งแทงพุ่งเข้าไปหาเสี่ยวเชียนชิวด้วยความว่องไวในทันที
เสี่ยวเชียนชิวที่มีวิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณนั้น เพียงแค่นางขยับตัว พลันหลบคมหอกของมีเสวียนอวี๋ได้ในทันใด
แต่ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเชียนชิวพลันเคลื่อนกายไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของเสวียนอวี๋ พลางใช้แส้ยาวในมือของตนเองนั้นพันรอบมือของเสวียนอวี๋เอาไว้
พร้อมทั้ง เพียงแค่เสี่ยวเชียนชิวออกแรงดึงแส้เส้นยาวออกมาอย่างเต็มแรง ก็ทำให้ข้อมือทั้งสองข้างของเสวียนอวี๋รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง ทำเอาหอกในมือของเสวียนอวี๋หลุดออกมาหล่นกระแทกลงพื้นไปในทันที
เมื่อถูกแส้เส่นยาวของเสี่ยวเชียนชิวมาพันรัดตัวเช่นนี้แล้ว ยิ่งทำให้เสวียนอวี๋นึกไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก เขาลอบใช้กำลังภายในของตนเพื่อหลุดออกจากการพันธนาการของแส้เส้นยาวเอาไว้
ว่า ไม่ว่าเสวียนอวี๋จะออกแรงมากขึ้นเท่าใด แส้เส้นยาวของเสี่ยวเชียนชิวก็ยิ่งรัดเขาแน่นมากขึ้นเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของเสวียนอวี๋พลันบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดในทันที
ถึงแม้จะมีสถาพเป็นเช่นนี้แล้วก็ตามแต่ ทว่า เสวียนอวี๋ยังคงดิ้นรนอย่างไม่หยุดยั้ง
“เจ้าอย่าเสียเวลาเลย เจ้าไม่อาจหลุดพ้นจากพันธการของข้าไปได้หรอก แส้เส้นยาวเป็นบรรพบุรุษคุนหลุนที่มอบให้กับข้า” เสี่ยวเชียนชิวเอ่ยออกมาด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
ชิงหลงกล่าวว่า แส้ยาวเป็นผลงานของคุนหลุน เมื่อรวมถึงวรยุทธ์ของคนคุนหลุนแล้วนั้น พลังของมันมีแต่จะไร้ขอบเขต อีกทั้งยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะหลุดพ้นมันไปได้
“หากเจ้าทำได้ ก็ปล่อยข้าออกมาเสีย แล้วเรามาประลองกันอีกสักรอบ” เสวียนอวี๋พลางจ้องมองไปที่เซียวเซี่ยนชิวด้วยความโกรธเกรี้ยว
เสี่ยวเชียนชิวกล้าใช้อาวุธชั่วร้ายนั่น การประลองนี่ไม่นับ
อาวุธของคุนหลุนนั้น ในสายตาของเสวียนอวี่แล้ว มันก็มิต่างอะไรจากอาวุธที่ชั่วร้าย
“ในยามที่เจ้าใช้กิ่งหลิวฟาดข้าเล่า เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่ากิ่งหลิวก็เป็นอาวุธที่ชั่วร้ายเช่นกัน?” เสี่ยวเชียนชิวพลางเอ่ยตะคอกออกมาด้วยความเย็นชา “ตนเองฝีมือย่ำแย่แท้ ๆ แต่กลับมาโทษทักษะอาวุธเสียได้”
อารมณ์ขี้โมโหเช่นนี้ แม้แต่อิสตรีก็ยังมิสู้เท่า
เสวียนอวี๋ที่ถูกเสี่ยวเชียนชิวเอ่ยด่าทอออกมานั้น ก็พลันเกิดอาการพูดไม่ออกไปในทันที
“ข้าขอถามเจ้า เจ้าจักยอมแพ้หรือไม่” เสี่ยวเชียนชิวพลางเอ่ยถามออกมาอย่างใจเย็น
เขาจักมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?
เรื่องนี้ชักจะแปลก ๆ มากขึ้นไปทุกทีแล้ว!
เหล่าฝูงชนราวกับได้นั่งฟังเรื่องซุบซิบเรื่องใหม่ในทันที
สุนัขกัดกันเองเช่นนี้ เยี่ยมเลยจริง ๆ
หากว่ากันจริงก็น่าแปลกนัก แม้ว่าเมื่อครู่หูของจางเคอจะได้ยินเสียงดังอยู่ตลอด ทว่า ในคราวนี้เขากลับได้ยินเสียงที่ท่านนักปราชญ์เอ่ยเรียกชื่อของตนเองได้อย่างชัดเจน
มารดามันเถอะ!
ท่านนักปราชญ์ใจร้ายยิ่งนัก!
เขารู้อยู่เต็มอกว่าจางเคอมิต้องการเปิดเผยตัวตน เขากลัวว่าใต้หล้าจักไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ใดหรืออย่างไรกัน ถึงได้เอ่ยคำรามออกมาเสียงดังลั่นแบบนั้น
นี่มิใช่ว่าท่านนักปราชญ์ต้องการจะทำร้ายจางเคองั้นหรือ?
จางเคอพลางจ้องมองไปที่นักปราชญ์ด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะร้องตะโกนว่า "ท่านผู้เฒ่า ท่าน!"
ในขณะเดียวกัน ท่านนักปราชญ์ก็ได้ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง เพื่อเตรียมพุ่งโจมตีใส่เซียวเฉวียน
ท่านนักปราชญ์ที่รู้สึกว่าความเร็วของตนเองเร็วมากนั้น แต่ความว่องไวของชิงหลงกลับรวดเร็วยิ่งกว่า ดังนั้นท่านนักปราชญ์จึงได้ใช้กำลังภายในของตนบีบคั้นให้เข็มทองสองด้ามออกจากร่างของเซียวเฉวียนผ่านอากาศในทันที
นับว่าบังเอิญยิ่งนัก เมื่อเข็มทองทั้งสองด้ามตกลงบนพื้นไปได้ไม่นาน มันพลันพุ่งตรงเข้าไปหาท่านนักปราชญ์ในทันใด
เมื่ออาวุธแปรเปลี่ยนทิศทางมาเช่นนี้ ทำเอาท่านนักปราชญ์เองยังอดที่จะถลึงตาโตตกใจออกมาไม่ได้ ในยามที่จะขยับกายหลบนั้น กลับไปอาจหลบเข็มทองได้พ้น
พร้อมทั้งเข็มทองทั้งสองด้ามที่แทงทะลุเข้าร่างของท่านนักปราชญ์ไปในทันที
“เฮือก!” นักปราชญ์ถึงกับส่งเสียงฮึดฮัดออกมา
แม้ว่าเข็มทองด้ามยาวจะบางเพียงใด แต่มันก็ยังทำให้ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดได้อยู่ดี
นับว่าโชคดีที่เข็มทองทั้งสองเล่มแทงเข้าไปมิได้โดนจุดสำคัญอันใดในร่างกาย มิเช่นนั้น ท่านนักปราชญ์คงได้รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อยู่บ้าง
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนเป็นอิสระเช่นนี้ มือของจางเคอพลันเกิดอาการสั่นเทาขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจในทันที ก่อนจะร้องเตือนขึ้นมาว่า "อย่าขยับ มิเช่นนั้น หากข้ากดแรงลงไป เจ้าได้ตายสมใจแน่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...