“เช่นนั้นข้าจะลองดู” เซียวเฉวียนกล่าวออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย
พูดจบ เซียวเฉวียนพลันยกมือมาคว้ามือของจางเคอที่ถือกริชเอาไว้ "มา แทงตรงนี้แรง ๆ เลย"
การกระทำเช่นนี้ ทำเอาจองเคอที่โกรธโมโหและจ้องมองอยู่นั้น ถึงกลับมิกล้าทำสิ่งใดขึ้น ในใต้หล้ายังมิผู้ใดมิต้องการชีวิตของตนเองเช่นเซียวเฉวียนอีกหรือ
แม้แต่กริชที่วางทาบอยู่บนคอของเซียวเฉวียนนั้น เขาหาได้มีท่าทีเกรงกลัวอันใดไม่
หึ!
มีสิ่งใดให้ต้องกลัวเล่า ในยามนี้ ชีวิตของจางเคอขึ้นอยู่กับเซียวเฉวียนแล้ว หากเซียวเฉวียนตายไป จางเคอก็จักต้องตกไปอยู่ในชั้นต่ำสุดเช่นกัน
ดังนั้น ก่อนที่จางเคอจะหลบหนีออกไปได้ เขาย่อมมิกล้าที่จะสังหารเซียวเฉวียน
การสังหารเซียวเฉวียนนั้น ก็มิต่างอันใดกับปลิดชีพจางเคอเอง
มือที่สั่นเทาของจางเคอ เขาค่อยเดินถอยหลังกลับไป ราวกับกลัวว่าตนเองจะเผลอแทงเซียวเฉวียนเข้า
เมื่อท่านนักปราชญ์เห็นว่าจางเคอลังเลที่จะลงมือนั้น เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าจางเคอมิสามารถพึ่งพาได้อีก เขาทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
ชิงหลงที่ยืนอยู่ตรงข้ามกำลังจ้องมองดูท่านนักปราชญ์ด้วยสีหน้าที่สงบเงียบ หากท่านนักปราชญ์เคลื่อนไหวตัวแม้แต่เพียงนิดเดียว ชิงหลงก็จะเข้าไปหยุดการกระทำของเขาทันที
ท่านนักปราชญ์เองก็ยังลอบมองดูชิงหลงด้วยท่าทีระมัดระวังตน มือของตนเองที่แอบซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อนั้น พลันค่อย ๆ ลอบหยิบเข็มทองออกมาสองสามด้ามอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะใช้กำลังภายในส่งพลังออกมาให้พุ่งตรงเข้าไปแทงเซียวเฉวียนในทันใด
การกระทำของท่านนักปราชญ์ในครานี้ นับว่าทำได้อย่างลื่นไหลยิ่งนัก เขารู้สึกได้เลยว่ามิมีผู้ใดลอบสังเกตทันอย่างแน่นอน ในคราวนี้ เซียวเฉวียนมิอาจหนีรอดไปได้แน่
เมื่อคิดว่าแผนการของตนเองกำลังจำสำเร็จนั้น ท่านนักปราชญ์พลางหันกลับไปมองเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าที่ได้ใจ เพื่อรอดูเซียวเฉวียนล้มลงไปกับพื้น
มิคาดคิดเลยว่า จู่ ๆ พลันมีลมวายหนึ่งพัดเข้ามา ทำเอาหัวใจของท่านนักปราชญ์รู้สึกเย็นยะเยือกยิ่งนัก
เข็มทองเหล่านั้นไม่เพียงแต่ไปมิถึงจุดหมาย ทั้งยังแปรเปลี่ยนทิศทางพุ่งตรงเข้ามาแทงร่างของท่านนักปราชญ์อีกครั้ง ทว่า กลับแทงเข้าไปได้เพียงแค่ครี่งเล่มเท่านั้น
หากท่านนักปราชญ์มิมีสติมากพอ ใช้กำลังภายในขึ้นมาห่อหุ้มตนเองเสียก่อน เข็มทองพวกนั้นคงได้พุ่งแทงเข้ามาในตัวของท่านนักปราชญ์หมดทั้งเล่มเป็นแน่
มารดามันเถอะ มีชิงหลงอยู่เช่นนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อาจทำอันใดกับเซียวเฉวียนได้เลยแม้แต่น้อย
ท่านนักปราชญ์อดมิได้ที่จะคร่ำครวญกับตนเองภายในใจ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกคงมิใช่ทางเลือกที่ดีนัก ท่านนักปราชญ์ควรจักไว้ชีวิตเซียวเฉวียนเป็นการชั่วคราวหรือไม่?
สิ่งสำคัญก็คือทางฝั่งซินเจียงนั้น สถานการณ์น่าเป็นห่วงมากกว่าจนเขามิอาจวางใจได้เลย หากว่าท่านนักปราชญ์ยังไม่กลับไปดูแลสถานการณ์โดยรวมในสำนักหมึงเซียนอีก เกรงว่าเขาคงมิอาจรักษาสำนักหมิงเซียนไว้ได้เป็นแน่
สำนักหมิงเวียนมิสมควรจะมาจบลงภายใต้เงื้อมมือของเขาเช่นนี้ มิเช่นนั้น ท่านนักปราชญ์จักมีหน้าไปเจอกับเหล่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วได้เช่นไร
หลังจากคิดพิจารณาดูทุกทางแล้วนั้น ในที่สุดท่านนักปราชญ์ก็ได้ตัดสินใจที่จะไว้ชีวิตเซียวเฉวียนไปก่อน
ในยามที่ท่านนักปราชญ์กำลังคิดหาทางหนีนั้น เซียวเฉวียนพลางเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชาว่า "ท่านบรรพบุรุษ มิอาจปล่อยให้เขาหนีไปได้"
ในคราแรก เซียวเฉวียนตั้งใจจะปล่อยให้เขากลับไปที่ซินเจียง หากแต่ท่านนักปราชญ์กลับไม่ยอมกลับ ฉะนั้น ในยามนี้เซียวเฉวียนเปลี่ยนใจแล้ว
“ได้!” ชิงหลงพลางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
ทันใดนั้น ชิงหลงจึงสะบัดพัดในมืออีกครั้ง พร้อมกับสายลมมากมายพุ่งเข้ามาทิ่มแทงร่างของท่านนักปราชญ์อย่างแม่นยำในทันที เพียงแค่นักปราชญ์กำลังจะเคลื่อนกายหลบหนีนั้น ชิงหลงก็จักทำการโบกพัดในมือเบา ๆ ยามที่ท่านนักปราชญ์มิทันได้ตั้งตัวนั้น ท่านนักปราชญ์ก็พลันตกอยู่ในกรงล้อมของชิงหลงเสียแล้ว
ในใต้หล้า หากได้มีสิ่งใดที่อาณาเขตของชิงหลิงจักจัดการไม่ได้ไม่
หากว่ามีจริง นับว่าไร้สาระยิ่งนัก!
เมื่อถูกชิงหลงจับขังเอาไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ใบหน้าของท่านนักปราชญ์พลันเผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมาจนดำคล้ำไปในทันที "ชิงหลง! ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้!"
ชิงหลงพลันส่งยิ้มออกมาด้วยท่าทีเศร้าใจ "อัยหยา ขอโทษด้วย เจ้าเรียกผิดคนแล้ว"
ที่จักเป็นคนตัดสินใจว่าจะปล่อยท่านนักปราชญ์ไปหรือไม่นั้น ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเซียวเฉวียน
หากให้ท่านนักปราชญ์เอ่ยขอร้องให้เซียวเฉวียนปล่อยตัวเอาเขาไปนั้น ท่านนักปราชญ์ย่อมมิทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ทั้งยังมินึกสนใจด้วย เขาเอาแต่มาตามตื้อชิงหลงแทน "ชิงหลง ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้"
ชิงหลงหาได้มีบุญคุณความแค้นอันใดกับนักปราชญ์ไม่ราวกับย้ำบ่อมิยุ่งกับน้ำโคลน ทว่า ทั้งเซียวเฉวียนและนักปราชญ์ต่างมีความแค้นและเกลียดชังต่อกันมากมายนัก แม้แต่คนโง่ยังรู้เลยว่าเข้าหาชิงหลงนั้นมีประโยชน์มากกว่าหาเซียวเฉวียนเสียอีก
อีกทั้ง ท่านนักปราชญ์ถูกชิงหลงจับตัวเอาไว้ ย่อมเป็นชิงหลงปล่อยตัวเขาไปจึงจะถูก
ยิ่งไปกว่านั้น ชิงหลงเองก็หาใช่คนของต้าเว่ยไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับท่านนักปราชญ์เพื่อเซียวเฉวียน
เมื่อได้ยินเสียงในใจของท่านนักปราชญ์แล้วนั้น ชิงหลงพลางแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพูดออกมาทีละคำว่า "เจ้าต้องการให้ข้าปล่อยตัวเจ้าไป เจ้าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากที่ใดกัน?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...