ลงมือกับพวกเล่นวิชาแมวสามขาอย่างจางเคอ สำหรับยอดฝีมืออย่างเซียวเฉวียน เป็นเรื่องจิ๊บๆ
จางเคอโดนฝ่ามือของเซียวเฉวียนฟาดเข้าไปทีหนึงอย่างไม่ทันระวังตัว เจ็บจนร้อง "อั้ก !" ดาบสั้นในมือก็หยิบจับไม่อยู่ร่วงลงกับพื้นดัง "เคร้ง"
เซียวเฉวียนแก้ไขวิกฤตไปได้อย่างสบายๆ เขาหันกลับมามองจางเคออย่างเย็นชา ไม่พูดอะไรสักคำ
มาคุยอะไรกับจางเคอตอนนี้ เปลืองกำลังปอดมาก
ยิ่งไปกว่านั้น จางเคออาจได้ยินไม่ชัดเจน
พระอาทิตย์บนท้องฟ้าสดใส แดดเผาแรงมาก
ตั้งแต่เล็กจนโต เซียวเฉวียนไม่ชอบถูกแสงแดดที่แผดจ้า
ฉะนั้น ไม่พูดพร่ำทำเพลง เซียวเฉวียนส่งสัญญาณสายตาไปยังชิงหลง ให้ชิงหลงพาจางเคอกลับไปพร้อมกับเขา
เมื่อได้รับคำสั่งจากเซียวเฉวียน ชิงหลงก็พยักหน้า โบกมือเบา ๆ สร้างม่านกำบังมาคลุมจางเคอไว้
จากนั้น ชิงหลงก็หิ้วทั้งสองกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับเซียวเฉวียน
แต่ว่า ทั้งสองไม่ได้กลับไปที่จวนเซียว แต่ไปหาสถานที่ห่างไกลที่อื่น เอาสองคนวางไว้
พูดให้แม่นเหมาะก็คือ กักขังนักปราชญ์ไว้นั่นแหละ
ส่วนจางเคอ เซียวเฉวียนกะจะปล่อยเสือเข้าป่า
เพื่อหลอกล่อจางเคอและป้องกันไม่ให้เขารู้ว่าเซียวเฉวียนตั้งใจให้เขาหลบหนี เซียวเฉวียนขอให้ชิงหลงถอนม่านกำบังของจางเคอออก และเปลี่ยนใช้หวายมาผูกจางเคอไว้
หวาย ขอให้มันถูกับสิ่งแข็งๆ และมีความเพียร มันก็จะขาดจากกันไม่ช้าก็เร็ว
เมื่อหวายขาด จางเคอก็มีโอกาสหลบหนี
ก่อนที่ทั้งสองจากไป พวกเขายังเอาผ้ายัดปิดปากของจางเคอไว้
ระหว่างทาง จางเคอเอาแต่ร้องว่า "ปล่อยข้าไป !" ทั้งดุด่าเซียวเฉวียนตลอด
แถมเสียงหนวกหูมาก จนขี้หูของเซียวเฉวียนและชิงหลงสะเทือนร่วงออกหมด ทรมานหูจริงๆ
สำหรับนักปราชญ์นั้น ชิงหลงได้หิ้วนักปราชญ์ออกไปต่อหน้าจางเคอ และขังเขาไว้ยังที่อีกด้านหนึ่งอย่างเงียบ ๆ ชิงหลงได้เพิ่มม่านกำบังอีกชั้นหนึ่งให้กับนักปราชญ์ไว้ด้านนอกเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงของนักปราชญ์เล็ดลอดออกมาและป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้นักปราชญ์
ดังนั้น จางเคอจะไม่พบเห็นง่ายๆ ว่านักปราชญ์ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ถึงแม้จะพบเห็น ทั้งสองก็ไม่อาจสมรู้ร่วมคิดอะไรได้
......
......
ที่จวนเซียว
"สาม !"
"สอง !"
"หนึ่ง !"
เสียงตกปั๊บ เซียนชิวน้อยก็ฟาดแส้ยาวอย่างแรง ถูกแอปเปิ้ลใบนั้นอย่างเจ๋งเป้งจนเละไปหมด
หุ ๆ ๆ
เสวียนอวี๋มองการกระทำที่ยั่วยุของเซียนชิวน้อย ความอิจฉาและไม่ยอมแพ้ปรากฏขึ้นในดวงตา
พลาดนิดเดียว หอกของเสวียนอวี๋ยังคงด้อยกว่าแส้ของเซียนชิวน้อยนิดหนึ่ง
ทั้งๆ ที่เซียนชิวน้อยช้าไปกว่านับสามครั้ง เธอก็ยังชนะได้
เธอทำได้ยังไงเนี่ย ?
ต่อหน้าสายตาทุกคน เสวียนอวี๋ได้ตกลงยอมรับกติกาการประลอง เสวียนอวี๋ก็ยังแพ้อีก หากเขายังคิดจะบ่ายเบี่ยง ก็จะแสดงว่าเขาเป็นคนแพ้ไม่เป็น ขี้แพ้ชวนตี
โดยเฉพาะเซียนชิวน้อย ถึงกับยอมยกให้นับสามครั้งกับเสวียนอวี๋
เสวียนอวี๋ก็ไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดๆ ได้
ครั้งนี้ เสวียนอวี๋ยังแพ้น่าเกลียดยิ่งกว่าครั้งที่แล้วอีก
หุ ๆ ๆ
เสวียนอวี๋มองดูเซียนชิวน้อยด้วยความคับแค้นใจอย่างมากและพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ "พี่ชิว ขอโทษ ฝีมือข้าสู้พี่ไม่ได้"
การเรียกว่าพี่ชิวคำนี้ทำให้เซียนชิวน้อยจิตใจเบิกบานสะพรั่ง เธอรู้สึกมีความสุขในใจ แต่ใบหน้าของเธอก็สงบนิ่ง "งั้นเจ้ายอมแพ้หรือ ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...