บทที่ 1209 เจ็บปวดร้าวใจ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1209 เจ็บปวดร้าวใจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
อย่างไรก็ตาม ชิงหลงมีความคิดเห็นต่างกัน "เจ้านาย ให้ม่านกำบังคงอยู่อย่างนี้แหละ มันไม่เกะกะอะไรเรา"
ใช่ มีม่านกำบังอยู่ ผู้คนในจวนเซียวก็ยังสามารถเข้าออกได้ตามปกติ สำหรับคนในจวนเซียว ไม่ว่าม่านกำบังจะมีหรือไม่ก็ตาม
แล้วก็เมื่อบุคคลภายนอกเข้าออก ขอให้มีคนของจวนเซียวพาไป ก็ไปได้ไม่ติดขัดอะไร
สุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด
ในเมื่อบรรพบุรุษอาวุโสพูดเช่นนี้ เซียวเฉวียนจะนำความคิดเห็นนี้ไปใช้ เซียวเฉวียนจึงพูดเบา ๆ "ตกลง ทำตามที่บรรพบุรุษอาวุโสว่า เก็บมันไว้ก่อน"
ลองคิดดูแล้ว ตอนนี้ทุกคนในจวนตระกูลเซียวมีวิทยายุทธ์สูง ผู้ที่ไม่มีวิทยายุทธ์ก็ยังมีปืนพกอยู่ในมือ พวกเขาไม่กลัวหนึ่งหมื่น แต่ต้องป้องกันกรณีหนึ่งในหมื่น
เอาไว้ก่อนก็ดี เผื่อไว้ในกรณีที่ถูกพลังมืดที่ไหนมาสังหารหมู่จวนเซียวอีก
พอนึกถึงสังหารหมู่จวนเซียว เซียวเฉวียนก็เกิดแรงอาฆาตพยาบาทขึ้นมาทันที เขาเคยรับความเจ็บปวดร้าวใจ จะต้องให้นักปราชญ์และหมิงเจ๋อได้รับความเจ็บปวดร้าวใจทวีขึ้นสองเท่าอย่างแน่นอน
สำหรับนักปราชญ์และหมิงเจ๋อ การทรมานของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเอง
เซียวเฉวียนสั่งบรรพบุรุษอาวุโสแล้ว ทุกระยะเวลาหนึ่ง ก็ให้นักปราชญ์ติดต่อกับสำนักหมิงเซียน ให้เขารับรู้สถานการณ์ปัจจุบันของสำนักหมิงเซียน
เท่าที่เซียวเฉวียนรู้ มู่เวยยังไม่ได้กลับไปที่สำนักหมิงเซียนตั้งแต่จากกันที่ทะเลทรายกับมู่เวย
ส่วนมู่เวยไปที่อยู่ไหน ไม่มีใครรู้ ดูเหมือนเธอจะหายตัวไปจากโลกนี้ แต่นั่นไม่เหมือนกับอุปนิสัยของเธอ
ดังนั้นตอนนี้ ที่สำนักหมิงเซียนมียายเหยียนเพียงคนเดียวที่อยู่ดูแล
ยิ่งกว่านั้น หลังจากเหตุการณ์ในทะเลทราย ศิษย์ของสำนักหมิงเซียน ที่ก่อกบฏก็ก่อไป ที่หายตัวก็หายตัวไป ที่ตายก็ตายไป เจ็บก็เจ็บไป
ที่สามารถช่วยทำอะไรได้จริงๆ คงเหลือไม่กี่คน แถมต้องหลบๆ ซ่อนๆ หลบการจับกุมของราชวงศ์แห่งภาคตะวันตก
เนื่องจากนักปราชญ์ไม่ปรากฏตัวมาตลอด เรื่องของที่ตั้งใหม่ของสำนักหมิงเซียนจึงถูกพักไว้ จนถึงขณะนี้ ฐานที่ตั้งของสำนักหมิงเซียนยังคงเป็นที่เขาหมิงเซียน เพียงแต่ว่า พวกเขาจะมารวมตัวกันที่เขาหมิงเซียนเฉพาะเวลาที่มีเรื่องจะพิจารณาเท่านั้น
ในส่วนของที่พัก ทุกคนต่างก็กระจัดกระจาย ต่างมองหาที่อยู่ของตัวเองตามสะดวก
กล่าวโดยสรุป สำนักหมิงเซียนตอนนี้ เป็นเหมือนเม็ดกรวดเม็ดทรายที่รวมตัวกันไม่ติด
องค์กรที่ขาดกำลังรวมตัวและรายล้อมไปด้วยศัตรูทุกด้าน คงยากที่จะไม่ถูกจมกลบอยู่ในแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน
เซียวเฉวียนต้องการให้นักปราชญ์เบิกตาดูสำนักหมิงเซียนที่เขาติดใจที่สุดค่อยๆ เสื่อมสลายไปอย่างหมดปัญญายื่นมือช่วย
ฮ่า ๆ ๆ!
สำหรับหมิงเจ๋อ ปล่อยให้เขาทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น รอวันไหนเซียวเฉวียนขจัดเว่ยเชียนชิวและนักรบแท้ของเขาแล้ว เซียวเฉวียนค่อยมาพิจารณาฆ่าเขาอีกที
ตอนนี้ ต้องซ่อมแซมจวนเซียวสักหน่อย
“เหมิงเอ้า เจ้าไปหาคนมาเก็บกวาดแถวนี้สักหน่อย” เซียวเฉวียนสงบสติอารมณ์และสั่งการอย่างใจเย็น
คนที่จะซ่อมแซมจวนเซียวนั้น ในจวนเซียวก็มีนักฆ่าเจ็ดคนที่มาฝากเนื้อฝากตัวจากฝั่งของจางเคอ ใช้คนพวกนี้ได้เหลือๆ
ส่วนงานจัดเตรียมการซ่อมแซม เหมิงเอ้าก็ทำจนคล่องแล้ว แค่เสียเวลาในการหาซื้อวัสดุนิดหน่อย
พอซื้อวัสดุครบ ทุกคนร่วมมือกันทำ ไม่เกินครึ่งวัน ลานบ้านของจวนเซียวก็กลับคืนมาเป็นสภาพเดิม
......
......
ที่สถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
จางเคอซึ่งหนีรอดจากความตายอย่างยากลำบาก ผ่านไปไม่กี่วัน ก็ถูกนักปราชญ์เปิดเผยตัวตนต่อฝูงชนในที่สาธารณะ ยังถูกเซียวเฉวียนจับตัวและคุมขังในสถานที่ซึ่งมีเพียงกำแพงสี่ด้านล้อมไว้แห่งนี้
จางเคอโกรธมากจนเหงือกฟันคันไปหมด
ขณะที่เขาดิ้นรน เขาก็เหลือบตามองหาว่ามีอะไรรอบตัวเขาที่อาจทำให้หวายขาดได้
ทันใดนั้น ตาของจางเคอก็จับจ้องไปที่ผนังด้านหนึ่ง มีหินเล็กๆ ยื่นออกมาบนผนังนั้น ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือ
แม้ว่าหินจะมีขนาดเล็ก แต่มันเป็นของแข็ง ซึ่งอาจจะถูให้หวายบนตัวของจางเคอขาดได้
เพื่อความอยู่รอด จางเคอขยับร่างกาย ค่อยๆ เข้าใกล้ผนังนั้นและเริ่มบดขยี้
ในตอนแรก จางเคอยังมีแรงมาก เขาออกแรงขยับตัวไปหลังด้านซ้ายพลางสาปแช่งอย่างเริงร่า "เซียวเฉวียน รอก่อน รอให้ข้าออกไปก่อน ข้าจะทำให้แกตายอย่างสาหัสแน่นอน !"
ถูไปบดไป จางเคอรู้สึกกำลังเริ่มไม่ไหว การเคลื่อนไหวค่อย ๆ ช้าลง ปากก็คร่ำครวญเป็นครั้งคราว "โอ้ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว"
จางเคอ ผู้เติบโตขึ้นมาในชีวิตที่อยู่ดีกินดี ไม่เคยมีความทุกข์เท่านี้มาก่อน...
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเซียวเฉวียนที่นำมาให้ !
จางเคอเกลียดเซียวเฉวียน เกลียดมากจนเข้ากระดูก !
......
......
ที่พระราชวัง
ที่ตำหนักของไทเฮา
เว่ยเชียนชิวนอนยืดตัวอยู่บนเตียงของไทเฮา รู้สึกสุขสบายมาก
หลายวันมานี้ ถ้าพูดถึงใครมีชีวิตที่สะดวกสบายที่สุดก็คงต้องยกให้เป็นเว่ยเชียนชิวอย่างแน่นอน
หลบอยู่ตรงนี้ ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีเรื่องกังวล กินอาหารโอชะของหอปี้เซิ่งทุกวันแถมนอนหลับสบาย
แค่ไม่กี่วัน ใบหน้าของเว่ยเชียนชิวก็ดูสดใสขึ้นมาก
”ดูแล้ว ท่านเจียนกั๋วมาอาศัยอยู่ในตำหนักของไทเฮา อยู่อย่างคุ้นเคยเหลือเกินนะ” จู่ๆ ก็มีเสียงแผ่วเบาดังเข้ามาในหูของเว่ยเชียนชิว ทำให้เว่ยเชียนชิวสะดุ้ง
เสียงนี้ ช่างเป็นฝันร้ายของเว่ยเชียนชิวแท้ๆ
ให้ตายเถอะ !
เว่ยเชียนชิวอุตส่าห์หลบซ่อนตัวมาอยู่นี่ เซียวเฉวียนไอ้เวนนี้ยังตามมาเจอจนได้ ไอ้สารเลวมาตามหลอกหลอนไม่ยอมเลิก !
เว่ยเชียนชิวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องมองที่เซียวเฉวียน
”เดิมมีข่าวลือกันว่าท่านเจียนกั๋วมีอะไรกันกับไทเฮา เซียวยังไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นวันนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว” เซียวเฉวียนมองเว่ยเชียนชิวด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งและพูดต่อ " ถ้าไม่มีอะไรกัน ท่านเจียนกั๋วจะมาอยู่ในตำหนักแห่งนี้อย่างเปิดเผยได้ยังไง ?”
“ท่านเจียนกั๋ว บอกข้าที ข้าพูดถูกไหม ?” เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...