อย่างไรก็ตาม ชิงหลงมีความคิดเห็นต่างกัน "เจ้านาย ให้ม่านกำบังคงอยู่อย่างนี้แหละ มันไม่เกะกะอะไรเรา"
ใช่ มีม่านกำบังอยู่ ผู้คนในจวนเซียวก็ยังสามารถเข้าออกได้ตามปกติ สำหรับคนในจวนเซียว ไม่ว่าม่านกำบังจะมีหรือไม่ก็ตาม
แล้วก็เมื่อบุคคลภายนอกเข้าออก ขอให้มีคนของจวนเซียวพาไป ก็ไปได้ไม่ติดขัดอะไร
สุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด
ในเมื่อบรรพบุรุษอาวุโสพูดเช่นนี้ เซียวเฉวียนจะนำความคิดเห็นนี้ไปใช้ เซียวเฉวียนจึงพูดเบา ๆ "ตกลง ทำตามที่บรรพบุรุษอาวุโสว่า เก็บมันไว้ก่อน"
ลองคิดดูแล้ว ตอนนี้ทุกคนในจวนตระกูลเซียวมีวิทยายุทธ์สูง ผู้ที่ไม่มีวิทยายุทธ์ก็ยังมีปืนพกอยู่ในมือ พวกเขาไม่กลัวหนึ่งหมื่น แต่ต้องป้องกันกรณีหนึ่งในหมื่น
เอาไว้ก่อนก็ดี เผื่อไว้ในกรณีที่ถูกพลังมืดที่ไหนมาสังหารหมู่จวนเซียวอีก
พอนึกถึงสังหารหมู่จวนเซียว เซียวเฉวียนก็เกิดแรงอาฆาตพยาบาทขึ้นมาทันที เขาเคยรับความเจ็บปวดร้าวใจ จะต้องให้นักปราชญ์และหมิงเจ๋อได้รับความเจ็บปวดร้าวใจทวีขึ้นสองเท่าอย่างแน่นอน
สำหรับนักปราชญ์และหมิงเจ๋อ การทรมานของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเอง
เซียวเฉวียนสั่งบรรพบุรุษอาวุโสแล้ว ทุกระยะเวลาหนึ่ง ก็ให้นักปราชญ์ติดต่อกับสำนักหมิงเซียน ให้เขารับรู้สถานการณ์ปัจจุบันของสำนักหมิงเซียน
เท่าที่เซียวเฉวียนรู้ มู่เวยยังไม่ได้กลับไปที่สำนักหมิงเซียนตั้งแต่จากกันที่ทะเลทรายกับมู่เวย
ส่วนมู่เวยไปที่อยู่ไหน ไม่มีใครรู้ ดูเหมือนเธอจะหายตัวไปจากโลกนี้ แต่นั่นไม่เหมือนกับอุปนิสัยของเธอ
ดังนั้นตอนนี้ ที่สำนักหมิงเซียนมียายเหยียนเพียงคนเดียวที่อยู่ดูแล
ยิ่งกว่านั้น หลังจากเหตุการณ์ในทะเลทราย ศิษย์ของสำนักหมิงเซียน ที่ก่อกบฏก็ก่อไป ที่หายตัวก็หายตัวไป ที่ตายก็ตายไป เจ็บก็เจ็บไป
ที่สามารถช่วยทำอะไรได้จริงๆ คงเหลือไม่กี่คน แถมต้องหลบๆ ซ่อนๆ หลบการจับกุมของราชวงศ์แห่งภาคตะวันตก
เนื่องจากนักปราชญ์ไม่ปรากฏตัวมาตลอด เรื่องของที่ตั้งใหม่ของสำนักหมิงเซียนจึงถูกพักไว้ จนถึงขณะนี้ ฐานที่ตั้งของสำนักหมิงเซียนยังคงเป็นที่เขาหมิงเซียน เพียงแต่ว่า พวกเขาจะมารวมตัวกันที่เขาหมิงเซียนเฉพาะเวลาที่มีเรื่องจะพิจารณาเท่านั้น
ในส่วนของที่พัก ทุกคนต่างก็กระจัดกระจาย ต่างมองหาที่อยู่ของตัวเองตามสะดวก
กล่าวโดยสรุป สำนักหมิงเซียนตอนนี้ เป็นเหมือนเม็ดกรวดเม็ดทรายที่รวมตัวกันไม่ติด
องค์กรที่ขาดกำลังรวมตัวและรายล้อมไปด้วยศัตรูทุกด้าน คงยากที่จะไม่ถูกจมกลบอยู่ในแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน
เซียวเฉวียนต้องการให้นักปราชญ์เบิกตาดูสำนักหมิงเซียนที่เขาติดใจที่สุดค่อยๆ เสื่อมสลายไปอย่างหมดปัญญายื่นมือช่วย
ฮ่า ๆ ๆ!
สำหรับหมิงเจ๋อ ปล่อยให้เขาทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น รอวันไหนเซียวเฉวียนขจัดเว่ยเชียนชิวและนักรบแท้ของเขาแล้ว เซียวเฉวียนค่อยมาพิจารณาฆ่าเขาอีกที
ตอนนี้ ต้องซ่อมแซมจวนเซียวสักหน่อย
“เหมิงเอ้า เจ้าไปหาคนมาเก็บกวาดแถวนี้สักหน่อย” เซียวเฉวียนสงบสติอารมณ์และสั่งการอย่างใจเย็น
คนที่จะซ่อมแซมจวนเซียวนั้น ในจวนเซียวก็มีนักฆ่าเจ็ดคนที่มาฝากเนื้อฝากตัวจากฝั่งของจางเคอ ใช้คนพวกนี้ได้เหลือๆ
ส่วนงานจัดเตรียมการซ่อมแซม เหมิงเอ้าก็ทำจนคล่องแล้ว แค่เสียเวลาในการหาซื้อวัสดุนิดหน่อย
พอซื้อวัสดุครบ ทุกคนร่วมมือกันทำ ไม่เกินครึ่งวัน ลานบ้านของจวนเซียวก็กลับคืนมาเป็นสภาพเดิม
......
......
ที่สถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
จางเคอซึ่งหนีรอดจากความตายอย่างยากลำบาก ผ่านไปไม่กี่วัน ก็ถูกนักปราชญ์เปิดเผยตัวตนต่อฝูงชนในที่สาธารณะ ยังถูกเซียวเฉวียนจับตัวและคุมขังในสถานที่ซึ่งมีเพียงกำแพงสี่ด้านล้อมไว้แห่งนี้
จางเคอโกรธมากจนเหงือกฟันคันไปหมด
ขณะที่เขาดิ้นรน เขาก็เหลือบตามองหาว่ามีอะไรรอบตัวเขาที่อาจทำให้หวายขาดได้
ทันใดนั้น ตาของจางเคอก็จับจ้องไปที่ผนังด้านหนึ่ง มีหินเล็กๆ ยื่นออกมาบนผนังนั้น ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือ
แม้ว่าหินจะมีขนาดเล็ก แต่มันเป็นของแข็ง ซึ่งอาจจะถูให้หวายบนตัวของจางเคอขาดได้
เพื่อความอยู่รอด จางเคอขยับร่างกาย ค่อยๆ เข้าใกล้ผนังนั้นและเริ่มบดขยี้
ในตอนแรก จางเคอยังมีแรงมาก เขาออกแรงขยับตัวไปหลังด้านซ้ายพลางสาปแช่งอย่างเริงร่า "เซียวเฉวียน รอก่อน รอให้ข้าออกไปก่อน ข้าจะทำให้แกตายอย่างสาหัสแน่นอน !"
ถูไปบดไป จางเคอรู้สึกกำลังเริ่มไม่ไหว การเคลื่อนไหวค่อย ๆ ช้าลง ปากก็คร่ำครวญเป็นครั้งคราว "โอ้ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...