บทที่ 1214 สิ่งล่อตาล่อใจ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1214 สิ่งล่อตาล่อใจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ดังนั้น หลายๆคนจึงได้มองว่ากองทัพตระกูลเซียวเป็นหนามยอกอก ต้องจัดการอย่างทันทีทันควัน
เป็นเพราะกองกำลังของตระกูลเซียวแข็งแกร่งมากเกินไป ทำให้ประเทศพวกนั้นต้องพ่ายแพ้ไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า และได้ทำให้ผู้ที่กำลังจ้องเล่นงานต้าเว่ยอยู่นั้นหยุดความคิดลง ได้แต่มองดูแต่ทำอะไรมิได้
ดั่งคำที่ว่า หากแข็งแกร่งมากเกินไปก็จะไปขวางทางผู้อื่น และยังทำให้ความตายเข้ามาเยือนตัวเองไวขึ้นอีกด้วย
แต่กองทัพตระกูลเซียวได้ล้มตายไปหมดแล้ว และยังถูกสกัดเลือดที่อยู่ระหว่างคิ้วของพวกเขามาอีก ผู้ที่ก่อเรื่องน่าเศร้าเช่นนี้สืบเสาะมานานนับหลายวันแล้ว แต่เซียวเฉวียนเองก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้เลย
แต่ทว่า เซียวเฉวียนกลับได้นึกถึงประโยคที่จ้าวอีโต้วได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ เขาได้กล่าวไว้ว่า ก่อนที่เซียวเทียนจะตาย เขาได้ขอร้องจ้าวอีโต้วไว้เรื่องหนึ่ง
แต่เรื่องนั้นคือเรื่องอะไรกัน จ้าวอีโต้วจะไม่พูดเด็ดขาด
และตอนนี้ในกองทัพมีเพียงอาเจิ้งผู้เดียวเท่านั้นที่ยังพอมีสติอยู่บ้าง แต่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนก่อเรื่องแบบนี้
เบาะแสสุดท้ายก็หายไปเสียแล้ว
ตอนนี้เซียวเฉวียนได้แต่คาดเดาว่า ไม่แน่ว่าในเวลานั้นเซียวเทียนอาจจะขอให้จ้าวอีโต้วช่วยหยุดการสกัดเลือดของกองทัพตระกูลเซียว?
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เซียวเฉวียนก็รู้สึกว่า มันมีความเป็นไปได้อยู่มากเลยทีเดียว
เซียวเทียนเป็นนายพลผู้ยืนหยัด ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ เขาจะขอร้องคนไร้ยางอายอย่างจ้าวอีโต้วงั้นหรือ?
ที่เป็นแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะได้สัมผัสกับกวีสมุทรคุนหลุน เขาก็มีทักษะอ่านใจคนได้เหมือนกัน เขาสำรวจจากจ้าวอีโต้ว ว่ามีคนวางแผนจะสกัดเลือดของกองทัพตระกูลเซียว หลังจากที่กองทัพได้ล่มสลายลง
เพราะแบบนั้น เซียวเทียนจึงได้ขอร้องจ้าวอีโต้วไม่ให้สกัดเลือดออกไป
คิดมาถึงตรงนี้ คนสำคัญของเรื่องนี้ ทั้งจ้าวอีโต้วและเซียวเทียนก็ได้จากไปแล้ว
เซียวเฉวียนคิดว่า กวีสมุทรคุนหลุนได้จมลงแล้ว เขาก็สามารถไปที่นั่นเพื่อตามหาเซียวเทียนและหาความจริงให้ได้
แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่กวีสมุทรคุนหลุนได้จมลงไปแล้วนั้น เซียวเฉวียนก็ไม่สามารถตามหาเซียวเทียนได้อีกต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนก็ได้คิดทบทวนอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่ในความทรงจำของเซียวเทียนเลยแม้แต่นิด ไม่อย่างนั้นหล่ะก็เขาคงแนะนำให้เซียวเฉวียนลงมาตรวจสอบเรื่องนี้นานแล้ว
เซียวเทียนเป็นแม่ทัพ รักทหารทุกคนเหมือนลูก ไม่มีทางทิ้งพวกเขาไปแน่
แต่สิ่งเดียวที่จะพูดได้ในตอนนี้ก็คือ ในความทรงจำของเซียวเทียนตอนนี้ จำได้เพียงว่ากองทัพมีหนอนบ่อนไส้ ส่วนเรื่องอื่นๆเขาจำอะไรไม่ได้เลย
“ราชครูเชื่อจริงๆงั้นหรือว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของเว่ยเชียนชิว?” ฮ่องเต้ถาม เขาตั้งใจชี้ทางให้เซียวเฉวียนลงไปตรวจสอบ
สุดท้ายแล้วนั้น เมื่อมองไปที่ต้าเว่ยหรือแม้แต่ทั้งโลก เว่ยเชียนชิวก็เป็นผู้ที่มีแรงจูงใจเยอะมากที่สุด
“ข้าแน่ใจว่าไม่ใช่เขา” เซียวเฉวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เว่ยเชียนชิวทำเรื่องอันตราย แต่ก็ไม่มีใครเคยบอกว่า เขาชอบสกัดเลือดของคนอื่น
และเว่ยเชียนชิวเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก การทำลายกองทัพตระกูลเซียว เว่ยเชียนชิวก็ยอมรับและภูมิใจกับเรื่องนี้
แต่เรื่องการสกัดเลือดนี้ ให้ตายยังไงเว่ยเชียนชิวก็ไม่ได้ทำ แต่ต้องมีคนอื่นทำอย่างแน่นอน
และด้วยความเกลียดชังที่เว่ยเชียนชิวมีต่อเซียวเฉวียน ถ้าเขาเป็นคนทำเรื่องนี้จริงๆล่ะก็ จะต้องมาอวดเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน
เว่ยเชียนชิวไม่ได้ทำแบบนั้น ก็พอจะพิสูจน์ได้แล้วว่ามันไม่ใช่ฝีมือของเขาจริงๆ
. . . . . .
. . . . . .
ที่ๆห่างไกลในเมืองหลวง
ใบหน้าของชิงหลงแข็งทื่อต่อหน้าต่อของนักปราชญ์
เขาได้ทำตามคำสั่งของเซียวเฉวียน และมาหานักปราชญ์ทุกวันตามเวลาที่นัดหมาย นั่นก็คือ การติดต่อกับเรื่องภายนอก
ดังนั้น ขอแค่มีชิงหลง อุปสรรคที่ขวางกั้นก็เหมือนจะหายไปเพียงครู่
นักปราชญ์ไม่ได้คำนึงถึงการที่ชิงหลงมาขวางเขาเลย เขาเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่มันกลับไม่ขยับเลยซักนิด พลังของชิงหลงมีมากเกินไปเขาไม่สามารถต้านทานได้
เพราะอย่างนั้น นักปราชญ์จึงได้คิดที่จะหนีออกทางหน้าต่าง
ยังไม่ทันรอให้เขากระโดดออกไป ชิงหลงก็ปิดหน้าต่างเสียก่อน
นักปราชญ์ก็ได้ล้มเหลวอีกครั้ง เขามองชิงหลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “เจ้าชายชิงหลง เราไม่ได้ละเมิดอะไร ท่านต้องทำถึงขนาดนี้เพราะคนแก่หงำเหงือกอย่างข้าเลยงั้นหรือ? หากว่าวันนี้ปล่อยคนแก่อย่างข้าไป วันข้างหน้าข้าจะตอบแทนให้อย่างสาสม”
ชาวคุนหลุนที่อาศัยอยู่ที่ภูเขาคุนหลุน ก็ใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากหลายชั่วอายุคนแล้ว
แม้ว่าชิงหลงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
คนที่เคยผ่านความยากลำบากมาก่อน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถต้านทานความมั่งคั่งได้
แต่น่าเสียดายที่ชิงหลงไม่พูดอะไรเลย
“หอเทียนเซียงในซินเจียง เจ้าชายน่าจะเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหม? เห็นว่ามันกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ” เมื่อพูดถึงหอเทียนเซียง ที่มีแขกเหรื่อมาทุกวัน นั่นก็เป็นเหมือนต้นเงินต้นทองของสำนักหมิงเซียน
นักปราชญ์คิดว่าค่าตอบแทนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดชิงหลงได้ ดังนั้นจึงได้ใช้หอเทียนเซียงมาเป็นข้อต่อรอง
ช่างมันเถอะ ชีวิตสำคัญกว่า
แต่พูดว่ามันเติบโตขึ้นแล้วอย่างไรกัน ชิงหลงไม่ได้พิเศษไปกว่าผู้อื่น นายของเขาเซียวเฉวียนนั้นมีเงินมากมาย
ความสามารถในการสร้างรายได้ของเซียวเฉวียน แม้ว่าทุกๆวันคนในจวนเซียวจะเอาทองมากินแทนข้าว ก็ยังมีเงินทองเหลือเฟือ
บ่อนพนัน หอปี๋เซิ่ง ขุมทรัพย์เงินทองของเว่ยเชียนชิวในซินเจียง .......
กล่าวได้ผู้ที่ร่ำรวยที่สุด นั่นก็คือ เซียวเฉวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...