เมื่อชิงหลงคิดได้แบบนี้ เขาก็ไม่เข้าใจเซียวเฉวียนเลยจริงๆ
สิ่งที่เซียวเฉวียนรักมากที่สุดก็คือ เงิน เขาไม่เคยรังเกลียจเงินเลย
ธุรกิจที่หอเทียนเซียงกำลังรุ่ง กำลังเติบโตอยู่จริงๆเรียกได้ว่าเป็นต้นเงินต้นทองกันเลยก็ว่าได้
และมีรางวัลตอบแทนเป็นเงินจำนวนมาก
หากสิ่งที่เขาเอ่ยปากพูดไว้ถูกต้องหล่ะก็ ความมั่งคั่งของเซียวเฉวียนจะต้องเพิ่มขึ้นอีกมากแน่
เงื่อนไขที่ดีเช่นนี้ แลกกับชีวิตอันต่ำต้อยของนักปราชญ์ พูดตรงๆมันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
ปล่อย!
ปล่อยให้นักปราชญ์ได้กลับไปซินเจียง ขอแค่เสวียนอวี๋ไม่ได้ติดตามเขา นักปราชญ์ก็เป็นเพียงแค่เสือสิ้นกรงเล็บ ไม่มีพิษภัย
ถึงอย่างไรนักปราชญ์ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของเซียวเฉวียน
แต่จะว่าไปแล้ว มันก็แปลกเหมือนกัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะผนึกจูเสินที่เข้าไปอยู่ในร่างเซียวเฉวียน ผนึกจูเสินและหัวใจดาบมีต้นกำเนิดจากที่เดียวกัน ได้เหนี่ยวนำกัน
ดังนั้น เมื่อเซียวเฉวียนได้กลิ่นหอมของเงินลอยมา จึงได้ให้ชิงหลงรับปากไป ส่วนค่าตอบแทนนั้น ก็เพิ่มเป็นห้าล้านสอง
เมื่อชิงหลงได้ฟัง เขาก็แอบรู้สึกตกใจอยู่บ้าง เซียวเฉวียนรักเงินมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
นักปราชญ์พวกนี้ชั่วร้ายมากเพียงไหน เพียงเพราะเงิน เซียวเฉวียนก็ยอมปล่อยมันไปแล้วหรือ?
พูดตามตรง เซียวเฉวียนสามารถสื่อสารกับชิงหลงได้ ชิงหลงก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมาก
ไอ้หนู!
สมัยโบราณก็คนก็มองว่าเงินตราเป็นเพียงของไม่มีค่าไม่ใช่หรือ?
แต่ทำไมเซียวคนนี้ ในใจถึงได้มีแต่สิ่งเหล่านั้นกัน?
อื้ม สมแล้วที่เป็นนายของชิงหลง เพราะเขาไม่เหมือนใคร
ในมุมมองของชิงหลง เขารู้สึกว่า จิตใจที่งดงามและมีคุณธรรมเป็นส่วนสำคัญ ความสูงส่งไม่สามารถต้านทานได้ นิสัยที่แท้จริงต่างหากที่เป็นสิ่งที่ชัดเจน
คำอธิบายของชิงหลงนี้ เซียวเฉวียนให้เต็มไม่หักเลย
และทั้งสองก็สื่อสารทางจิตกันจนเสร็จสิ้น
เดิมที่ชิงหลงที่อยากจะปฏิเสธ จู่ๆก็กลับคำพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ปล่อยแกไปงั้นหรือ ได้สิ แต่ต่อไปนี้หอเทียนเซียงก็เป็นของพวกเราแล้ว อ่อ แล้วค่าตอบแทนก็เพิ่มเป็นห้าล้านสองและรวมถึงทองคำ”
พูดถึงท้ายประโยค ชิงหลงยังได้จงใจลากเสียงยาว ให้นักปราชญ์ได้ยินอย่างชัดเจน
ห้าล้านสอง แถมยังมีทองคำอีก นักปราชญ์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บใจ
ห้าล้านสองและทองคำ!
นี่ไม่ใช่การกรีดเลือดกรีดเนื้อพวกเขาหรือ
เงินหน่ะ เขามี
แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจอยู่ดี
แต่ว่า ถ้าไม่ตกลงหล่ะก็ ชีวิตก็ไม่เหลือแล้ว เก็บเงินไว้ก็ไม่สามารถใช้ได้อยู่ดี
นักปราชญ์กัดฟันพูด "ตกลง"
“จ่ายเงินมาก่อน และสร้างสัญญา” ชิงหลงกล่าว
ไม่ใช่ว่ากลัวนักปราชญ์จะหนี แต่ชิงหลงขี้เกียจตาม
การยืนยันไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่การจ่ายเงินนี้ทำให้นักปราชญ์อับอาย
เขามาทำธุระที่ต้าเว่ย ไม่ได้พกเงินมามากขนาดนั้น
แม้กระทั่งตั๋วเงินก็ไม่มี
แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดีหล่ะเนี่ย?
“เจ้าชายชิงหลง ข้าเขียนสัญญาไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านมาดูก่อนดีกว่าไหม?” นักปราชญ์กล่าวขึ้น
ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งอย่างชิงหง นักปราชญ์ก็ไม่กล้าทำอะไรออกนอกหน้ามากนัก
กล้าที่จะทำตัวสูงส่งต่อหน้าเขา ก็แปลว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
"เจ้าคิดว่าไงหล่ะ?" ชิงหลงยิ้ม
เป็นไปไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...