สรุปตอน บทที่ 1217 พบทางเข้า – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1217 พบทางเข้า ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
"เดิมทีเข้าใจแล้ว" เสียงของเซียวเฉวียนชัดเจน เขายังจำได้ว่าผนึกจูเสินก็ถูกปิดผนึกด้วยเข็มทองด้วย
ถ้าอย่างนั้น ถ้ามีใครใส่เข็มทองใส่หลังเซียวเฉวียนอีก และเซียวเฉวียนถูกปิดกั้นด้วยจุดฝังเข็มอีกครั้ง และไม่มีผนึกจูเสินช่วยชีวิต เซียวเฉวียนก็ยังมีอันตรายถึงชีวิตอยู่
โชคดีที่ไม่อย่างนั้น
"เจ้าโชคดี วางใจเถอะ เจ้าไม่มีวันตาย" เสียงของผนึกจูเสินมีบางสิ่งที่ดูถูกเซียวเฉวียน "โง่จริงๆ"
“นี่ยังมีชิงหลงอยู่อีกนะ?
แม้จะอยู่ไกลถึงขอบฟ้า ก็มาเดี๋ยวก็ถึง เซียวเฉวียนยังกังวลเรื่องแบบนี้อีก
พูดตามตรง ผนึกจูเสินอยากจะดูถูก เซียวเฉวียนสักหน่อยก็ไม่ไหว
“เหล่าจู เจ้าพูดแบบนี้ไม่ถูกต้องแล้วนะ” เซียวเฉวียนประท้วง
อะไรนะเซียวเฉวียน เรียกว่าดวงแข็งตายไม่ได้?
ตายไม่ได้ เซียวเฉวียนเดินทางจากฮว๋าเซี่ยมาต้าเว่ยได้อย่างไร?
มาสิ ผนึกจูเสินอธิบายให้เซียวเฉวียนฟังหน่อยสิ
ผนึกจูเสินไม่ยอมโต้เถียงกับเซียวเฉวียนในเรื่องที่ไม่สามารถโต้แย้งได้
พูดง่าย ๆ เซียวเฉวียนเป็นคนที่มีปากกล้า เขาพูดจาเก่งมาก แม้กระทั่งผนึกจูเสิน จะมีปากถึงร้อยปาก ก็สู้เซียวเฉวียน ไม่ได้
“อีกอย่างนะเจ้าต้องรีบขุดทักษะของเจ้า” ผนึกจูเสินเตือนเสียงต่ำ
ผนึกจูเสินกับเซียวเฉวียนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว พลังของผนึกจูเสินจริงๆ แล้วสามารถใช้ เซียวเฉวียนได้ตามต้องการ วิชาเคลื่อนย้ายก็เป็นตัวอย่างที่ดีมาก
เซียวเฉวียนเพียงแค่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่ได้ขุดค้นความสามารถของเขาต่อไป ปล่อยให้ผนึกจูเสินมีเวทย์มนตร์มากมายที่ไม่ได้ใช้ เปล่าประโยชน์
มีผนึกจูเสินหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หากเซียวเฉวียนขุดค้นพลังของผนึกจูเสินไม่ว่าทั้งหมด หรือครึ่งหนึ่ง ก็เพียงพอแล้วสำหรับ เซียวเฉวียนที่จะเดินไปไหนก็ได้ในโลกนี้
โอกาสที่การพูดจาของเขาจะได้ผลก็จะน้อยลง
เช่น ชิงหลงคนนี้ แค่ใช้พัดเบาๆ ก็สามารถระเบิดประตูใหญ่ของจวนเจียนกั๋วได้
ใช้พัดเบาๆ อีกที ก็จับเสวียนอวี๋และนักปราชญ์ได้
พลังเช่นนี้ ทำให้เห็นแล้วอยากจะเลี่ยงทางน่ากลัวมากจนแม้แต่ผีก็ยังกลัว
ส่วนอื่นๆผนึกจูเสินไม่พูดอีกต่อไป ผนึกจูเสินสรุปด้วยน้ำเสียงต่ำและทรงพลังว่า “เจ้าต้องจำไว้ว่าชิงหลงยังสู้ข้าไม่ได้”
ช่างน่าเกรงขามจริงๆ!
ความหมายของคำพูดนี้เจ้าเซียวเฉวียนลองพิจารณาดู
คำพูดนี้ทำให้เซียวเฉวียนรู้สึกทั้งตื่นเต้นและเศร้า
ตื่นเต้นคือผนึกจูเสินพูดถูก เมื่อเซียวเฉวียนสามารถใช้งานพลังของผนึกจูเสินได้อย่างคล่องแคล่ว เซียวเฉวียนจะสามารถเดินไปไหนก็ได้ ไม่ว่าจะกังวลอะไรอีก
เศร้าคือ เซียวเฉวียนถึงกับถูกตราหน้าว่าโง่เขลาโดยเพียงเพียงตราประทับหนึ่ง
คิดถึงเซียวเฉวียนเมื่อก่อนเป็นแค่บัณฑิตตกอับที่ไม่มีพลังต่อสู้เลย อยากจะมีเงินก็ไม่มี อยากจะมีอำนาจก็ไม่มี อยากจะมีคนรู้จักก็ไม่มี อาศัยความกล้าหาญ ผ่านพ้นสายตาของพวกทรยศมากมาย เช่น สามผู้โง่เขลา เว่ยเชียนชิวจนถึงทุกวันนี้อาศัยสติปัญญา
ผนึกจูเสินไมถึงพูดว่าเซียวเฉวียนโง่เขลานัก?
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนคิดอีกที เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าปี เมื่อเทียบกับผนึกจูเสินบรรพบุรุษที่มีชีวิตมาพันปีแล้ว สติปัญญาย่อมเทียบไม่ติด
ช่างเถอะผนึกจูเสินว่าเซียวเฉวียนน่าไม่อาย
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เซียวเฉวียนกับผนึกจูเสินพูดคุยกัน ชิงหลงได้หมุนคันโยกกลไก เสียงดังสนั่น ก้อนหินนั้นแตกออกเป็นสี่ส่วนทันที
เซียวเฉวียนและชิงหลงรีบใช้บาเรียปกป้องตัวเอง
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ทั้งสองก็ถอยบาเรีย
ฝุ่นหินที่เหลืออยู่ในอากาศยังคงแสบตา ทำให้เซียวเฉวียนและชิงหลงจามออกมาหลายครั้ง
เซียวเฉวียนใช้มือโบกฝุ่นหินในอากาศแล้วพึมพำว่า “ก้อนหินก้อนนี้เกี่ยวอะไรกับคลังสมบัติขนาดใหญ่ของนักปราชญ์ล่ะ?”
นักปราชญ์คนนี้ก็แปลกจริงๆ เอาคลังสมบัติขนาดใหญ่แบบนี้มาตั้งไว้บนหน้าผาสูงชันก็ได้ อีกอย่างก็ใช้บาเรียป้องกัน ก็เข้าใจได้
ตั้งกลไก เซียวเฉวียนก็เข้าใจ
ทำไมถึงต้องแสดงละครระเบิดก้อนหินด้วย?
แต่เซียวเฉวียนรู้ว่า นักปราชยืครั้งนี้ก็จนตรอกจริงๆ ถึงได้ยอมเสียสละคลังสมบัติใหญ่ของเขาไป หากเรียกค่าไถ่นักปราชญ์อีกก้อนหนึ่งนักปราชญ์ก็คงไม่มีปัญญาหามาให้
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนรู้ว่านักปราชญ์ในครั้งนี้ก็หมดหนทางแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะยอมสละห้องนิรภัยใหญ่ของเขาไม่ได้ หากจะเรียกค่าไถ่จาก นักปราชญ์อีก นักปราชญ์ย่อมไม่มีเงินมาจ่ายแน่
ในด้านเงินทอง ก็ไม่ควรไปบีบบังคับนักปราชญ์
เมื่อเห็นชิงหลงกำลังจะลงมือเซียวเฉวียนจึงห้ามไว้ว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน ให้ข้าลองดูก่อน”
พูดจบ เซียวเฉวียนก็หยิบหูกระต่ายขึ้นมา เสียบเข้าไปในรูทั้งสองข้าง
“เอี๊ยด”
“ตูม!”
เมื่อหูกระต่ายถูกเสียบเข้าไปจนสุด เซียวเฉวียนก็ได้ยินเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดหนัก ๆ ผสมกับเสียงหินทรายตกลงมากระทบพื้นดังตูม
ทั้งสองคนมองตามเสียงไป พวกเขาเห็นรูที่เปิดขนาดพอให้หนึ่งคนลงไปได้ปรากฏขึ้นบนพื้น รูที่เปิดนั้นยังมีควันลอยคละคลุ้งอยู่
ชิงหลงใช้พัดโบกเบา ๆ ลงไป ควันลอยคละคลุ้งก็สงบลงทันที
ทั้งสองคนเดินเข้าไปใกล้ๆเซียวเฉวียนเอาหัวยื่นเข้าไปดู เขาเห็นรูที่เปิดนั้นถึงแม้จะเล็ก แต่ข้างในกลับเป็นอีกโลกหนึ่ง มีรูที่เปิดอีกรูหนึ่งทอดยาวเข้าไปด้านใน
คิดว่า น่าจะเป็นทางเข้าของคลังสมบัติขนาดใหญ่
ทางเข้านี้ถูกปิดกั้นด้วยประตูเหล็กสองบานที่เปิดอยู่ ด้านบนปูทับด้วยดินเพื่อพยายามทำให้ดูเหมือนเดิมมากที่สุด ไม่ให้ใครสังเกตเห็น
โดยรวมแล้ว เพื่อปกป้องคลังสมบัติขนาดใหญ่นี้ นักปราชญ์ระมัดระวังเป็นอย่างมาก
เมื่อพบทางเข้าแล้ว เซียวเฉวียนก็กระโดดเข้าไปก่อน
การเคลื่อนไหวนั้นคล่องแคล่วมาก ยังไม่ทันที่ชิงหลงจะพูดคำว่า “ระวัง” เซียวเฉวียนก็เข้าไปแล้ว
ชิงหลงอดสงสัยไม่ได้ยากที่เซียวเฉวียนจะไม่กลัวว่ามีกลไกอยู่ด้านในหรือ?
สำหรับกลไกที่อยู่ด้านใน เซียวเฉวียนก็ไม่กลัวจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...