นอกจากนี้ เซียวเฉวียนยังวางแผนที่จะนำเงินส่วนหนึ่งจากห้าแสนตำลึงทองคำ มอบให้กับฮ่องเต้ ผ่านทางรัฐบาลเพื่อแจกจ่ายให้กับครอบครัวต่างๆ ในเมืองหลวง เพื่อบรรเทาความยากลำบากของประชาชน
ทำไมต้องมอบให้กับฮ่องเต้ แทนที่จะให้เซียวเฉวียนแจกจ่ายให้กับประชาชนโดยตรง?
เซียวเฉวียนได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
การมอบให้กับฮ่องเต้ ประการแรก เซียวเฉวียนเป็นผู้ริเริ่มระดมทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนในเมืองหลวง เมื่อเซียวเฉวียนเป็นผู้นำ เหล่าขุนนางคนอื่นๆ ก็ย่อมต้องควักเงินออกเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น คลังหลวงก็ต้องนำเงินออกมาบางส่วนด้วย
ด้วยวิธีนี้ จำนวนเงินก็จะมากขึ้น สามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากขึ้น
ประการที่สอง เซียวเฉวียนกำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ หากเขายังคงทำเรื่องการแจกจ่ายเงินทองด้วยชื่อเสียงของตัวเอง ชื่อเสียงของเขาจะยิ่งโด่งดังมากขึ้น
มีสุภาษิตโบราณของฮว๋าเซี่ยกล่าวไว้ว่า “คนเรานั้นมักกลัวสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตัวเอง คนที่ไม่มีชื่อเสียงมักอยากมีชื่อเสียง แต่คนที่โด่งดังแล้วกลับกลัวว่าชื่อเสียงของตนจะเสื่อมเสีย”
อะไรก็ตาม ย่อมมีทางที่ดีที่สุด
ชื่อเสียงโด่งดังมากเกินไป ได้รับความนิยมจากประชาชนมากเกินไป ย่อมสร้างความอิจฉาริษยาให้กับผู้อื่น และสร้างปัญหาให้กับตัวเองได้ง่าย
ความคิดของฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา
เซียวเฉวียนคิดว่าเรื่องนี้ ควรให้ราชสำนักเป็นผู้ดำเนินการจะดีกว่า
ประการที่สาม เพื่อเป็นการเอาใจฮ่องเต้
เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญ
หลังจากที่เซียวเฉวียนตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว เขาก็เตรียมตัวเข้าเฝ้าฮ่องเต้อีกครั้ง
ทันทีที่เซียวเฉวียนเดินไปถึงประตูวัง เขาก็เห็นเว่ยเชียนชิวเดินออกมาด้วยความโกรธ
เขาออกจากวังเร็วขนาดนี้?
หรือว่าเขาออกมาอย่างเปิดเผย
เซียวเฉวียนรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
แต่แล้ว เซียวเฉวียนก็คิดออกในไม่ช้า เก้าในสิบ ฮ่องเต้คงใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง บีบให้เว่ยเชียนชิวต้องออกจากวัง
ช่างเป็นการพบกันที่แคบเสียจริง ที่ได้เจอเว่ยเชียนชิวที่นี่
องครักษ์ที่เฝ้าประตูวัง เมื่อเห็นเว่ยเชียนชิวก็รู้สึกประหลาดใจ พวกเขาไม่ได้เห็นเว่ยเชียนชิวเข้าวัง แล้วเขาออกมาจากข้างในได้อย่างไร?
เรื่องนี้ไม่ปกติอย่างแน่นอน
องครักษ์มองหน้ากันด้วยความงุนงง
ทันทีที่เห็นเซียวเฉวียน ไฟโกรธในใจของเว่ยเชียนชิวก็ลุกโชนขึ้นมา เขาเก็บกดความโกรธไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาจ้องมองเซียวเฉวียนด้วยสายตาที่ดุร้าย ดวงตาของเขาเบิกกว้างเหมือนระฆังทอง
แน่นอนว่าไอ้หนุ่มเซียวเฉวียนตัวแสบนี่เองที่ไปฟ้องฮ่องเต้ คิดแผนสกปรกนี้ขึ้นมา
มิฉะนั้น ด้วยนิสัยและบุคลิกของฮ่องเต้ เขาคงไม่ใช้วิธีการต่ำๆ เช่นนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงของเว่ยเชียนชิวแล้วบีบให้เขาออกจากวังอย่างน่าอับอาย!
เว่ยเชียนชิวกำลังหาวิธีระบายความโกรธ และได้มาพบเซียวเฉวียนที่นี่ ถือว่าโชคดี
วันนี้ เว่ยเชียนชิวจะสอนบทเรียนให้เซียวเฉวียน ถ้าไม่เช่นนั้น เซียวเฉวียนคงคิดว่าเขาเกรงกลัวเซียวเฉวียน และได้ใจมากขึ้น
“เซียวเฉวียน! ดูซะ!” เว่ยเชียนชิวคำราม คว้าหมัดเข้าใส่เซียวเฉวียน
ร่างของเขาพุ่งพรวด ราวกับสายลม
องครักษ์ที่เฝ้าประตูมองด้วยความตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นเว่ยเชียนชิวงมือ พลังของเขานั้นช่างน่าทึ่งจริง ๆ!
หมัดของเว่ยเชียนชิวใกล้จะเข้าเต็มหน้าเซียวเฉวียนแล้ว เซียวเฉวียนรีบหลบหลีกไปด้านข้างหวุดหวิด
แต่เว่ยเชียนชิวเรียนรู้กลยุทธ์ของเซียวเฉวียนมาแล้ว เขาฉวยโอกาสตอนที่เซียวเฉวียนไม่ทันตั้งตัว ซัดหมัดอีกหมัดเข้าใส่เซียวเฉวียน
"อึก!" เซียวเฉวียนครางออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...