ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1241

สรุปบท บทที่ 1241 ยึดมั่นในคุณธรรม: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 1241 ยึดมั่นในคุณธรรม – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 1241 ยึดมั่นในคุณธรรม ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

อวิ๋นเฮ่อยังคงเป็นหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสใหญ่ของคุนหลุน และเป็นคนที่คิดเป็นศัตรูกับเซียวเฉวียนที่สุด มีความยึดมั่นและมีเจตนาเป็นของตัวเองมากที่สุด

ยามนี้อวิ๋นเฮ่อตายไปแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามไม่เหลือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แน่นอนว่าไม่กล้าก่อเรื่องอันใด

และสิ่งนี้เองคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่สุดที่เซียวเฉวียนไม่ยอมปล่อยอวิ๋นเฮ่อสักที

“เด็กน้อย อย่าได้พูดเช่นนี้ หลายปีที่ผ่านมานี้ หากมิใช่พวกเจ้าต้านรับอยู่เบื้องหน้า ก็ไม่อาจแลกความสงบสุขของพวกเรามาได้” ท่านยายมองเซียวเฉวียนด้วยสายตาเอื้ออาทร สีหน้าของนางนั้นแสดงความชมชอบเซียวเฉวียนอยู่หลายส่วน

เจ้าเด็กผู้นี้ ช่างถูกใจท่านยายเสียเหลือเกิน

ในใจของท่านยายนั้น เซียวเฉวียนก็คือเด็กเรียนดีบ้านอื่นที่คนปัจจุบันเรียกขานกันติดปากนั่นละ

ประเทศชาติ ประเทศชาติ หากไม่มีประเทศ จะเอาครอบครัวมาจากที่ใด

ต่อหน้าคำว่าประเทศชาติ ไม่มีผู้ใดหรือตระกูลใดที่จะเติบโตได้ดีเพียงลำพัง หรือวางตัวไว้นอกเรื่องราวได้

หากว่ามี เช่นนั้นก็จะต้องมีคนเข้ารับความเสี่ยงเรื่องนี้แทนเขา เพื่อกันลมฝนทั้งหมดเอาไว้ให้มัน

สาเหตุที่จวนเซียวชานเมืองสามารถอยู่อย่างร่มเย็นมาได้นานปี นั่นก็เพราะว่าคนจวนเซียวชานเมืองรวมถึงผู้คนนับพันนับหมื่น แต่ละรุ่นแต่ละยุคสมัยยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา นับแต่เกิดจนตายสู้รับกับศัตรูภายนอก แลกกับความสงบสุขของชาวประชาต้าเว่ย

เหตุผลพวกนี้ ท่านยายย่อมเข้าใจ

ยามนี้ ราชสำนักต้องการนาง ต้องการตระกูลเซียวของนาง ตระกูลเซียวเองควรจะยืนหยัดขึ้นมา ไม่อาจจะหลบซ่อนตัวเพราะกลัวเรื่องเดือดร้อน

คำพูดนี้ของท่านยาย พูดจนกระทั่งสองพ่อลูกเซียวเจิ้งอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี

สองพ่อลูกรู้ดีว่า คำพูดประโยคนี้ของท่านยายนั้นเหมือนจะพูดให้เซียวเฉวียนฟัง เพื่อปลอบโยนเซียวเฉวียน แท้จริงแล้วกลับต้องการพูดให้พวกเขาฟังมากกว่า

คำพูดประโยคนั้นของท่านยายก่อนไปเมืองหลวงนั้น ถือเป็นการด่าเรียกสติสองพ่อลูก ตอนนี้พอได้ฟังท่านยายถือโอกาสสั่งสองขึ้นมา สองคนพ่อลูกก็ประสานมืออย่างรู้อะไรควรไม่ควรยิ่ง พวกเขาเอ่ยอย่างเคารพ “ท่านยายพูดถูก พวกเราจะเชื่อฟังคำสอนของท่านยายโดยเคร่งครัด”

คำพูดของสองพ่อลูกนั้นก็คือ พวกเขารู้ผิดแล้ว อีกหน่อยพวกเขาไม่กล้ากระทำเรื่องเห็นแก่ตัวทำนองนี้อีก

เมื่อได้ยินคำพูดของสองพ่อลูก ท่านยายก็พยักหน้าอย่างพอใจ “เป็นเช่นนี้ได้ก็ดี”

เซียวเฉวียนมองพวกเขาอย่างไม่ทันให้รู้ตัววาบหนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มเบาๆ “ท่านยายทรงคุณธรรมมากปณิธาน ผู้น้อยนับถือนัก!”

กล่าวจบแล้ว เซียวเฉวียนก็ประสานมือคารวะไปยังท่านยายอย่างจริงใจยิ่ง เพื่อแสดงความเคารพ

พอถูกเซียวเฉวียนชมแบบนี้ ภายในใจของท่านยายก็พลันเบิกบานขึ้นมา สีหน้าแววตาของนางมองเซียวเฉวียนพลางยิ้มเบิกบาน “เจ้าเด็กคนนี้ ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก”

ยามนี้ ใต้กล้า เกรงว่าคงจะมีเพียงท่านยายเพียงผู้เดียวที่ยามพบเซียวเฉวียนแล้วไม่เพียงไม่หวาดกลัว แต่กลับพูดว่าเซียวเฉวียนน่าเอ็นดูด้วย

เซียวเฉวียนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มบางเบาก็เท่านั้น

“แต่ว่า เด็กเอ๋ย ในใจของยายยังมีเรื่องหนึ่งไม่ชัดเจน รัชทายาทคุนหลุนชิงหลงผู้นั้นเหตุใดจึงถือเจ้าเป็นนายได้?” สายตาของท่านยายมองค้นหาเซียวเฉวียนอย่างลึกล้ำ

หลังจากมาอยู่ที่จวนเซียวได้ระยะหนึ่ง ท่านยายก็รู้ว่าชิงหลงนั้นเป็นร่างสถิตย์ของจิตกระบี่ หรือจะพูดก็ได้ว่า ชิงหลงตัวจริงนั้นไม่ได้ถือเอาเซียวเฉวียนเป็นนาย ทว่าจิตกระบี่ถือเอาเซียวเฉวียนเป็นนาย

และเพราะเหตุนี้ ท่านยายจึงอดสงสัยขึ้นมากกว่าเดิมไม่ได้ นางรู้ว่า จิตกระบี่ คือของตกทอดที่เหลืออยู่หลังหมื่นดาบบรรพชนล่มสลาย ถูกบูชาอยู่ที่คุนหลุนมาตลอด และได้รับความนับถือจากชาวคุนหลุน

อีกทั้งท่านยายก็รับรู้ผ่านเรื่องเล่าโบราณว่า ตอนแรกที่หมื่นดาบบรรพชนต้องสลายร่างก็เพื่อปกป้องเผ่าคุนหลุน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว การที่จิตกระบี่ตื่นขึ้นต้องการยอมรับผู้เป็นนายก็ควรจะยอมรับชาวคุนหลุนเป็นนายสิ

แล้วเพราะเหตุใดเขาถึงต้องรั้นมายอมรับคนต้าเว่ยคนหนึ่งอย่างเซียวเฉวียนเป็นนายด้วยกัน?

ปัญหาข้อนี้ ถามซะจนเซียวเฉวียนแอบสะอึกในใจ นี่มิใช่ว่าท่านยายมองต้นสายปลายเหตุอะไรออกแล้วหรือ?

ไม่ได้การ เซียวเฉวียนต้องทำตัวสงบนิ่ง

เพื่อไม่ให้ท่านยายมองออกถึงข้อผิดพลาดนี้ เซียวเฉวียนพลันเก็บอาการในใจก่อนจะเอ่ยอย่างแสร้งโง่ “ไม่ปิดบังท่านยาย เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ผู้น้อยคิดไม่ออกมาตลอดเช่นกัน”

ทว่าท่านยายก็ยังรู้สึกถึงความประหลาดของเรื่องนี้อยู่ดี แต่ประหลาดตรงไหน ท่านยายก็พูดออกมาไม่ได้

จนใจที่เซียวเฉวียนยังปิดบังความลับไว้ได้จนมิดชิดนี่ละ

ช่างเถอะ เรื่องนี้ ค่อยหาคำตอบเอาวันหลังแล้วกัน

เพื่อไม่ให้ท่านยายถามเรื่องราวจนถึงที่สุด เซียวเฉวียนก็เลยเปลี่ยนคำถาม “ผู้อาวุโสทุกท่าน ผู้น้อยเป็นผู้ปล่อยตัวผู้อาวุโสทั้งสามของคุนหลุนไปโดยพลการ พวกท่านไม่โทษข้าหรือ?”

แล้วยิ่ง ชาวคุนหลุนสังหารคนตระกูลเซียวไปไม่น้อย

ไม่คิดเลยว่า ท่านยายกลับถอนหายใจเสียงเบาครั้งหนึ่งแทน “ยายรู้ว่าเจ้าคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม พูดไปแล้ว หนี้ของใครคนนั้นก็ต้องจ่าย พวกเจ้าสังหารผู้นำของพวกคนชั่วอย่างอวิ๋นเฮ่อก็เป็นการปลอบประโลมดวงวิญญาณพอแล้ว”

เรื่องนี้ ไม่โทษเซียวเฉวียน

ชาวคุนหลุนมีพรสวรรค์การรบโดยกำเนิด ยามนี้ชิงหลงไม่อยู่ หากว่าเหล่าผู้อาวุโสตายจนหมด ก็จะไม่มีใครประคองแนวโน้มสถานการณ์ใหญ่ ทัพคุนหลุนจะเป็นดังมังกรไร้หัวแล้วกระทำการฆ่าฟันตามแต่ใจ

พอถึงเวลานั้นแล้ว ต้าเว่ยก็จะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง

เมื่อมีผู้อาวุโสควบคุมอยู่ ไม่มีคำสั่งจากพวกนั้น กองทัพคงไม่กล้ากระทำบุ่มบ่ามตามใจ

การยอมสละความแค้นส่วนตัวกับคนผู้หนึ่งเพื่อรักษาสถานการณ์โดยรวม ท่านยายยังคงยินดี

ว่ากันตามจริงแล้ว แม้ว่าท่านยายจะเป็นกุลสตรีแต่เรื่องการตระหนักรู้นี้นางชนะบุรุษไปมากอยู่

กล่าววาจามาถึงขั้นนี้แล้ว เซียวเฉวียนมองข้างนอกครั้งหนึ่ง เซียวจิ่วกำลังพาคนใต้บังคับบัญชาจัดการสภาพหลังต่อสู้เสร็จ ไป๋ฉี่เองก็ช่วยเช่นกัน

คนตระกูลเซียวมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องจัดการ เซียวเฉวียนเองก็ไม่สะดวกจะรั้งอยู่นาน แล้วยังมี เขาเกรงว่าท่านยายจะสืบสาวถามเรื่องราวต่อจนถึงคำถามที่ทำให้เซียวเฉวียนตะลึงเข้า

ดังนั้นแล้ว เซียวเฉวียนเลยทิ้งไป๋ฉี่เอาไว้ให้คอยช่วยจัดการธุระของตระกูลเซียว ส่วนตัวเขาเองนั้นกลับเมืองหลวง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย