สรุปตอน บทที่ 1242 คิดเรื่องรวมเป็นหนึ่ง – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1242 คิดเรื่องรวมเป็นหนึ่ง ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเซียวจิ่ว ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลเซียว ยังไงก็หนีไม่พ้น
เขามีเรื่องของตระกูลเซียวต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะไปจวนเซียว
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี คนที่บาดเจ็บในครั้งนี้มีแต่ผู้ที่อยู่ใต้บัญชาของตระกูลเซียวทั้งนั้น
บังเอิญว่าสาวใช้ตระกูลเซียวออกไปเก็บของพอดี
ส่วนบุรุษ ต้องขอบคุณในความเข้มงวดของฮูหยินผู้เฒ่า ทุกคนต่างได้ฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัว
แม้ว่าจะไม่ถึงระดับยอดฝีมือ แต่อย่างน้อยก็พอรับมือได้บ้าง บวกกับที่ฮูหยินผู้เฒ่า ไป๋ฉีและเซียวเฉวียนทั้งสามคนมาทันเวลาพอดี แม้จะบาดเจ็บไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับคร่าชีวิต
พอถึงตอนนี้ ในที่สุดคนตระกูลเซียวก็เข้าใจความบากบั่นของฮูหยินผู้เฒ่า
ดั่งคำกล่าวที่ว่า บ้านมีอาวุโส เหมือนมีสมบัติ
หากไม่ใช่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าออกกฎให้บุรุษฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างเคร่งครัด เกรงว่าบัดนี้คนบาดเจ็บในตระกูลเซียวคงร้ายแรงกว่านี้
......
......
ณ จวนเซียว
หลังจากผ่านเรื่องนั้นของตระกูลเซียวมา เซียวเฉวียนรู้สึกว่าบางเรื่องต้องใส่ไว้ในกำหนดการและแก้ไข
นั่นคือปัญหาว่าชิงหลงจะอยู่หรือไป
ชิงหลงคือรัชทายาทแห่งคุนหลุน อาศัยอยู่ในจวนเซียวตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
บัดนี้อวิ๋นเฮ่อจากโลกนี้ไปแล้ว อาวุโสใหญ่ทั้งสามที่เหลืออยู่ไม่รู้ว่าจะกำราบกองทัพทหารแห่งคุนหลุนได้หรือไม่
คุนหลุนต้องการให้ชิงหลงกลับมาประจำตำแหน่ง
อีกอย่างชิงหลงเป็นคนมีเหตุ จะคิดจะทำอะไรล้วนรอบคอบ ซื่อสัตย์ มีเขากลับมาดูแลสถานการณ์โดยรวม เซียวเฉวียนก็วางใจ
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงเรียกเว่ยอวี๋และชิงหลงกลับมา เขาตั้งใจจะบอกเรื่องนี้ หลัก ๆ เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาและความคิดเห็นของเว่ยอวี๋
พอได้ยินเว่ยอวี๋พูดว่าตัวเองคือหัวใจดาบ เป็นร่างดาบที่น่ารำคาญอะไรสักอย่าง เว่ยอวี๋ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ซึ่งใหญ่พอจะยัดไข่ไก่ได้ทั้งฟอง
ไม่ได้เหรอ?
เซียวเฉวียนกำลังล้อเว่ยอวี๋เล่นใช่หรือไม่?
อะไรคือร่างดาบ เห็น ๆ อยู่ว่าเว่ยอวี๋เป็นคนเดียว และเป็นคนเป็น ๆ
คนจะกลายเป็นร่างดาบได้อย่างไร?
ผ่านไปพักใหญ่ เว่ยอวี๋สงบสติอารมณ์ลง จากนั้นก็มองเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เหล่าเซียว ล้อเล่นกันแบบนี้ เจ้าอยากแตกหักกับข้าใช่หรือไม่?”
เซียวเฉวียนมองเว่ยอวี๋ด้วยสายตานิ่งสงบโดยไม่เอ่ยสักคำ เขารู้ว่าเว่ยอวี๋อยู่ต้าเว่ย อยากเป็นแค่คุณชายที่เอ้อระเหยไปวัน ๆ เพลิดเพลินกับกองสมบัติและความรุ่งโรจน์ ถ้ามีโอกาสกลับฮวาเซี่ย ก็จะกลับ แต่ถ้าไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ก็จะอยู่ต้าเว่ยไปต่อไปอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ
จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นฉับพลัน การจะให้เว่ยอวี๋ยอมรับการเปลี่ยนแปลงด้านสถานะ ย่อมเป็นเรื่องยากสำหรับเว่ยอวี๋
จึงต้องให้เขาคิดทบทวนดี ๆ
พอได้ยินเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ ในที่สุดเว่ยอวี๋ก็เข้าใจว่าทำไมชิงหลงถึงต้องติดตามเว่ยอวี๋ทุกวันนับตั้งแต่ที่มาถึงต้าเว่ย
ที่แท้เว่ยอวี๋ก็เป็นร่างดาบของบรรพบุรุษนี่เอง
เดิมทีเว่ยอวี๋เป็นคนชอบคิดนอกกรอบ พอคิดได้ว่าหัวใจดาบเป็นส่วนหนึ่งของหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษ อยู่โลกนี้มานับพันปี ถ้าหัวใจดาบรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเว่ยอวี๋ ในฐานะที่เว่ยอวี๋เป็นร่างดาบ ก็อาจจะมีร่างเป็นอมตะก็ได้?
เมื่อชิงหลงได้ยินเสียงในใจของเว่ยอวี๋ ก็ได้แต่คลี่ยิ้มบาง ๆ และเอ่ยว่า “ใช่ หลังจากร่วมเป็นหนึ่งแล้ว เจ้าจะเป็นอมตะ”
พอคิดได้ว่าจะเป็นอมตะ เว่ยอวี๋ก็อดดีใจละคนหวาดกลัวไม่ได้
เป็นอมตะมันก็ดี แต่พอคิดว่าว่าคนข้างกายต้องตายแล้วเกิดใหม่อยู่หลายครั้ง ตัวเองต้องมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ก็อดเศร้าไม่ได้
พอได้ยินความคิดพิสดารของเว่ยอวี๋ ชิงหลงก็เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่า “อมตะไม่ดีหรือ? ข้าว่าดีนะ”
อีกอย่างนี่เป็นเรื่องที่หลายคนอยากได้แต่ไม่เคยได้ เว่ยอวี๋กลับรู้สึกเศร้า?
เว่ยอวี๋เป็นชาย เป็นหยาง
ส่วนหัวใจดาบเป็นหยิน
หยินหยางเปรียบเสมือน้ำและไฟที่เข้ากันไม่ได้
หยินหยางรวมเป็นหนึ่ง พลังชีวิตทั้งสองประเภทปะทะกันอยู่ในร่างกายของเว่ยอวี๋ ก็เหมือนกับการราดน้ำเย็นลงบนเหล็กที่ร้องระอุ ไม่แน่ว่าเสียงฉ่านั้น เว่ยอวี๋อาจจะทนไม่ไหว และสิ้นใจก็ได้
การผสานร่างกับหัวใจดาบ ก่อเกิดพลังหล่อหลอมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันกำลังทรมานร่างของเว่ยอวี๋ ซึ่งเขารู้เรื่องนี้ ในโทรทัศน์ของฮวาเซี่ยก็เคยมีการแสดงเหล่านี้
แต่เว่ยอวี๋เห็นแล้วรู้สึกว่าไม่น่าจะทรมาน กัดฟันอดทนต่อไป
ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เซียวเฉวียนว่าไว้
เว่ยอวี๋ไม่ได้สนใจ คิดว่าเซียวเฉวียนกำลังดูถูกเขา คิดว่าเขารับไม่ได้ ดังนั้นที่ทำให้เขาตกใจเช่นนี้ก็เพื่อเตรียมใจให้เขา
ก่อนหน้านั้นเว่ยอวี๋ไม่มีความสามารถพอช่วยเหลือเซียวเฉวียน ตอนนี้ ในเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว เขาต้องคว้ามันไว้
เว่ยอวี๋เอ่ยอย่างเอ่ยอย่างร่าเริงละคนวางมาด “เหล่าเซียว ที่เจ้าพูดข้ารับได้ รวมก็รวม”
“เจ้าพูดเองนะ” เซียวเฉวียนเอ่ยจริงจัง เรื่องนี้ เซียวเฉวียนอยากให้เว่ยอวี๋คิดดี ๆ ถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดนั้นค่อนข้างทรมานมาก
มันรุนแรงกว่าตอนที่เซียวเฉวียนผสานกับผนึกจูเสินเสียอีก
หัวใจดาบเย็นยะเยือก ร่างกายที่ถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็กอย่างเว่ยอวี๋อาจจะทนไม่ไหว
“ใช่! ข้าพูดเอง !พูดคำไหนคำนั้น!” เว่ยอวี๋ตบหน้าอก “เหล่าเซียว เจ้าวางใจได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วงข้า อย่าดูถูกข้า”
“อีกอย่าง ข้าจะไม่ร้องสักแอะ” เว่ยอวี๋ตบอก
ถึงอย่างไร ในเวลานี้เว่ยอวี๋ก็ฝึกฝนตนมาตลอด ศิลปะละการต่อสู้ก้าวหน้า ความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ เว่ยอวี๋พอทนได้
เพียงแต่เรื่องที่เว่ยอวี๋คาดไม่ถึงได้ตบหน้าเขาฉากใหญ่ ตบจนเจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...