เซียวเฉวียนพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีของเหล่าผู้อาวุโสทั้งสาม ทั้งยังแอบก่นด่าอยู่ภายในใจของตนเองว่า พระเจ้า! โหดร้ายยิ่งนัก
นับว่าโชคดีที่เหล่าผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็เอาแต่ใจจดใจจ่อจะโจมตีเซียวเฉวียน หาได้มีคนคิดที่หันมาจัดการกับเว่ยอวี๋ไม่ มิเช่นนั้นเซียวเฉวียนคงมิอาจปลีกไปช่วยเหลือเขาได้แน่
ถึงแม้จักเป็นเช่นนั้น ทว่า เซียวเฉวียนก็ยังคงประมาทการลอบโจมตีของผู้อาวุโสทั้งสามไป มิเช่นนั้น เขาคงมิต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้
ในยามที่กำลังเข้าโรมรันกันอยู่นั้น ในที่สุดเซียวเฉวียนจึงได้หยิบไพ่ตายของตนเอง ร้องเรียกตะโกนออกมา "พู่กันจินหลุนเฉียนคุน! ออกมา!"
พู่กันจินหลุนเฉียนคุนที่มิได้ออกมานานแล้วนั้น เมื่อเซียวเฉวียนเอ่ยเรียกมันออกมาในยามนี้ มันรีบพุ่งตัวบินออกจากแขนเสื้อของเซียวเฉวียนอย่างไม่รอช้าในทันที พลางเปล่งแสงสีแดงขาวออกมากระจายจ้า
เมื่อแสงทั้งสองสายรวมตัวเข้าหากันนั้น แสงสีขาวที่มีไว้สำหรับการป้องกันจึงลงมากางปิดกั้นด้านหน้าของเซียวเฉวียนในทันที พร้อมทั้งไฟแสงสีแดงที่ใช้สำหรับโจมตีนั้นพลันส่งเสียงขู่ไปทางท่านผู้เฒ่าทั้งสาม
เดิมทีพู่กันเฉียนคุนนั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากคุนหลุนเช่นกัน ทั้งยังเป็นอาวุธที่คุนหลุนสร้างขึ้นอีกด้วย พวกมันย่อมต้องคุ้นเคยกับกระบวนท่าของชาวคุนหลุน
ด้วยกระบวนท่าที่ถูกปล่อยออกมามิถึงสิบนั้น ทำเอาผู้อาวุโสทั้งสามถึงกับมิอาจต่อกรกับพู่กันเฉียนคุนได้อีก
พู่กันเฉียนคุนจึงเผยท่าทีองอาจผ่าเผยออกมาในทันทีกลางอากาศ ก่อนจะกวัดแกว่งไปมาด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับจะเอ่ยถามกับเซียวเฉวียนว่าตนเองควรจะทำเช่นไรกับผู้อาวุโสทั้งสามคนนี้
“ส่งพวกเขากลับไปที่ภูเขาคุนหลุนเสีย” เซียวเฉวียนกล่าวออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย
แม้แต่ในยามที่เอ่ยปากพูดออกมานั้น เซียวเฉวียนก็ยังรู้สึกได้ถึงร่างกายที่ค่อยแสดงความเจ็บปวดออกมา เซียวเฉวียนได้แต่กัดฟันลุกขึ้นนั่งสมาธิ พร้อมกับเริ่มควบคุมพลังเพื่อฟื้นฟูบาดแผลของตนเองในทันที
พู่กันเฉียนคุนได้รับคำสั่งจากนายของตนนั้น มันขยับตัววาดเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่พร้อมกับใส่พลังของตนเองลงไป เพื่อส่งผู้อาวุโสทั้งสามคนนั้นกลับไปที่ภูเขาคุนหลุนแต่โดยดี...
ในฐานะที่มันเป็นถึงพู่กันที่มีความนึกคิดและมีสติปัญญา มันจักต้องเรียนรู้วิธีการที่เรียบง่าย รวดเร็วและลดปัญหาให้ได้มากที่สุด
ทุกคนที่ได้เห็นฉากตรงนั้นพลันอดไม่ได้ที่จะถลึงตาโตออกมาในทันที เหตุการณ์ชุลมุนเมื่อครู่วุ่นวายเสียจนไม่อาจแยกตัวออกมาได้นั้น เพียงพริบตาเดียว พวกเขาพากันปิดปากเงียบมิได้เอ่ยอันใดออกมาในทันที พลางหวาดกลัวว่าพู่กันเฉียนคุนจักกวาดพวกเขาออกไปยังถิ่นทุรกันดารที่ไกล ๆ
เช่นนี้คงแย่แน่
หลังจากที่ผ่านไปได้หนึ่งจิบน้ำชา เซียวเฉวียนจึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาฉากใหญ่ เมื่อเขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองฟื้นฟูขึ้นมาดังเดิมแล้วนั้น เขาจึงลุกขึ้นยืนและเดินมาที่ข้างกายของเว่ยอวี๋ในทันที
เว่ยอวี๋ที่นอนหายใจโรยรินอยู่บนพื้นในยามนี้ เขาเจ็บปวดมากเสียจนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะร้องโอดครวญออกมา ก่อนที่ดวงตาของเขาจะค่อย ๆ หรี่ลงเป็นเส้นบาง ๆ
เว่ยอวี๋สามารถมองเห็นร่างสูงใหญ่กำยำของเซียวเฉวียนได้ ทว่า เขาในยามนี้รู้สึกเวียนหัว ราวกับโลกกำลังหมุนอยู่ก็ไม่ปาน พร้อมกับร่างของเซียวเฉวียนที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะหมุนถึงสามร้อยหกสิบองศา
เขาอยากจะพูด หากแต่มิมีเสียงอันใดออกจากปากเขาเลยแม้แต่น้อย
เว่ยอวี๋พลันครุ่นคิดกับตัวเองว่า เขากำลังจะต้องก้าวข้ามผ่านความว่างเปล่าไปหรือ?
ฮือฮือฮือ
เว่ยอวี๋พลันโอดครวญภายในใจไม่รู้จบ ไม่ เว่ยอวี๋จักไม่ยอมตายแบบนี้ เขาไม่อยากตายด้วยสภาพที่น่าอนาถเช่นนี้
เขายังมิได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเซียวเฉวียนเลย ทั้งยังมิได้ไปช่วยเซียวเฉวียนต่อสู้กับสัตว์อสูรอีกด้วย เขาจักตายไม่ได้
ตายไม่ได้!
จู่ ๆ ลันมีน้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นมาภายในหูของเว่ยอวี๋ในทันที "เว่ยอวี๋ เจ้าอดทนไว้ เจ้ายังต้องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเซียวเฉวียน หากเจ้าอดทนผ่านมันไปได้แล้วไซร้ เจ้าจักได้ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ หากเจ้าอดทนไปได้ เจ้าจักได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง!"
แต่ในเวลาเดียวกัน เว่ยอวี๋ที่ได้ยินเสียงคนพูดข้างหูขึ้นมิหยุดนั้น เซียวเฉวียนก็เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อเขามาด้วยความกังวล "เว่ยอวี๋ เว่ยอวี๋"
ไม่นานนัก แววตาของเว่ยอวี๋พลันมีแสงค่อย ๆ สว่างขึ้นมา พร้อมกับตัวเองที่มิได้รู้สึกว่าโลกหมุนอีกต่อไป
“เหล่าเซียว…” เว่ยอวี๋ที่ต้องการจะตอบกลับเซียวเฉวียนนั้น ทว่า เขาไม่อาจส่งเสียงเสียงออกไปได้ ยามที่เขายกมือขึ้นเพื่อให้เซียวเฉวียนดึงตัวเขาขึ้นไปนั้น หากแต่มือของเขาไม่อาจมีแรงยกขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?
เว่ยอวี๋รู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก เขาอยากจะยืนขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่า ตนเองสามารถอดทนต่อการรวมร่างของหัวใจดาบไปได้
ในขณะเดียวกัน ท้องฟ้าพลันส่งเสียงร้องออกมามิมีหยุด แม้แต่ดาบที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าก็ยังค่อยลอยต่ำระดับลงมาเรื่อย ๆ ทว่า ยังคงดาบเล่มหนึ่งที่ยังคงลอยอยู่บนเกาะจูเสิน เสมือนกับว่ามันกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
“ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว” จู่ๆ ผนึกจูเสินพลางเอ่ยออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่นานนักมันก็เงียบเสียงลงไปเช่นเดิม
เซียวเฉวียนเข้าใจความหมายของผนึกจูเสินเป็นอย่างดี มันกำลังบอกว่าการรวมร่างกำลังจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เมื่อเซียวเฉวียนก้มมามองดูเว่ยอวี๋นั้น เขาหาได้เห็นสัญญาณใด ๆ ไม่
ผนึกจูเสินนั้น บางครั้งบางครามันก็ชอบหลอกลวงไม่อาจเชื่อใจได้ทั้งหมด
เพียงแค่เซียวเฉวียนคิดเรื่องนี้ออกมานั้น จู่ ๆ พลันมีเสียงที่แสบแก้วหูดังขึ้นมา "ชิ้ง!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...