สรุปเนื้อหา บทที่ 1271 ออกแต่คำถามยากๆ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1271 ออกแต่คำถามยากๆ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เว่ยเชียนชิวเกิดมาในฐานะชาวยุทธ์ การคิดอย่างรอบครอบมาก ไม่เหมือนใครจริงๆเลย
แม้ว่าฮ่องเต้ยังทรงพระเยาว์ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจะสู้คนที่เฉลียวฉลาดมีความสามารถได้อย่างไร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่คาดคิดถึงระดับนี้
หากไม่ใช่เพราะเซียวเฉวียนคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์ของฮวาเซี่ย และทำความเข้าใจกิจวัตรการต่อสู้ระหว่างนายพลและเจ้าชายในราชวงศ์ต่างๆ ถ้าหากเขาไม่มีความได้เปรียบนี้ละก็ เขาอาจจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเว่ยเชียนชิวถึงวางแผนจ้องมองไปที่ห้องหนังสือชิงหยวน
นอกเหนือจากความเกลียดชังแล้ว เว่ยเชียนชิวเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากจริงๆ
น่าเสียดายที่เว่ยเชียนชิวหลงทาง
“เป็นแบบนี้นี่เอง”ฮ่องเต้ก็เข้าใจทันทีและพยักหน้าอย่างครุ่นคิด หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฮ่องเต้ก็ยกเปลือกตาขึ้นแล้วพูดต่อ:“แล้วตามความเห็นของราชครูแล้ว เรื่องนี้จะแก้ไขได้อย่างไร?”
ห้องหนังสือชิงหยวนไม่ใช่กลไกควบคุมของราชสำนักอยู่แล้ว ฮ่องเต้ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ควรเป็นเซียวเฉวียนที่เป็นประมุขแห่งชิงหยวนโดยมีอำนาจในการตัดสิน
แต่ว่า เซียวเฉวียนได้พูดเช่นนี้ และได้เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของเว่ยเชียนชิว ฮ่องเต้ก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามเพิ่มเติมอีกสองสามข้อ และอยากรู้ว่าเซียวเฉวียนจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
ก่อนหน้านี้ เว่ยเชียนชิวถือโอกาสตอนที่เซียวเฉวียนไม่อยู่ในเมืองหลวง และได้ยัดเยียดจางเคอเข้าไปที่ประมุขแห่งชิงหยวน
หลังจากที่เซียวเฉวียนกลับมาที่เมืองหลวง ถือโอกาสพิธีบังสุกุลและใช้ความคิดเห็นของประชาชนขับไล่จางเคอออกจากห้องหนังสือชิงหยวน
ปกติแล้วเซียวเฉวียนจะทำทุกอย่างที่เขาต้องการเสมอ ครั้งนี้ เซียวเฉวียนน่าจะปฏิเสธทันที
โดยไม่คาดคิด เซียวเฉวียนพูดอย่างสงบ:"เว่ยเชียนชิวคิดแผนไว้ต้องการห้องหนังสือชิงหยวน ไม่ใช่ว่าไม่สามารถให้โอกาสกับท่านอีกครั้งไม่ได้ นั่นขึ้นอยู่กับความจริงใจของท่าน"
ตอนที่พูดคำนี้ ดวงตาของเซียวเฉวียนก็ส่องแสง ราวกับว่าเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่าง
“โอ้?ความจริงใจของราชครูคือหมายถึง?”ฮ่องเต้ไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาหมายถึงอะไร แต่เขารู้ว่าเซียวเฉวียนอาจจะมีแผนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่
ห้องหนังสือชิงหยวนเป็นสถานที่ที่เซียวเฉวียนให้ความสำคัญมากที่สุด และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเซียวเฉวียน ถ้าไม่เช่นนั้น เซียวเฉวียนจะยอมปล่อยให้คนของเว่ยเชียนชิวดูหมิ่นมันได้อย่างไร
ในความเป็นจริง ไม่มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หรอก เซียวเฉวียนเพียงต้องการฉกฉวยโอกาสนี้รีดไถเว่ยเชียนชิวเท่านั้นเอง
ทุกวันนี้ เว่ยเชียนชิวมุ่งเป้าในการได้โอกาสพลิกตัวไว้ในห้องหนังสือชิงหยวน สามารถเรียกได้ว่าเป็นการทุ่มเททั้งหมดไว้ตรงนี้ หากไม่ถึงจุดมุ่งหมายเว่ยเชียนชิวจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
นี่ไง เซียวเฉวียนได้ขับไล่จางเคอออกไป และเว่ยเชียนชิวก็ได้วางแผนที่นำหวังหลินเข้ามาแทน แม้ว่าเซียวเฉวียนจะปฏิเสธ เว่ยเชียนชิวก็ยังคงคิดค้นวิธีอื่นจนกว่าเขาจะบรรลุเป้าหมาย
ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงจำเป็นต้องคิดหาวิธีปฏิเสธมากกว่านี้
ถ้าเป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนทำตามสิ่งที่เว่ยเชียนชิวปรารถนาไว้จะดีกว่า ตอบตกลงที่จะให้หวังหลินเข้ามารับหน้าที่ที่ห้องหนังสือชิงหยวน
แต่ว่า ห้องหนังสือชิงหยวนไม่ใช่ว่าใครจะมาก็เข้ามาได้ง่ายๆ หากคนของเว่ยเชียนชิวต้องการเข้ามา ยังไงก็ต้องจ่ายมาทองคำหนึ่งล้านตำลึงเพื่อเป็นบันได
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเว่ยเชียนชิว แค่หนึ่งล้านตำลึง แม้ว่าเว่ยเชียนชิวจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจยังไงก็ต้องให้
แต่งตั้งชื่ออย่างสละสลวย เพื่อการมีส่วนร่วมในการก่อสร้างห้องหนังสือชิงหยวน
เปิดประตูท้ายให้แล้ว เซียวเฉวียนก็ให้หวังหลินเข้ารับตำแหน่งในห้องหนังสือชิงหยวน
ส่วนหวังหลินสามารถทำภารกิจของเว่ยเชียนชิวให้สำเร็จได้หรือไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เซียวเฉวียนควรไปสนใจ
เซียวเฉวียนสัญญาว่าจะให้เว่ยเชียนชิวการตัดสินใจครั้งนี้ที่พยายามเอาเปรียบแต่สุดท้ายคุณก็ประสบกับความสูญเสีย!
หลังจากฟังคำอธิบายของเซียวเฉวียนแล้ว ฮ่องเต้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ
เว่ยเชียนชิวถึงขั้นจนมุมและติดอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เขาต้องขอเงินจากฮ่องเต้อย่างไร้ยางอายเพื่อสร้างจวนเจียนกั๋วใหม่ เขาต้องรวบรวมเงินมาได้แค่บางส่วน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เซียวเฉวียนยังไปขอเงินหนึ่งล้าน นี่คือการฉกฉวยโอกาสปล้นนี่
แต่ก็ พฤติกรรมของเซียวเฉวียนเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจ
ได้เจอกับศัตรูคนอย่างเซียวเฉวียน ฮ่องเต้รู้สึกหน่อยแทนเว่ยเชียนชิว
แต่ หนึ่งล้านตำลึงไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยสำหรับเว่ยเชียนชิวในปัจจุบัน
แม้ว่าเขาจะขอกับจางจิ่น แต่จางจิ่นก็อาจไม่เต็มใจที่จะให้มากนัก
ถ้าเปลี่ยนเป็นจางจิ่นละก็ ไม่ต้องพูดถึงว่าต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้นเลย แม้ว่าเซียวเฉวียนจะสั่งให้คนนำขบวนเกี้ยวไปเชิญและยอมจ้างและจ่ายเงินให้จางจิ่น จางจิ่นยังไม่เต็มใจที่จะไปเลย
ไม่รู้ว่าเว่ยเชียนชิวคิดอะไรอยู่ จะเบียดเสียดเข้าไปที่ห้องหนังสือชิงหยวนให้ได้
“ใต้เท้าจาง?ใต้เท้าจาง?”ขันทีกงกงที่มาตามคำสั่งเห็นว่าจางจิ่นไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงเรียกเขาสองครั้งด้วยความเคารพ
“โอ้ โอ้ ขันทีกงกงมีอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”จางจิ่นรู้สึกตัวเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และตระหนักว่าเมื่อกี้เขาได้เสียมารยาท และเขารู้สึกเกรงใจเล็กน้อยและพูดว่า:"เมื่อกี้ ทำให้ขันทีกงกงเห็นหัวเราะเยาะ หวังว่าขันทีกงกงจะไม่ถือสา"
ขันทีกงกงคือคนที่มีชื่อเสียงข้างกายฮ่องเต้ จางจิ่นไม่กล้าแก้ตัวต่อหน้าเขาเลย
“ใต้เท้าจางเกรงใจเกินไป กฤษฎีกาของฝ่าบาทข้าน้อยได้แจ้งมอบหมายให้แก่ท่านแล้ว ดังนั้นข้าน้อยขอตัวกลับไปที่วังก่อน”ขันทีกงกงพูดอย่างนอบน้อม
“ขันทีกงกงไปช้าๆ”จางจิ่นกล่าวอย่างสุภาพ
เมื่อเห็นร่างขันทีกงกงหายไป จางจิ่นก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเศร้าโศก ควรบอกกับเว่ยเชียนชิวอย่างไรดี?
เซียวเฉวียนเป็นแบบอย่างได้ดีมาก!
ออกแต่คำถามยากๆให้กับจางจิ่น
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ จางจิ่นจึงไม่มีอารมณ์ที่จะกินอาหารเย็น
เรื่องนี้มันยากจริงๆนะ?
ในที่สุดจางจิ่นก็ตระหนักได้ว่าการเป็นสายลับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
สามารถส่งข้อมูลของความตั้งใจเซียวเฉวียนให้กับเว่ยเชียนชิว และยังสามารถทำให้เว่ยเชียนชิวรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่จางจิ่นไร้ความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ เพื่อที่เขาจะไม่โกรธคนหนึ่งแล้วไประบายความโกรธต่อจางจิ่น
ในโลกนี้ไม่มีวิธีการที่สมบูรณ์แบบหรอก?
หลังจากคิดเรื่องนี้มาทั้งคืนแล้ว จางจิ่นก็ยังไม่สามารถคิดหาวิธีที่จะได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แต่ว่า ห้องหนังสือชิงหยวนที่ถูกไฟไหม้ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เร่งรีบ จางจิ่นยังมีเวลาค่อยๆคิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...